ในช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจต่าง ๆ บัตรเครดิตถือเป็นสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนนำมาใช้เป็นทางเลือกในการใช้จ่าย อาจด้วยโปรโมชั่นของบัตรเครดิตที่คุ้มค่า และการที่เราไม่จำเป็นต้องเสียเงินสดในกระเป๋าจ่ายไปก่อน แต่อย่าลืมว่าการใช้บัตรเครดิตถือเป็นการที่เราหยิบเงินจากในอนาคตของเรามาใช้ ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลาย ๆ คนที่ใช้บัตรเครดิตอย่างไม่ระมัดระวัง จนเกิดการ “ติดหนี้บัตรเครดิต” ขึ้นมา
เรื่องแบบนี้ใคร ๆ ก็สามารถผิดพลาดจากการใช้จ่ายกันได้ทั้งนั้น ดังนั้นแล้วหากเรา
ติดหนี้บัตรเครดิตขึ้นมา เราก็ต้องเริ่มมองหาทาง
แก้หนี้บัตรเครดิตเพื่อไม่ให้หนี้บานปลายและดอกเบี้ยสูงทบต้นไปมากกว่านี้ บทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีที่จะพาทุกท่านไปแก้ปัญหาวังวนหนี้บัตรเครดิต ต้องทำอย่างไรให้รอด เรามาเริ่มหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
4 วิธีแก้หนี้บัตรเครดิตเริ่มต้นอย่างไรดี?
วิธีที่ 1 รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินแต่คำว่า
รีไฟแนนซ์บ้าน ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตด้วยเช่นกัน โดยการทำวิธีนี้คือการที่เรารวมหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดจากหลายๆ แหล่ง เพื่อนำไปหาสถาบันการเงินแห่งใหม่หรือธนาคารใหม่เพื่อทำการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ช่วยลดการผ่อนชำระรายเดือน โดยขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เริ่มทำได้ ดังนี้
- รวมยอดหนี้บัตรเครดิตทุกใบที่มีอย่างละเอียด
- ดูความสามารถในการชำระหนี้ของเรา
- ติดต่อธนาคารเดิมเพื่อต่อรองและแจ้งปิดหนี้เก่า
- มองหาธนาคารใหม่เพื่อติดต่อขอรีไฟแนนซ์ โดยพิจารณาหลาย ๆ ธนาคารหาธนาคารที่ดอกเบี้ยคุ้มค่าที่สุด
ซึ่งวิธีการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นเหมาะกับคนที่
ติดหนี้บัตรเครดิตเพียงอย่างเดียว และมีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ
วิธีที่ 2 รวมหนี้
การรวมหนี้ทำความเข้าใจง่าย ๆ คือ การที่เรานำหนี้ดอกเบี้ยสูง อย่างเช่น หนี้บัตรเครดิต, หนี้บ้าน หรือสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น ๆ ที่เราเป็นหนี้อยู่หลายธนาคารมารวมไว้ที่เดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและการผ่อนชำระหนี้ โดยวิธีนี้จะทำให้เราสามารถเลือกผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ตามกำลังที่เราไหว แถมยังช่วยลดภาระในเรื่องดอกเบี้ยลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้เราปิดหนี้ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น สำหรับคนที่อยากจะรวมหนี้บัตรเครดิตก็สามารถทำได้ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ
- การรวมหนี้บัตรเครดิตหลายใบ รวมหนี้บัตรเครดิตที่เรามีอยู่กับหลาย ๆ ธนาคารมาเป็นสินเชื่อบุคคลกับธนาคารเดียวเพื่อให้ดอกเบี้ยลดลง และบริหารจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้นด้วยการผ่อนจ่ายหนี้เพียงก้อนเดียว โดยระยะเวลาสินเชื่อยืดหยุ่นได้สูงสุดถึง 5 ปี ตรงนี้มีหลายธนาคารให้บริการอยู่ ส่วนใหญ่จะให้วงเงินได้สูงสุด 5 เท่าของรายได้กรณีไม่มีหลักประกัน
- การรวมหนี้บัตรเครดิตเข้าไว้กับหนี้สินเชื่อบ้าน รวมหนี้บัตรเครดิตไว้กับสินเชื่อบ้านที่เรามีอยู่ให้กลายเป็นหนี้ก้อนเดียวกับธนาคารเดียวกัน เพื่อช่วยลดภาระเรื่องดอกเบี้ยและการผ่อนค่างวด โดยจะได้วงเงินไม่เกินมูลค่าของหลักประกัน
วิธีที่ 3 เปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตให้กลายเป็นสินเชื่อระยะยาว
หากเราติดหนี้บัตรเครดิตอยู่ เราอาจจะเลือกวิธีนี้ในการแก้หนี้บัตรเครดิต โดยการเปลี่ยนเป็นหนี้สินเชื่อระยะยาวที่จะสามารถช่วยลดค่างวด พร้อมทั้งจะทำให้เราสามารถขยายระยะเวลาชำระหนี้ เมื่อเปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาวแล้วจะทำให้เราได้รับดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตเดิมของเราได้
โดยขั้นตอนการเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตให้กลายเป็นสินเชื่อระยะยาว มี 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
1. สำรวจค่าใช้จ่ายของเราในแต่ละเดือน เริ่มสำรวจค่าใช้จ่ายของเราในแต่ละเดือน พร้อมทั้งคำนวณจากรายได้ของเราเพื่อที่จะได้เห็นถึงความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของเรา โดยเราจะยกตัวอย่างเป็นตารางด้านล่างนี้
สมมติว่า เรามีรายได้เดือนละ 40,000 บาท มีหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดราว ๆ 300,000 บาท เรามาเริ่มวางแผนการเงินค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อเดือนก่อน เพื่อที่จะได้รู้ถึงความสามารถในการผ่อนชำระหนี้สินของเรา
จะเห็นได้ว่า หากเราสามารถหักค่าใช้จ่ายของเราทั้งหมดออกแล้ว เราจะเหลือเงินราว ๆ 9,000 บาท ที่สามารถใช้ชำระหนี้ระยะยาวของเราได้ แต่เราขอแนะนำว่า ไม่ควรให้ยอดหนี้ของเราอยู่ในระดับที่ 9,000 บาทพอดี เพื่อช่วยให้การเงินของเราคล่องตัวขึ้น ท่านอาจจะผ่อนเพียงแค่ 6,000-7,000 บาทเท่านั้น (นี่เป็นเพียงกรณีตัวอย่าง ทุก ๆ ท่านควรศึกษาข้อมูลและวางแผนการเงินให้ดีก่อนตัดสินใจทำสินเชื่อระยะยาว)
2. ติดต่อธนาคารเดิมที่เรามีหนี้ เข้าติดต่อธนาคารเดิมที่เรามีหนี้บัตรเครดิต และขอเปลี่ยนหนี้บัตรเครดิตเดิมให้กลายเป็นหนี้ระยะยาว
3. รอธนาคารพิจารณา โดยธนาคารจะพิจารณาจากวงเงินของบัตรเครดิตของเรา เพื่อใช้คิดดอกเบี้ยในอัตราไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี และร้อยละ 22 ต่อปี รวมถึงธนาคารจะพิจารณาระยะเวลาสินเชื่อระยะยาวไปให้เราอีกด้วย
ซึ่งวิธีการนี้ก็เหมาะกับคนที่ไม่สามารถจ่ายยอดหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำไหว ต้องการยืดระยะในการเป็นหนี้บัตรเครดิตนั่นเอง
วิธีที่ 4 ปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายและวางแผนการเงินก่อนตัดสินใจรูดบัตร
การวางแผนการเงินก่อนตัดสินใจรูดบัตรเครดิตเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะไม่ทำให้เราเป็นหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น หากเราต้องการซื้อสิ่งของที่จำเป็นเพิ่มโดยใช้บัตรเครดิต ควรคำนวณค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนและดูยอดเงินคงเหลือที่สามารถจ่ายบัตรเครดิตไหว เพื่อให้มีเงินที่ไปชำระหนี้บัตรเครดิตคงค้างและพยายามจ่ายให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และที่สำคัญเราควรเช็กสิทธิพิเศษต่าง ๆ จากบัตรเครดิตก่อนตัดสินใจรูดบัตรของเราก่อนด้วย เพื่อที่เราจะได้วางแผนการใช้จ่ายได้ดีขึ้น เช่น สิทธิผ่อนชำระสินค้าดอกเบี้ย 0% (ขึ้นอยู่กับประเภทบัตรเครดิตของเรา)
ท้ายที่สุดของบทความนี้ การเลือกใช้บัตรเครดิตถือเป็นหนึ่งใน
ทางเลือกใช้จ่ายที่ดี เพียงแค่เราต้องรู้จักคิด รู้จักใช้ ให้เกิดประโยชน์กับเราที่สุด แต่หากเกิดความผิดพลาดในการควบคุมค่าใช้จ่ายทำให้ติดหนี้บัตรเครดิตขึ้นมา สิ่งที่เราควรทำให้ไวคือการหาทางออกของการแก้หนี้บัตรเครดิตนี้ เพื่อรักษาประวัติทางการเงินที่ดีของตัวเรา