เช่าหรือซื้อบ้าน แบบไหนคุ้มสุดในยุคดอกเบี้ยพุ่ง
รอบรู้เรื่องบ้าน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

เช่าหรือซื้อบ้าน แบบไหนคุ้มสุดในยุคดอกเบี้ยพุ่ง

icon-access-time Posted On 17 ตุลาคม 2566
By Krungsri The COACH
ด้วยสภาพเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ที่ค่อนข้างจะท้าทาย ทั้งภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้สังคมไทยในตอนนี้อาจเริ่มเข้าสู่ยุค Generation Rent ที่เน้นการเช่ามากกว่าการซื้อ คนที่ทำงานมาสักระยะ ก็เริ่มมีความลังเลระหว่างจะเช่าบ้านต่อไปเรื่อย ๆ หรือตัดสินใจซื้อบ้านเก็บไว้เป็นสินทรัพย์ของตนเองจะดีกว่าเพราะเราถูกสั่งสอนมาจากรุ่นสู่รุ่นว่าควรมีบ้านของตัวเอง แล้วในยุคที่ดอกเบี้ยทะลุเพดานแบบนี้ เรายังควรซื้อบ้านเพื่อเป็นสินทรัพย์จริงหรือ ในบทความนี้เราเลยนำข้อมูลดี ๆ มาฝากทุกคนกันเพื่อเป็นการเช็กความพร้อมให้เพื่อน ๆ ประกอบการตัดสินใจว่าระหว่างซื้อบ้าน หรือเช่าบ้าน เลือกแบบไหนตอบโจทย์มากกว่า
หญิงสาวตัดสินเลือกเช่าบ้านหรือซื้อบ้าน

สำหรับบางคนคงตัดสินใจอยู่ว่าเอาไงดี ซื้อบ้านหรือเช่าบ้าน ซื้อก็ได้สินทรัพย์แต่ดอกเบี้ยเป็นช่วงขาขึ้นนะ ส่วนเช่าบ้านก็เหมือนจ่ายทิ้ง ถ้าเอาไปผ่อนบ้านจะคุ้มกว่า เพราะฉะนั้นโจทย์แรกที่เราควรจะตั้งคำถามกับตัวเองก่อนที่เราจะซื้อบ้านสักหนึ่งหลัง คือ ความจำเป็น และความพร้อม สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องคำถึงเป็นอันดับแรก ๆ

ถ้าเราเริ่มมีความรู้สึกอยากได้บ้านสักหลัง “วันนี้เรามีความจำเป็นไหม วันนี้เราพร้อมไหม” ถ้าเราจำเป็น เราก็มามองต่อว่าวันนี้เราพร้อมไหม ซึ่งคำว่าพร้อมในที่นี้คือความพร้อมในด้านการเงิน ซึ่งสิ่งที่ทุกคนควรมีคือการเตรียม "เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน" ก่อนการซื้อบ้าน เพราะการผ่อนบ้านเป็นเรื่องของการเดินทางระยะยาวโดยเฉลี่ย 30 ปี

ดังนั้นเราควรคิดหลายอย่างให้รอบคอบก่อนวางแผนซื้อบ้าน จะได้ไม่สร้างภาระ ความเครียด ความกดดันในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์ไม่เป็นใจในชีวิต ป้องกันความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด เพราะเป็นหนี้ระยะยาว ทีนี้เรามาลงรายละเอียดกันว่า

2 สิ่งที่ช่วยตัดสินใจ: ความจำเป็น และความพร้อม

สิ่งแรกที่ควรคำนึง: จำเป็นต้องซื้อหรือยัง

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีความจำเป็นหรือไม่ หากปัจจุบันเราอยู่กับครอบครัวอยู่แล้ว อยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ ยังไม่ได้แต่งงาน อยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว และยังไม่มีความคิดที่จะขยายครอบครัว เราอาจจะยังไม่จำเป็นที่จะซื้อบ้าน ซึ่งในช่วงนี้เราอาจจะนำเงินที่ได้จากการทำงานไปลงทุนก่อนเพื่อให้เงินมันงอกเงย ในทางกลับกันหากเราเป็นคนที่เติบโตในต่างจังหวัด และเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ ระหว่างการเช่าหรือว่าการซื้อ ถือว่าเริ่มมีความจำเป็นแล้วต้องมองหาคอนโดหรือบ้านสักหลัง

ในตอนแรกเราอาจเริ่มจากการเช่าไปก่อน แต่ทำงานไปสักพักแล้ว เราเริ่มมีความรู้สึกว่าอยากลงหลักปักฐานเพราะระยะเวลาที่ต้องทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ยาวนานเป็น 10 ปี เป็นต้น หากเป็นแบบนี้แล้วก็ต้องมาดูปัจจัยที่สองที่สำคัญไม่แพ้กัน
 
ครอบครัวตัดสินซื้อบ้านหลังวางแผนการเงิน


สิ่งที่สองที่ต้องคำนึง: มีความพร้อมทางการเงินมากแค่ไหน

แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตาม เราสามารถจัดการได้ เริ่มต้นเลยว่าสมมุติถ้าเราจะซื้อคอนโดสักหลังหนึ่ง ราคา 3,000,000 บาท ถ้าเรากู้สินเชื่อโดยใช้อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 6% ต่อปี ระยะเวลาในการกู้ 30 ปี เราจะต้องผ่อนธนาคารเดือนละ 20,000 บาท (สามารถคำนวณเงินกู้บ้านได้ที่นี่)

หากเราต้องการซื้อบ้าน เราก็ต้องกลับมาดูว่าเรามีความพร้อมหรือไม่ เช่น เรามีรายรับ 50,000 บาท ค่าผ่อนบ้านไม่ควรเกิน 40% ของรายรับ คือ 20,000 บาท กรณีข้างต้นที่เราต้องผ่อนเดือนละ 20,000 บาท แสดงว่าเรามีความสามารถในการผ่อนชำระ เราสามารถเลือกซื้อบ้านได้

แต่หากใครที่รายรับน้อยกว่านี้อาจเช่าบ้านไปก่อน เพราะว่าโดยปกติแล้ว เราไม่ควรมีหนี้ทุกประเภทรวมกันเกิน 40% เพราะถ้าเกินกว่านี้อาจจะทำให้เราขาดสภาพคล่องได้ ไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิต เราควรจะเผื่อเหลือเผื่อขาดจะดีกว่า

เมื่อเรามีความพร้อมในเรื่องความสามารถในการผ่อนชำระแล้ว สิ่งที่เราต้องคำนึงต่อไป คือ

การเตรียมตัวก่อนตัดสินใจกู้ซื้อบ้าน

เราควรเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 6 เดือน ของค่างวดที่ต้องผ่อนชำระ ซึ่งเป็นเงินที่กันออกไป เป็นเงินเย็นที่เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับก้อนนี้เลย อย่างในกรณีข้างบน เราควรมีเงินสำรองยามฉุกเฉิน 120,000 บาท (20,000 X 6 เดือน) เป็นการลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพราะว่าในยุคสมัยนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เศรษฐกิจต่าง ๆ ค่อนข้างผันผวน

ดังนั้นการเตรียมความพร้อมเงินสำรองตรงนี้ไว้ จะช่วยให้เราไม่เครียดเกินไปในระหว่างทางที่เราไม่มีรายได้เข้ามาเลย อย่างน้อยมีเงินก้อนตรงนี้ที่เราสำรองไว้ในการผ่อนธนาคารทุกเดือน ซึ่งช่วยเรามีเวลาในการเตรียมตัวรับมืออีก 6 เดือน ให้ไม่เครียดมาก กดดันจนเกินไป ซึ่งใครที่อยู่ในระหว่างเตรียมความพร้อมนี้ ก็อาจจะเช่าบ้านไปก่อนเพื่อเก็บสะสมเงินก้อนนี้ และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็สามารถตัดสินใจซื้อบ้าน ขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินแบบหมดห่วงได้เลย

แต่หากบางคนอยากมีสินทรัพย์เป็นของตัวเองแล้วเนื่องจากขยายครอบครัว แต่งงาน ในกรณีนี้ขอให้เตรียมเงินสำรองยามฉุกเฉินขั้นต่ำ 3 เดือน และระหว่างทางที่กู้ซื้อบ้าน ผ่อนชำระธนาคารในแต่ละเดือน ก็ให้กันเงินสำรองยามฉุกเฉินควบคู่กันไป
 
คู่รักวางแผนการเงินหลังจากซื้อบ้านของตัวเอง

สรุปเช่าหรือซื้อบ้านดีกว่ากัน?

การเลือกซื้อบ้าน หรือเลือกเช่าบ้านต่างมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะพิจารณาที่มุมมองไหน

ถ้าหากดูแล้วเราเป็นคนที่ต้องเปลี่ยนถิ่นฐานที่อยู่อาศัยบ่อย ยังอาจไม่มีความจำเป็นที่จะซื้อบ้าน และหากเราพบว่าการซื้อบ้านมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกิน ยังไม่มีเงินเก็บเพียงพอที่จะซื้อได้ การเลือกเช่าบ้านอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเรา

แต่ถ้าหากลองคำนวณดูเรามีเงินก้อนที่เพียงพอ สามารถผ่อนงวดบ้านต่อเดือนได้สบาย ๆ อยากมีสินทรัพย์ที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง การซื้อบ้านนี่แหละคือตอบโจทย์

สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะซื้อบ้านใหม่ มองหาสินเชื่อ และอยู่ในช่วงของการพิจารณาหาข้อมูลว่าจะเลือกสินเชื่อบ้านธนาคารไหนดี ธนาคารกรุงศรียินดีพร้อมให้คำแนะนำ เรามีสินเชื่อบ้าน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ อนุมัติไว รวมถึงผ่อนชำระสูงสุดนาน 30 ปี สนใจสอบถามเพิ่มเติมโทร. 1572 สินเชื่อบ้านกรุงศรี หรือคลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมตรงนี้ได้เลย
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา