เชื่อว่าน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาหลาย ๆ คนที่พึ่งเริ่มต้นชีวิตมนุษย์เงินเดือน สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือการทำ “
“บัตรเครดิต” ใบแรก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนี้สังคมของเรากำลังเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทำให้การช้อปปิ้งกลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกขึ้น ไม่ว่าจะซื้ออะไรก็ไม่ต้องพกเงินสด แถมยังสามารถสั่งออนไลน์ได้ ดังนั้นบัตรเครดิตจึงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญต่อมนุษย์เงินเดือนยุคใหม่อย่างเรา ๆ
ซึ่งประโยชน์ของบัตรเครดิตก็ไม่ใช่แค่เอาไว้รูดซื้อของเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมี
เทคนิคการใช้บัตรเครดิตเพื่อให้ได้ส่วนลดในการจับจ่ายใช้สอยซื้อของต่าง ๆ พร้อมกับโปรโมชันร้านค้าแนะนำ การสะสมคะแนน แลกแต้มเพื่อรับของสมนาคุณ อีกทั้งยังมีสิทธิพิเศษที่จะได้รับจากการใช้บัตรเครดิตเท่านั้นอีกด้วย ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะพอทราบประโยชน์ของบัตรเครดิตกันอยู่แล้ว แต่สำหรับบางคนอาจจะมีคำถามว่า ถ้าอยากจะทำบัตรเครดิตสักหนึ่งใบเราจะเริ่มต้นอย่างไรดี?
เรามาดูกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่สำคัญในการตัดสินใจเลือกสมัครบัตรเครดิตกับ “Krungsri The COACH Ep.32 มนุษย์เงินเดือน เลือกบัตรเครดิตแบบไหนดีนะ” คลิกเลย
และสำหรับชาวมนุษย์เงินเดือนท่านใดที่ยังคงต้องการข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกบัตรเครดิตเด็กจบใหม่ใบแรกกันอยู่ เรามาดูปัจจัยในการเลือกบัตรเครดิตให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์กันเลย
เลือกบัตรเครดิตอย่างไรให้ตอบโจทย์ “มนุษย์เงินเดือน” วัยเริ่มทำงาน
1. เลือกจากสิทธิประโยชน์ที่เราจะได้รับ
จะทำบัตรเครดิตเด็กจบใหม่ใบแรกในชีวิตทั้งที อันดับแรกเลยเราควรพิจารณาถึงสิทธิประโยชน์ที่เราจะได้รับ ตัวอย่างเช่น หากใครเป็นนักช็อปที่เห็นสินค้าลดราคาแล้วใจสั่น อยากได้ ของมันต้องมี! ไม่ว่าจะเป็นการช็อปปิ้งออนไลน์บน E-Commerce ต่าง ๆ อย่าง Shopee, Lazada หรือช็อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ก็ควรเลือกบัตรเครดิตที่มีสิทธิประโยชน์ตอบโจทย์สายช็อป ซึ่งสิทธิประโยชน์ในบัตรเครดิตนั้นก็มีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภทดังต่อไปนี้
- โปรโมชันรับเครดิตเงินคืน คือ เงินที่ได้รับคืนจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินที่ใช้ไป หรือตามเงื่อนไขของโปรโมชันบัตรเครดิตที่กำหนดไว้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราจะไม่ได้รับเครดิตเงินคืนสำหรับการซื้อทุกครั้งที่ใช้ ซึ่งจะให้ดี เราก็ควรเลือกผู้ให้บริการที่เสนอเงินคืนสำหรับสินค้าหลากหลายประเภทเพื่อความคุ้มค่าสูงสุด และเลือกบัตรเครดิตที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ความต้องการในการใช้จ่ายของเรา ยกตัวอย่าง ถ้าเราเป็นสายท่องเที่ยว เราอาจเลือกบัตรเครดิตที่มีเครดิตเงินคืนจากการจองโรงแรม ซื้อแพ็กเกจทัวร์ ตั๋วเครื่องบิน จองรถเช่าออนไลน์ เราก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับการใช้จ่ายและยังได้รับเงินคืนจากบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายไปอีกด้วย
- คะแนนสะสม คือ คะแนนที่ได้รับจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เราจะสามารถนำคะแนนสะสมไปแลกเพื่อเป็นส่วนลดได้ ยิ่งบัตรเครดิตที่มีแต้มสะสมทวีคูณให้เรามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งได้รับคะแนนมากและรวดเร็ว เพื่อที่จะสามารถใช้เป็นส่วนลด หรือเครดิตเงินคืนได้
- ใครว่าผ่อน 0% ไม่สำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเราซื้อเงินสดได้ นอกจากนี้เรายังไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม แถมผ่อนจ่ายได้เป็นงวด ๆ เราอาจใช้เงินจำนวนนี้ไปทำอะไรได้อีกมากมาย และยิ่งระยะเวลาการชำระแบบไม่มีดอกเบี้ยนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะจะช่วยให้เราลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนลงได้อย่างมาก
- สิทธิพิเศษอื่น ๆ จากบัตรเครดิต ไม่ใช่ว่าบัตรเครดิตทุกใบจะมอบสิทธิพิเศษให้กับเราได้ ดังนั้น หากเราได้บัตรเครดิตที่สิทธิพิเศษมากมายนั้นถือว่าดีมาก แต่สิทธิพิเศษที่หมายถึงนั้นคือการที่ได้สิทธิพิเศษนอกเหนือไปจากการแลกคะแนนสะสม เช่น สิทธิพิเศษที่จอดรถ ส่วนลดในร้านอาหารต่าง ๆ หรือได้รับเมนูสุดพิเศษเฉพาะผู้ที่ถือบัตรนั้นอยู่อีกด้วย
2. Lifestyle ของเราเหมาะกับบัตรเครดิตแบบไหน?
บัตรเครดิตมีหลากหลาย และมีความแตกต่างตรงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ การที่สมัครบัตรเครดิตหลายคนก็คงมีของที่อยากได้อยู่ในใจ ดังนั้นอาจจะต้องสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองดูว่าที่ผ่านมาจ่ายเงินให้กับอะไรไปบ้าง เราเป็นสายไหน สายช็อป สายกิน หรือสายท่องเที่ยว สินค้าหรือบริการแบบไหนที่ชื่นชอบ รวมไปถึงช่องทางการใช้จ่าย ดูว่าเราช็อปปิ้งตามห้าง หรือซื้อของออนไลน์เป็นหลัก พฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เราเลือกบัตรเครดิตเด็กจบใหม่ที่มีสิทธิประโยชน์ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้มากขึ้นกว่าเดิม
3. คุณสมบัติที่ต้องตรวจสอบก่อนสมัครบัตรเครดิต
เนื่องจากหลักเกณฑ์การสมัครบัตรเครดิตของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง และบัตรเครดิตแต่ละใบไม่เหมือนกัน จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเรามีสิทธิ์หรือคุณสมบัติที่จะสมัครบัตรเครดิตได้ตามต้องการหรือไม่ เริ่มจาก
- เช็กฐานเงินเดือน รายได้ขั้นต่ำส่วนใหญ่จะประมาณ 15,000 บาท ขึ้นไป
- ระยะเวลาการทำงาน อยู่ในเกณฑ์ที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งกำหนดหรือไม่?
- มีข้อมูลติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ และสถานที่ทำงานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ เป็นแหล่งที่สามารถติดต่อได้ และระบุหมายเลขการทำงานอย่างชัดเจนในใบสมัคร เนื่องจากผู้ให้บริการต้องการให้เครดิตกับผู้มีความน่าเชื่อถือ และสามารถติดต่อได้ง่าย ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วว่าคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ในขั้นแรก จะมีการโทรมาเพื่อยืนยันข้อมูลอีกครั้ง
4. ช่องทางการชำระค่าบัตรเครดิต
นอกเหนือจากการเลือกบัตรเครดิตเด็กจบใหม่ที่ช่วยให้ใช้จ่ายได้คล่องและตรงกับไลฟ์สไตล์ของเราแล้ว ควรเปิดบัตรเครดิตกับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่มีจุดให้บริการหรือมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น ชำระผ่านตู้เอทีเอ็ม ชำระผ่านแอปฯ ธนาคาร หรือชำระที่ธนาคารสาขาใกล้บ้านได้ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการชำระหนี้บัตรเครดิต และหลีกเลี่ยงการ
ชำระค่าบัตรเครดิตช้า เช่น บัตรเครดิตกรุงศรี ที่สามารถตรวจสอบยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตผ่านแอปฯ UCHOOSE ง่ายมาก!! พร้อมรวมโปรบัตรเครดิต เช็กยอด เช็กแต้ม เช็ก Cashback ได้เอง สะดวกมาก ๆ
5. เช็กอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต
รู้หรือไม่? หากเลือกชำระเป็นจำนวนเงินขั้นต่ำจากยอดบิลใช้จ่ายทั้งหมด หรือชำระไม่เต็มจำนวน และหากชำระล่าช้าในทุกกรณีถือว่าเราผิดสัญญาชำระ
หนี้บัตรเครดิต แบบนี้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยผิดนัดชำระ เราอาจต้องเสียดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารที่สมัครบัตรเครดิตด้วยกำหนดไว้ แต่ทั้งนี้เราไม่แนะนำให้จ่ายบัตรขั้นต่ำหรือผิดนัดชำระเพื่อรักษาเครดิตที่ดีไว้สำหรับการกู้ยืมในอนาคตของเรา
6. ค่าธรรมเนียมรายปีบัตรเครดิต
บัตรเครดิตเกือบทุกใบจะฟรีค่าธรรมเนียมในปีแรก แต่ในปีต่อไปอาจจะมีค่าธรรมเนียมรายปีที่ต้องจ่าย หากเราไม่สามารถใช้จ่ายได้ตามขั้นต่ำที่ธนาคารฯ นั้น ๆ กำหนด เราควรพิจารณาวางแผนการใช้จ่ายให้ดี ๆ ก่อนการเลือกสมัครบัตร และการเลือกสมัครบัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับบัตรเครดิตเด็กจบใหม่ใบแรกของเรา
หลายคนมองว่าการมีบัตรเครดิตใบเดียวเป็นความคิดที่ไม่ดี เนื่องจากอาจนำไปสู่การสะสมหนี้ในอนาคต แต่ลองมองในอีกมุมหนึ่ง บัตรเครดิตก็ให้สิทธิพิเศษมากกว่าที่เราคิด หากเรารู้จักวิธีการใช้อย่างถูกต้อง ถูกที่ ถูกเวลา เราอาจจะสามารถประหยัดเงินได้มากขึ้นกว่าเดิมจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้อย่างแน่นอน