เมื่อเข้าสู่วัยทำงานสักระยะหนึ่ง หลาย ๆ คนคงเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองแล้วแน่ ๆ ด้วยอายุเราตอนนี้เหมาะที่จะกู้สินเชื่อบ้านหรือคอนโดหรือยังนะ? เพราะยิ่งหากเรารีบตัดสินใจกู้สินเชื่อมากเท่าไหร่ เราก็จะมีสินทรัพย์เป็นของตัวเองเร็วขึ้นมากเท่านั้น
ฉะนั้นแล้วหากใครที่กำลังลังเลที่จะกู้สินเชื่อบ้าน ไม่ว่าจะเป็น
กู้บ้านหรือกู้คอนโด ไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ถึงจะควรกู้สินเชื่อดี งั้นเรามาลองเช็กสัญญาณความพร้อมเหล่านั้นไปด้วยกันเลยดีกว่า
โดยเราจะใช้ “3 เมื่อ” ในการเช็กความพร้อมกู้สินเชื่อของเรากัน
เมื่อ! มีเป้าหมายชัดเจน
เราต้องถามตัวเองก่อนเลยว่าเราอยาก
กู้บ้าน หรือกู้คอนโดไปเพื่ออะไร เช่น หากเราต้องการกู้บ้านเพื่อเริ่มสร้างครอบครัว รวมถึงมองไปยังอนาคตที่เราอาจจะมีเจ้าตัวเล็ก ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกบ้านอยู่ในทำเลที่ไม่ไกลโรงเรียนจนเกินไป
หรือถ้าหากเราต้องการกู้คอนโดใกล้ที่ทำงานรวมไปถึงการอยู่คอนโดตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเรา หรือแม้แต่เป้าหมายที่เราจะมองหาบ้านหรือคอนโดเพื่อปล่อยเช่าก็เช่นเดียวกัน
ยิ่งถ้าหากว่าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแบบนี้ก็จะทำให้การกู้สินเชื่อของเรามีวัตถุประสงค์ที่ชัดมากขึ้น
เมื่อ! เราเจอทำเลที่ชอบ บ้านและคอนโดที่ใช่
เราอาจจะได้พบทำเลที่ชอบผ่านการเดินทางไปทำงานทุก ๆ วันของเราก็เป็นไปได้ ซึ่งเรื่องของทำเลเป็นเรื่องที่จะช่วยเพิ่มความชัดเจนในการกู้สินเชื่อของเราให้มากขึ้น เพราะที่ดินยังไงก็มีราคาขึ้นตลอด ยิ่งนานวันยิ่งแพง ซึ่งหากเราตัดสินใจกู้สินเชื่อไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือคอนโดในทำเลที่ดี ในอนาคตก็จะทำให้ราคาบ้านของเราเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามไปด้วยได้
ในส่วนนี้เองหากเรามองในเรื่องขายต่อเราก็ได้กำไรจากสินทรัพย์เหล่านี้ หรือถ้าหากใครที่ตัดสินใจซื้อเร็วขึ้นในขณะที่ราคาที่ดินยังไม่เพิ่ม ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองก็จะทำให้เราไม่ต้องมารับราคาที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
ถ้าหากท่านใดที่การตัดสินใจกำลังมาถูกทางแล้ว เราขอแนะนำอีกหนึ่งตัวช่วยเสริมตัดสินใจกู้สินเชื่อเพิ่มเติม กับ Krungsri The COACH “กู้บ้าน กู้คอนโด กู้ตอนไหนเหมาะที่สุด” คลิกเลย
เมื่อ! เรามีความสามารถในการซื้อบ้าน
เรามาเช็กความสามารถในการซื้อบ้านกันก่อนจะตัดสินใจกู้สินเชื่อ เพราะเราต้องมองถึงความสามารถที่จะ
ผ่อนบ้านได้จนครบอายุสัญญา พร้อมทั้งเราต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเมื่อไหร่? ที่เราจะสามารถขอกู้สินเชื่อได้ โดยเราจะแบ่งความสามารถในการขอกู้สินเชื่อหลัก ๆ ออกเป็น 3 ข้อ ดังนี้
3 ข้อหลักประเมินความสามารถก่อนตัดสินใจขอกู้สินเชื่อ
1. เราสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ
โดยวงเงินกู้ และความสามารถในการผ่อนชำระของเราจะขึ้นอยู่กับรายได้ รายจ่าย และหนี้สินในแต่ละเดือน เราต้องมั่นใจว่าสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ เราก็จะมีคุณสมบัติในการกู้สินเชื่อได้
2. เราสามารถจัดการกับภาระหนี้สินได้
หากเราต้องการกู้สินเชื่อการที่เราไม่มีหนี้สินอยู่จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะในส่วนนี้จะช่วยเสริมข้อดีในแง่ของวงเงินที่จะได้รับจากการขอสินเชื่อ รวมทั้งการจัดสภาพคล่องของตัวเราเองในแต่ละเดือน ดังนั้นเราต้องลองสำรวจว่าเราเองมีภาระในการผ่อนรถ ผ่อนบัตรเครดิต หรือภาระหนี้สินอื่น ๆ อยู่หรือไม่
3. เรามีคุณสมบัติในการขอสินเชื่อตามที่ธนาคารระบุไว้หรือเปล่า?
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าเราจำเป็นจะต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 10,000-15,000 บาท มีอายุระหว่าง 20-65 ปี และถ้าหากเราเป็นพนักงานประจำ เราต้องมีประสบการณ์ทำงานรวมไม่ต่ำกว่า 2 ปี และผ่านงานในตำแหน่งที่ทำปัจจุบันแล้ว ส่วนในกรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ ต้องดำเนินธุรกิจมานานกว่า 2 ปี เป็นต้น
หากเรานำ 3 ข้อหลักมาสร้างความชัดเจนในการกู้สินเชื่อของเราได้แล้ว เราขอแนะนำทริคการผ่อนสินเชื่อบ้านให้หมดไวเพิ่มเติมไว้ เป็นทริคดี ๆ ให้กับทุกท่านที่กำลังจะมีบ้าน โดยเราจะแบ่งทริคการผ่อนบ้านให้หมดไว ออกเป็นหลัก ๆ 3 วิธี ลองเอาไปใช้กันดู
3 วิธีผ่อนบ้านให้หมดไว ทำอย่างไรบ้าง?
วิธีที่ 1 จ่ายค่างวดตรงเวลา
การที่เราจ่ายค่างวดตรงเวลาจะทำให้เราไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่ม และยอดเงินกู้บ้านจะลดลงตามที่ควรจะเป็น ซึ่งถ้าหากเราจ่ายค่างวดช้า ยอดเงินกู้บ้านก็จะลดลงช้า จะยิ่งส่งผลทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มสูงขึ้น พร้อมทั้งเรายังจะโดนปรับคิดดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดชำระหนี้ที่สูงกว่าดอกเบี้ยปกติ และส่งผลกระทบต่อประวัติทางการเงินของเราอีกด้วย
วิธีที่ 2 รีไฟแนนซ์ทุกๆ 3 ปี
วิธีนี้จะเป็นวิธียอดนิยมเป็นอย่างมาก เพราะโดยทั่วไปแล้วช่วงการผ่อน 3 ปีแรก ธนาคารมักให้อัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำ หรือตามโปรโมชั่นสินเชื่อต่าง ๆ ที่ธนาคารมอบให้กับเรา แต่หลังจากปีที่ 4 ขึ้นไปอัตราดอกเบี้ยมักปรับสูงขึ้น จะกลายเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
ฉะนั้นแล้วการรีไฟแนนซ์จึงเป็นวิธีที่ช่วยทำให้เราได้ผ่อนบ้านในอัตราดอกเบี้ยต่ำอีกครั้ง เพราะจะทำให้ค่างวดที่เราจ่ายนั้นมีส่วนที่เหลือจากการจ่ายดอกเบี้ยแล้วไปตัดยอดเงินต้นของเราได้มากขึ้น แต่เรื่องสำคัญที่เราห้ามลืมเลยก็คือ การรีไฟแนนซ์ก็มีค่าใช้จ่ายที่เราต้องพิจารณาด้วย เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ ค่าจดจำนองใหม่ และค่าอากร
โดยถ้าหากเราตัดสินใจจะ
รีไฟแนนซ์บ้านจริง ๆ เราขอแนะนำเพิ่มเติมว่าควรเปรียบเทียบโปรโมชั่น และดอกเบี้ยจากหลาย ๆ ธนาคารเพื่อให้เราได้รับดอกเบี้ยที่ดีที่สุด
วิธีที่ 3 จ่ายเงินโปะ หรือที่เรียกว่าการจ่ายเกินค่างวดที่กำหนด
หากเรามีเงินเหลือเกินกว่าจำนวนที่ต้องผ่อนชำระบ้านในแต่ละเดือน เราอาจจะนำเงินส่วนนั้นไปจ่ายโปะสินเชื่อของเราได้ เพื่อให้สินเชื่อของเราหมดไวขึ้น อีกทั้งข้อดีของการจ่ายโปะจะทำให้ดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายหลังจากนั้นลดลงไปด้วย โดยเราสามารถจ่ายโปะได้ทุกเมื่อตามความสะดวก โดยบางคนอาจจะโปะทุกเดือนเพราะมีรายได้เสริม หรือบางคนโปะทุกครั้งที่ได้รับเงินก้อน เช่น รับโบนัส แต่การโปะก็มีข้อเสียที่เราควรรู้ไว้เช่นกันคือเงินที่จ่ายโปะไปแล้ว เป็นการจ่ายแล้วจ่ายเลย นำกลับคืนมาไม่ได้ ถ้าเรามีเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงินก้อน คงต้องลำบากไปหาเงินเพิ่มหรือต้องไปกู้เงินมาใช้ ซึ่งอาจทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยสูงมาก อย่างไรก็ตามหากเราตัดสินใจโปะเราขอแนะนำไว้ว่าเราก็ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินไว้ก่อนด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวของการกู้สินเชื่อที่เรานำมาแนะนำทุก ๆ ท่านที่กำลังตัดสินใจอยู่ ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเราเช็กความพร้อมทั้งหมด และมั่นใจว่าเราเหมาะสมกับการสร้างสินทรัพย์แล้ว อย่ารอช้า รีบวิ่งเข้าไปหาเป้าหมายของเรากันเลย