หากใครได้ติดตามข่าวคราวด้านเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมาโลกเราได้เข้าสู่ยุคดอกเบี้ยแพงจากเงินเฟ้อโลกที่สูงขึ้น ทำให้เกิดผลกระทบกับทุก ๆ คนทั้งในเรื่องของต้นทุนในการดำเนินชีวิต พอสำรวจค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วก็รู้สึกว่าภาระสูงขึ้น ยิ่งใครมีบ้านและต้องการกู้ต่อเติมบ้าน ก็จะได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเหมือนกัน
3 เช็กลิสต์ที่ควรรู้ก่อนกู้ต่อเติมบ้าน
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากได้แนวทางในการกู้ต่อเติมบ้าน Krungsri THE COACH มีเคล็ดลับดี ๆ มาแนะนำกับ 3 เช็กลิสต์ที่ควรรู้ก่อนกู้ต่อเติมบ้าน ดังต่อไปนี้
1. เช็กเป้าหมายในการต่อเติมบ้านของเรา
ก่อนที่เราจะกู้เพื่อต่อเติมบ้านหรือกู้เงินซ่อมบ้าน สิ่งแรกที่เราจะต้องทำคือการกำหนดเป้าหมายและแผนของเราก่อนว่าจะทำอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น เดิมทีพ่อแม่ลูกอาจจะนอนรวมกันเพราะห้องนอนที่บ้านมีไม่พอ แต่พอลูกเริ่มโตขึ้นก็อยากให้เขามีห้องของตัวเองจะได้มีความเป็นส่วนตัวกันมากขึ้น หรือบางบ้านรู้สึกว่าห้องน้ำเริ่มเก่าและไม่ทันสมัยก็อยากปรับปรุงห้องน้ำใหม่ให้สวยหรูและทันสมัยมากขึ้น
การสร้างเป้าหมายให้ชัดเจนจะทำให้เราสามารถกำหนดค่าใช้จ่ายเบื้องต้นได้ และหากเรามีหลายเป้าหมาย ก็สามารถจัดลำดับความสำคัญได้ว่าสิ่งใดควรทำก่อนหรือทำทีหลัง
2. เช็กข้อมูลสินเชื่อบ้านที่ธนาคารให้บริการ
เราจะต้องศึกษาก่อนว่า มีสินเชื่อประเภทไหนบ้างที่ธนาคารออกแบบมาเพื่อให้บริการกู้ต่อเติมบ้าน และมีรายละเอียดอย่างไร ตัวอย่างเช่น วงเงินที่ให้กู้ อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการผ่อน และเป็นสินเชื่อที่ต้องใช้หลักประกันหรือไม่ รวมไปถึงวิธีการในการขอสินเชื่อแต่ละประเภท เพื่อที่เราจะสามารถเลือกสินเชื่อที่ตอบโจทย์ในการต่อเติมบ้านและเตรียมพร้อมในการกู้ให้ดีที่สุด
3. เช็กเกณฑ์ที่ธนาคารใช้พิจารณาในการปล่อยสินเชื่อ
เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการยื่นขอสินเชื่อกับทางธนาคาร โดยการเช็กเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ และอย่าลืมเตรียมเอกสารหลักฐานที่ธนาคารกำหนดในการนำไปพิจารณา ซึ่งโดยปกติแล้วธนาคารจะขอดูเอกสารเพื่อการพิจารณาวงเงินสินเชื่อ ตัวอย่างเช่น
- โฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. ที่เราเป็นเจ้าของ
- แปลนที่จะมีการต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้าน เอกสารประมาณการค่าใช้จ่าย
- สัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง
- ใบอนุญาตก่อสร้าง
วิธีการพิจารณาเลือกสินเชื่อให้เหมาะกับเรา
ในการเลือกสินเชื่อกู้ต่อเติมบ้านนั้น Krungsri THE COACH แนะนำว่าควรจะพิจารณาวงเงินตามความจำเป็นในการต่อเติมบ้าน ไม่กู้เกินความจำเป็นเพราะจะทำให้เรามีภาระเพิ่มในการผ่อน และทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้เราจะต้องเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ของแต่ละธนาคารดูว่าวงเงินที่เราจะได้รับและดอกเบี้ยที่เราจะต้องชำระของแต่ละธนาคารเป็นอย่างไร ที่สำคัญคือเมื่อได้เงินกู้มาแล้วจะต้องสามารถผ่อนชำระได้จนครบ โดยไม่สร้างผลกระทบต่อการเงินในด้านอื่น ๆ
จะรู้ได้อย่างไรว่าเราเหมาะกับสินเชื่อแบบไหน?
การขอสินเชื่อเพื่อต่อเติมบ้านมีอยู่ 2 ประเภท ซึ่งจะมีความแตกต่างกัน Krungsri THE COACH ขอแนะนำทีละประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1 สินเชื่อสำหรับบ้านไม่ติดภาระผ่อน
หรือบ้านที่เราผ่อนกับทางธนาคารหมดแล้ว ไม่มีภาระใด ๆ คงเหลือ กรณีนี้เราสามารถนำบ้านหลังดังกล่าวไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้กับทางธนาคารเพื่อขอวงเงินในการต่อเติมบ้านได้ ทางธนาคารกรุงศรีก็มี
สินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคช สินเชื่อบ้านแลกเงินก้อน สู้ทุกสถานการณ์ ซึ่งเป็นสินเชื่ออเนกประสงค์แบบผ่อนชำระรายเดือน โดยใช้หลักประกันเป็นที่อยู่อาศัยที่ปลอดภาระ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี เริ่ม 5.90 %* อัตราดอกเบี้ยนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 67 – 31 ธ.ค. 67
- กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว | อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 6.61% - 10.30% ต่อปี*
*สมมติฐานการคำนวณมาจากวงเงินกู้ 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 6 ต.ค. 66 = 7.40% ต่อปี ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
หมายเหตุ: อัตราดอกเบี้ยนี้เป็นข้อมูล ณ วันที่โพสต์บทความ สามารถตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน และรายละเอียดการคำนวณเพิ่มเติมได้ที่ www.krungsri.com
ประเภทที่ 2 บ้านติดภาระผ่อน หรือบ้านที่เรายังผ่อนธนาคารยังไม่ครบ
สำหรับกรณีนี้ ขอแนะนำให้ติดต่อกับธนาคารที่ใช้บริการอยู่ เพื่อที่จะขอวงเงินกู้เพิ่มเติม ธนาคารจะประเมินวงเงินการต่อเติมบ้านให้เรา หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือการขอสินเชื่อประเภทอื่นที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับกรณีที่ต่อเติมบ้านที่ใช้เงินไม่เยอะ ไม่จำเป็นต้องขอสินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคช ทางกรุงศรีก็มีสินเชื่อส่วนบุคคล ยื่นกู้ง่าย ไม่ต้องค้ำ วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท
3 เคล็ดลับขอสินเชื่อเพื่อต่อเติมบ้านให้ผ่านฉลุย
สำหรับคนที่สนใจอยากขอสินเชื่อเพื่อต่อเติมบ้าน Krungsri THE COACH มีเคล็ดลับ 3 ข้อมาฝากกัน ให้กู้ผ่านง่าย ได้ซ่อมและต่อเติมบ้านใหม่แน่นอน!
เคล็ดลับข้อ 1 แค่สร้างประวัติทางการเงินให้ดี ก็มีโอกาสมากขึ้น
เราจะต้องแสดงให้ธนาคารเห็นว่าเรามีรายได้เข้าธนาคารเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ และแสดงให้ธนาคารเห็นว่าเรามีเงินเข้ามากกว่าเงินออก และมีเงินออมอยู่ในบัญชี นอกจากนี้เราควรจะสร้างประวัติเครดิตหรือเครดิตบูโรของตัวเองให้ดีเพื่อทำให้ธนาคารพิจารณาปล่อยเงินกู้ให้เราง่ายขึ้น
เคล็ดลับข้อ 2 คุณต้องเคลียร์หนี้ให้ได้มากที่สุด
หากเรามีภาระหนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้านหรือหนี้รถ เราควรจะทำการเคลียร์หนี้ให้ได้มากที่สุด เพราะธนาคารจะอนุมัติวงเงินกู้ให้ได้ง่ายหากเรามีภาระหนี้เดิมรวมกับภาระหนี้ใหม่รวมแล้วไม่เกิน 65% ของรายได้
เคล็ดลับข้อ 3 คุณต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม
อย่าลืมเตรียมรายละเอียดการต่อเติมบ้านเพื่อประกอบการพิจารณาของธนาคาร และ
เอกสารสำคัญต่าง ๆ ในการยื่นกู้ต่อเติมบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน รวมถึงเอกสารทางการเงินอย่างบัญชีธนาคาร สลิปเงินเดือน และอย่าลืมเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของบ้านที่จะนำไปขอเงินกู้ต่อเติมบ้าน
จะเห็นได้ว่าการกู้ต่อเติมบ้านในช่วงดอกเบี้ยสูงเป็นสิ่งที่ไม่ยากเลย
Krungsri THE COACH อยากให้ทุกคนลองนำเช็กลิสต์และวิธีการไปใช้ เพื่อที่จะได้ต่อเติมบ้านได้อย่างไม่สะดุดและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุก ๆ วัน