ในยุคปัจจุบัน การซื้อของจับจ่ายใช้สอยสิ่งต่าง ๆ สามารถทำได้ง่ายดายแค่ปลายนิ้วผ่านระบบออนไลน์หรือผ่านบัตรเครดิตที่ทั้งสะดวกและรวดเร็ว แต่ด้วยพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ฟุ้งเฟ้อสวนทางกับรายได้ทำให้หลาย ๆ คนจึงไม่สามารถจ่ายเต็มจำนวนได้จากยอดที่ใช้จ่ายไป โดยมักจะเลือกจ่ายเฉพาะขั้นต่ำบัตรเครดิตแทน ยิ่งเป็นวัยทำงานที่มีรายได้ และเครดิตดี มีบัตรหลายใบ พอจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตหลายใบเข้า ก็จะรู้สึกราวกับว่าถูกทับถมท่ามกลางหนี้สิน
เมื่อพิจารณาถึงความสะดวก ปลอดภัย และคุ้มค่า บัตรเครดิต ดูจะเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ตอบโจทย์ที่สุด และเข้ากับ lifestyle ของคนในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ด้วยรูปแบบการใช้งานที่ง่าย และหลากหลาย ไม่ว่าจะถือบัตรไปรูดซื้อสินค้าที่ร้านค้า หรือจะผูกเข้ากับบริการออนไลน์ให้ตัดเงินจากบัตรเมื่อมีธุรกรรมเกิดขึ้น แถมยังมีดีลพิเศษส่งเสริมการขายมากมายไม่ว่าจะเป็น ส่วนลด cashback คะแนนสะสม และการผ่อนจ่ายค่าสินค้าและบริการ แต่คุณประโยชน์เหล่านี้จะกลายเป็น “โทษ” ทันทีเมื่อเราใช้จ่ายอย่างไม่มีสติ ไม่รู้ว่าใช้ไปเท่าไร ไม่รู้ว่าต้องจ่ายคืนเมื่อไร ยิ่งคนที่ใช้บัตรเครดิตหลาย ๆ ใบอย่างไม่รู้ตัว เมื่อถึงเวลาที่ใบแจ้งหนี้มา ก็สายเกินไปที่จะรู้สึกตัวแล้ว สุดท้ายต้องติดอยู่กับวงจรหนี้สิน ซึ่งบางรายอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการปลดหนี้ก้อนนี้ลง
หากใครรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ และกำลังหาทางออก Krungsri The COACH จะมาชวนทุกคนรู้เทคนิคหยุดวงจรหนี้บัตรเครดิต ที่ต้องคอยจ่ายขั้นต่ำในแต่ละเดือน ทำให้ระดับหนี้สินลดลงจนกลับมาตั้งหลัก แล้วค่อย ๆ แก้ปัญหาหนี้บัตรให้คลี่คลาย จนถึงหมดไป
4 ขั้นตอนหยุดวงจรจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ
ขั้นตอนที่ 1 สำรวจ และรู้จักตัวเองให้มากขึ้น
เรามีรายได้เท่าไร แต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง สามารถจ่ายเพิ่มได้อีกเท่าไร แล้วมีเงินเหลือเก็บไหม เหล่านี้ล้วนเป็น checklist ที่ต้องมีทุกครั้งก่อนคิดเพิ่มค่าใช้จ่าย แต่คนที่มีปัญหาเรื่องหนี้มักเกิดจากการไม่รู้สถานะทางการเงินที่แท้จริงของตัวเอง ดังนั้น การเริ่มสำรวจตัวเองเพื่อเข้าใจปัญหาจะช่วยให้มองภาพรวมของปัญหาได้ดียิ่งขึ้น วิธีที่จะทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น คือ ควรทำงบรายรับรายจ่ายของตัวเองให้ละเอียด โดยเฉพาะค่าบัตรเครดิตที่ต้องจ่ายคืนในแต่ละเดือน
ขอยกตัวอย่าง นาย A ประกอบคำอธิบาย ทั้ง 4 ขั้นตอนโดยละเอียด
ตารางรายรับรายจ่ายประจำเดือนของนาย A
จะพบว่านาย A มีรายรับ น้อยกว่า รายจ่าย ทำให้เงินทุกเดือนติดลบ อยู่เดือนละ 1,750 บาท จากการเป็นหนี้บัตรเครดิต 3 ใบ และผ่อนจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตรวมกันเดือนละ 10,000 บาท (ขั้นต่ำบัตรเครดิต 8% จากยอดคงค้างรวม 125,000 บาท)
หากยังจ่ายขั้นต่ำไหว และเงินรายเดือนยังไม่ติดลบ แสดงว่ายังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่หากไม่สามารถชำระไหว หรือขาดชำระในบางงวด แนะนำให้อ่านขั้นตอนถัดไป
ขั้นตอนที่ 2 หยุดวงจรหนี้
ง่าย ๆ ก็คือไม่ก่อหนี้ใหม่ ใช้จ่ายอย่างระวังระวัง หยุดพฤติกรรมฟุ่มเฟือย ไม่แก้หนี้ด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น
นาย A มีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ รายได้ไม่พอจ่าย และไม่อยากเสียเครดิต ดังนั้น พอถึงกำหนดชำระหนี้ก็ใช้วิธีกดเงินจากบัตรเครดิตใบที่ 1 ไปจ่ายใบที่ 2 พอถึงกำหนดชำระบัตรใบที่ 2 ก็ไปกดเงินจากใบที่ 1 มาจ่าย วนไปเรื่อย ๆ ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นการจัดสรรเงินที่ดี หมุนเงินเก่ง แต่หารู้ไม่ว่าจะกำลังก่อหนี้เพิ่มพูนสะสม ตัวอย่างเช่น กดเงินจากบัตรใบที่ 1 จำนวน 10,000 บาท เพื่อไปจ่ายค่าบัตรใบที่ 2 เมื่อถึงเวลาที่ต้องจ่ายคืนบัตรใบที่ 1 เราจะไม่ได้จ่ายคืนแค่ 10,000 บาท แต่เราต้องจ่าย 10,000 + 300 ค่าธรรมเนียมบัตร ทำให้ A ต้องจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตสูงขึ้น และติดลบหนักขึ้นวนเป็นวงจร จนไปสิ้นสุดที่วงเงินบัตรเครดิตก็จะเต็มทั้ง 3 ใบ และกู้เพิ่มไม่ได้แล้ว จึงควรปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายเพื่อหยุดวงจรหนี้
แม้จะพยายามหาเงินมาจ่ายหนี้เท่าไร แต่หากต้นเหตุของหนี้ ซึ่งก็คือพฤติกรรมการใช้เงินเกินตัว หรือใช้อย่างไม่ถูกต้อง ยังไม่ถูกแก้ไข ปัญหาก็ไม่มีทางสิ้นสุด จึงควรหยุดวงจรหนี้ก่อนไปขั้นตอนต่อไป เมื่อสายหนี้ก็จะขาดลง ก็จะช่วยให้เราสามารถจัดการหนี้ที่มีอยู่ให้ค่อย ๆ หาย และหมดไปได้
ขั้นตอนที่ 3 หาแหล่งเงินเพื่อจัดการหนี้
พยายามหาแหล่งเงินมาลดยอดหนี้เพื่อให้ภาระลดลง เช่น ดูว่ามีเงินฝาก เงินลงทุนที่เก็บไว้ หรือของใช้ส่วนตัวที่มีมูลล่า ที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ แปรสภาพเอามาใช้หนี้ก่อน ไว้ปลดหนี้ได้ค่อยสร้างขึ้นมาใหม่
ขอยืมจากคนในครอบครัว หรือคนรู้จัก มาใช้หนี้ก่อนเพราะไม่มีดอกเบี้ย ลดต้นทุนหนี้ (แต่ยืมแล้วต้องคืนด้วยนะ!!) ทำงานพิเศษ เพิ่มรายได้
แต่หากแก้ปัญหาในขั้นตอนนี้ได้ดีปัญหาก็จะจบ แต่ถ้ายังไม่ไหวจำเป็นต้องใช้ขั้นตอนสุดท้าย
ขั้นตอนที่ 4 รวมหนี้
หากขั้นตอนที่ 1-3 ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้เห็นผล หรือยังคงมีปัญหาเหล่านี้อยู่ เช่น
- รายรับติดลบรายจ่ายเท่าเดิม
- จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตไม่ไหว
- จ่ายบัตรเครดิตล่าช้า หมุนเงินลำบาก
เป็นสัญญาณที่รู้ว่าจำเป็นต้องนำหนี้บัตรเครดิตที่เรามีอยู่จากหลาย ๆ ที่ เอามารวมไว้ที่เดียวกัน เรียกว่า
การรวมหนี้บัตรเครดิต
การรวมหนี้คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
การรวมหนี้ เป็นการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเดียวมาจ่ายหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมด และเป็นหนี้กับสถาบันการเงินแห่งเดียว ประโยชน์ของการรวมหนี้ จะทำให้มีภาระในการผ่อนชำระเพียงแห่งเดียวจากเดิมที่จ่ายกระจัดกระจายหลายที่ ลดปัญหาการจ่ายล่าช้าหรือลืมชำระหนี้ และที่สำคัญช่วยให้ยอดขั้นต่ำในการผ่อนชำระต่อเดือนลดลง
3 ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนพิจารณารวมหนี้
1. สรุปหนี้ที่มีอยู่ทุกรายการ
สำรวจยอดรวมทั้งหมดเป็นจำนวนเงินเท่าใด และการผ่อนในปัจจุบันเดือนละเท่าไหร่
2. ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน
เพื่อให้รู้ว่ามีกำลังผ่อนไหวเดือนละเท่าไร โดยความสามารถในการผ่อนประเมินได้จากรายรับรายจ่ายประจำเดือน หากนาย A มียอดผ่อนต่อเดือนลดลงเดือนละ 2,000 บาท จากเดิมที่ผ่อน 10,000 บาท ต่อเดือน จะทำให้แต่ละเดือนไม่ติดลบ นาย A จึงมีความสามารถผ่อนชำระได้ไม่เกินเดือนละ 8,000 บาท
3. หาข้อมูลสถาบันการเงินที่ให้บริการรวมหนี้
สามารถหาข้อมูลแหล่งที่ให้บริการรวมหนี้ โดยเลือกค้นหาแหล่งสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยต่ำ และสำคัญที่สุด ผ่อนชำระลดลงอยู่ในระดับที่ชำระไหว
Krungsri The COACH แนะนำสินเชื่อรวมหนี้
จากตัวอย่างด้านบน หากนาย A ตัดสินใจรวมหนี้ไว้ที่ Krungsri iFIN ยอดหนี้รวม 100,000 บาท จะทำให้การผ่อนชำระขั้นต่ำ ลดลงเหลือ 3,596 บาทต่อเดือน (ดอกเบี้ย 24% ระยะเวลา 60 เดือน ลดต้นลดดอก)
จากการประเมินความสามารถในการจ่าย นาย A สามารถผ่อนชำระได้เดือนละ 8,000 บาท หากสามารถผ่อนชำระได้ทุกเดือน จะทำให้ยอดหนี้หมดไวขึ้นภายใน 20 เดือน และประหยัดดอกเบี้ยจากการลดต้นลดดอกได้ประมาณ 60,000 บาท
จะเห็นได้ว่าการ
รวมหนี้บัตรเครดิตช่วยให้สะดวกในการผ่อนชำระคืนหนี้ จากเดิมต้องจ่ายเดือนละ 10,000 บาททำให้เงินติดลบทุกเดือน กลายเป็นจ่ายขั้นต่ำเพียงเดือนละไม่ถึง 4,000 บาท และจากเดิมที่ต้องชำระหนี้สามครั้งต่อเดือน รวมหนี้มาจ่ายเจ้าหนี้เพียงรายเดียว ลดโอกาสที่จะหลุดหรือลืมชำระหนี้ โดยในการขอสินเชื่อ กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกปกติ 21% - 25% ต่อปี*
*ศึกษารายละเอียด เงื่อนไข และอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มเติมที่ www.krungsri.com
สรุป
การเลือกใช้บัตรเครดิตเป็นอีกทางเลือกที่ดีในการใช้จ่ายสินค้าและบริการต่าง ๆ เพราะมีสิทธิประโยชน์มากมาย เพียงแค่เราระมัดระวังและใช้โดยอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากขาดวินัยทางการเงิน และใช้จ่ายเกินตัว อาจทำให้เกิดปัญหาต้องจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต เมื่อพลาดไปแล้วการสำรวจตัวเอง หยุดวงจรปัญหาเดิมโดยเร็ว และรวมหนี้บัตรเครดิต จะช่วยรักษาสถานะการเงินที่ดีของเราให้มั่นคง
อ้างอิง