หยุดวงจรจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ ด้วย 4 ทางรอดปลดหนี้บัตรเครดิต
รอบรู้เรื่องยืมเงิน
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

หยุดวงจรจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ ด้วย 4 ทางรอดปลดหนี้บัตรเครดิต

icon-access-time Posted On 15 กรกฎาคม 2567
By Krungsri The COACH
ในยุคปัจจุบัน การซื้อของจับจ่ายใช้สอยสิ่งต่าง ๆ สามารถทำได้ง่ายดายแค่ปลายนิ้วผ่านระบบออนไลน์หรือผ่านบัตรเครดิตที่ทั้งสะดวกและรวดเร็ว แต่ด้วยพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ฟุ้งเฟ้อสวนทางกับรายได้ทำให้หลาย ๆ คนจึงไม่สามารถจ่ายเต็มจำนวนได้จากยอดที่ใช้จ่ายไป โดยมักจะเลือกจ่ายเฉพาะขั้นต่ำบัตรเครดิตแทน ยิ่งเป็นวัยทำงานที่มีรายได้ และเครดิตดี มีบัตรหลายใบ พอจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตหลายใบเข้า ก็จะรู้สึกราวกับว่าถูกทับถมท่ามกลางหนี้สิน

เมื่อพิจารณาถึงความสะดวก ปลอดภัย และคุ้มค่า บัตรเครดิต ดูจะเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ตอบโจทย์ที่สุด และเข้ากับ lifestyle ของคนในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ด้วยรูปแบบการใช้งานที่ง่าย และหลากหลาย ไม่ว่าจะถือบัตรไปรูดซื้อสินค้าที่ร้านค้า หรือจะผูกเข้ากับบริการออนไลน์ให้ตัดเงินจากบัตรเมื่อมีธุรกรรมเกิดขึ้น แถมยังมีดีลพิเศษส่งเสริมการขายมากมายไม่ว่าจะเป็น ส่วนลด cashback คะแนนสะสม และการผ่อนจ่ายค่าสินค้าและบริการ แต่คุณประโยชน์เหล่านี้จะกลายเป็น “โทษ” ทันทีเมื่อเราใช้จ่ายอย่างไม่มีสติ ไม่รู้ว่าใช้ไปเท่าไร ไม่รู้ว่าต้องจ่ายคืนเมื่อไร ยิ่งคนที่ใช้บัตรเครดิตหลาย ๆ ใบอย่างไม่รู้ตัว เมื่อถึงเวลาที่ใบแจ้งหนี้มา ก็สายเกินไปที่จะรู้สึกตัวแล้ว สุดท้ายต้องติดอยู่กับวงจรหนี้สิน ซึ่งบางรายอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการปลดหนี้ก้อนนี้ลง

หากใครรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ และกำลังหาทางออก Krungsri The COACH จะมาชวนทุกคนรู้เทคนิคหยุดวงจรหนี้บัตรเครดิต ที่ต้องคอยจ่ายขั้นต่ำในแต่ละเดือน ทำให้ระดับหนี้สินลดลงจนกลับมาตั้งหลัก แล้วค่อย ๆ แก้ปัญหาหนี้บัตรให้คลี่คลาย จนถึงหมดไป
หาทางออกในการไม่ต้องมานั่งจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต

4 ขั้นตอนหยุดวงจรจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ

ขั้นตอนที่ 1 สำรวจ และรู้จักตัวเองให้มากขึ้น

เรามีรายได้เท่าไร แต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง สามารถจ่ายเพิ่มได้อีกเท่าไร แล้วมีเงินเหลือเก็บไหม เหล่านี้ล้วนเป็น checklist ที่ต้องมีทุกครั้งก่อนคิดเพิ่มค่าใช้จ่าย แต่คนที่มีปัญหาเรื่องหนี้มักเกิดจากการไม่รู้สถานะทางการเงินที่แท้จริงของตัวเอง ดังนั้น การเริ่มสำรวจตัวเองเพื่อเข้าใจปัญหาจะช่วยให้มองภาพรวมของปัญหาได้ดียิ่งขึ้น วิธีที่จะทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น คือ ควรทำงบรายรับรายจ่ายของตัวเองให้ละเอียด โดยเฉพาะค่าบัตรเครดิตที่ต้องจ่ายคืนในแต่ละเดือน

ขอยกตัวอย่าง นาย A ประกอบคำอธิบาย ทั้ง 4 ขั้นตอนโดยละเอียด

ตารางรายรับรายจ่ายประจำเดือนของนาย A
 
รายรับ บาทต่อเดือน
เงินเดือน 25,000
รายจ่าย  
ค่าสาธารณูปโภค 2,000
ประกันสังคม 750
ค่าเช่าห้อง 6,000
ยอดจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต 1 5,600
ยอดจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต 2 2,000
ยอดจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต 3 2,400
ค่าใช้จ่ายทั่วไป 8,000
สุทธิ -1,750
จะพบว่านาย A มีรายรับ น้อยกว่า รายจ่าย ทำให้เงินทุกเดือนติดลบ อยู่เดือนละ 1,750 บาท จากการเป็นหนี้บัตรเครดิต 3 ใบ และผ่อนจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตรวมกันเดือนละ 10,000 บาท (ขั้นต่ำบัตรเครดิต 8% จากยอดคงค้างรวม 125,000 บาท)

หากยังจ่ายขั้นต่ำไหว และเงินรายเดือนยังไม่ติดลบ แสดงว่ายังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่หากไม่สามารถชำระไหว หรือขาดชำระในบางงวด แนะนำให้อ่านขั้นตอนถัดไป
 

ขั้นตอนที่ 2 หยุดวงจรหนี้

ง่าย ๆ ก็คือไม่ก่อหนี้ใหม่ ใช้จ่ายอย่างระวังระวัง หยุดพฤติกรรมฟุ่มเฟือย ไม่แก้หนี้ด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น

นาย A มีหนี้บัตรเครดิตหลายใบ รายได้ไม่พอจ่าย และไม่อยากเสียเครดิต ดังนั้น พอถึงกำหนดชำระหนี้ก็ใช้วิธีกดเงินจากบัตรเครดิตใบที่ 1 ไปจ่ายใบที่ 2 พอถึงกำหนดชำระบัตรใบที่ 2 ก็ไปกดเงินจากใบที่ 1 มาจ่าย วนไปเรื่อย ๆ ดูเผิน ๆ เหมือนเป็นการจัดสรรเงินที่ดี หมุนเงินเก่ง แต่หารู้ไม่ว่าจะกำลังก่อหนี้เพิ่มพูนสะสม ตัวอย่างเช่น กดเงินจากบัตรใบที่ 1 จำนวน 10,000 บาท เพื่อไปจ่ายค่าบัตรใบที่ 2 เมื่อถึงเวลาที่ต้องจ่ายคืนบัตรใบที่ 1 เราจะไม่ได้จ่ายคืนแค่ 10,000 บาท แต่เราต้องจ่าย 10,000 + 300 ค่าธรรมเนียมบัตร ทำให้ A ต้องจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตสูงขึ้น และติดลบหนักขึ้นวนเป็นวงจร จนไปสิ้นสุดที่วงเงินบัตรเครดิตก็จะเต็มทั้ง 3 ใบ และกู้เพิ่มไม่ได้แล้ว จึงควรปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายเพื่อหยุดวงจรหนี้
 
บัตรเครดิต บัตรเครดิตใบที่ 1 ยอดกดที่ต้องกดจากบัตรเครดิต
ใบที่ 2 เพื่อมาชำระหนี้ใบที่ 1
ยอดกดที่ต้องกดจากบัตรเครดิต
ใบที่ 1 เพื่อมาชำระหนี้ใบที่ 2
ยอดกดเงินสด 10,000 10,300 10,609
ค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด 3% 300 309 318.27
ต้นทุนหนี้รวม 10,300 10,609 10,927.27
แม้จะพยายามหาเงินมาจ่ายหนี้เท่าไร แต่หากต้นเหตุของหนี้ ซึ่งก็คือพฤติกรรมการใช้เงินเกินตัว หรือใช้อย่างไม่ถูกต้อง ยังไม่ถูกแก้ไข ปัญหาก็ไม่มีทางสิ้นสุด จึงควรหยุดวงจรหนี้ก่อนไปขั้นตอนต่อไป เมื่อสายหนี้ก็จะขาดลง ก็จะช่วยให้เราสามารถจัดการหนี้ที่มีอยู่ให้ค่อย ๆ หาย และหมดไปได้
 

ขั้นตอนที่ 3 หาแหล่งเงินเพื่อจัดการหนี้

พยายามหาแหล่งเงินมาลดยอดหนี้เพื่อให้ภาระลดลง เช่น ดูว่ามีเงินฝาก เงินลงทุนที่เก็บไว้ หรือของใช้ส่วนตัวที่มีมูลล่า ที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ แปรสภาพเอามาใช้หนี้ก่อน ไว้ปลดหนี้ได้ค่อยสร้างขึ้นมาใหม่

ขอยืมจากคนในครอบครัว หรือคนรู้จัก มาใช้หนี้ก่อนเพราะไม่มีดอกเบี้ย ลดต้นทุนหนี้ (แต่ยืมแล้วต้องคืนด้วยนะ!!) ทำงานพิเศษ เพิ่มรายได้

แต่หากแก้ปัญหาในขั้นตอนนี้ได้ดีปัญหาก็จะจบ แต่ถ้ายังไม่ไหวจำเป็นต้องใช้ขั้นตอนสุดท้าย
 

ขั้นตอนที่ 4 รวมหนี้

หากขั้นตอนที่ 1-3 ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้เห็นผล หรือยังคงมีปัญหาเหล่านี้อยู่ เช่น
  • รายรับติดลบรายจ่ายเท่าเดิม
  • จ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตไม่ไหว
  • จ่ายบัตรเครดิตล่าช้า หมุนเงินลำบาก

เป็นสัญญาณที่รู้ว่าจำเป็นต้องนำหนี้บัตรเครดิตที่เรามีอยู่จากหลาย ๆ ที่ เอามารวมไว้ที่เดียวกัน เรียกว่า การรวมหนี้บัตรเครดิต
 
วิธีปลดหนี้บัตรเครดิตเพื่อไม่ให้ต้องมาจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตอีกต่อไป

การรวมหนี้คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

การรวมหนี้ เป็นการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเดียวมาจ่ายหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมด และเป็นหนี้กับสถาบันการเงินแห่งเดียว ประโยชน์ของการรวมหนี้ จะทำให้มีภาระในการผ่อนชำระเพียงแห่งเดียวจากเดิมที่จ่ายกระจัดกระจายหลายที่ ลดปัญหาการจ่ายล่าช้าหรือลืมชำระหนี้ และที่สำคัญช่วยให้ยอดขั้นต่ำในการผ่อนชำระต่อเดือนลดลง

3 ขั้นตอนเตรียมตัวก่อนพิจารณารวมหนี้

1. สรุปหนี้ที่มีอยู่ทุกรายการ

สำรวจยอดรวมทั้งหมดเป็นจำนวนเงินเท่าใด และการผ่อนในปัจจุบันเดือนละเท่าไหร่
 

 
รายการ วันที่จ่าย ยอดหนี้ ผ่อนขั้นต่ำ 10%
บัตรเครดิต 1 1 50,000 5,000
บัตรเครดิต 2 4 20,000 2,000
บัตรเครดิต 3 20 30,000 3,000
รวม   100,000 10,000

2. ประเมินความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน

เพื่อให้รู้ว่ามีกำลังผ่อนไหวเดือนละเท่าไร โดยความสามารถในการผ่อนประเมินได้จากรายรับรายจ่ายประจำเดือน หากนาย A มียอดผ่อนต่อเดือนลดลงเดือนละ 2,000 บาท จากเดิมที่ผ่อน 10,000 บาท ต่อเดือน จะทำให้แต่ละเดือนไม่ติดลบ นาย A จึงมีความสามารถผ่อนชำระได้ไม่เกินเดือนละ 8,000 บาท
 
รายรับ บาทต่อเดือน
เงินเดือน 25,000
รายจ่าย  
ค่าสาธารณูปโภค 2,000
ประกันสังคม 750
ค่าเช่าห้อง 6,000
ค่าใช้จ่ายทั่วไป 7,000
เงินออม 500
ยอดผ่อนชำระที่ไหว 8,250

3. หาข้อมูลสถาบันการเงินที่ให้บริการรวมหนี้

สามารถหาข้อมูลแหล่งที่ให้บริการรวมหนี้ โดยเลือกค้นหาแหล่งสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยต่ำ และสำคัญที่สุด ผ่อนชำระลดลงอยู่ในระดับที่ชำระไหว

Krungsri The COACH แนะนำสินเชื่อรวมหนี้


จากตัวอย่างด้านบน หากนาย A ตัดสินใจรวมหนี้ไว้ที่ Krungsri iFIN ยอดหนี้รวม 100,000 บาท จะทำให้การผ่อนชำระขั้นต่ำ ลดลงเหลือ 3,596 บาทต่อเดือน (ดอกเบี้ย 24% ระยะเวลา 60 เดือน ลดต้นลดดอก)

จากการประเมินความสามารถในการจ่าย นาย A สามารถผ่อนชำระได้เดือนละ 8,000 บาท หากสามารถผ่อนชำระได้ทุกเดือน จะทำให้ยอดหนี้หมดไวขึ้นภายใน 20 เดือน และประหยัดดอกเบี้ยจากการลดต้นลดดอกได้ประมาณ 60,000 บาท

จะเห็นได้ว่าการรวมหนี้บัตรเครดิตช่วยให้สะดวกในการผ่อนชำระคืนหนี้ จากเดิมต้องจ่ายเดือนละ 10,000 บาททำให้เงินติดลบทุกเดือน กลายเป็นจ่ายขั้นต่ำเพียงเดือนละไม่ถึง 4,000 บาท และจากเดิมที่ต้องชำระหนี้สามครั้งต่อเดือน รวมหนี้มาจ่ายเจ้าหนี้เพียงรายเดียว ลดโอกาสที่จะหลุดหรือลืมชำระหนี้ โดยในการขอสินเชื่อ กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
 
  • อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกปกติ 21% - 25% ต่อปี*
*ศึกษารายละเอียด เงื่อนไข และอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มเติมที่ www.krungsri.com


สรุป
การเลือกใช้บัตรเครดิตเป็นอีกทางเลือกที่ดีในการใช้จ่ายสินค้าและบริการต่าง ๆ เพราะมีสิทธิประโยชน์มากมาย เพียงแค่เราระมัดระวังและใช้โดยอย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากขาดวินัยทางการเงิน และใช้จ่ายเกินตัว อาจทำให้เกิดปัญหาต้องจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต เมื่อพลาดไปแล้วการสำรวจตัวเอง หยุดวงจรปัญหาเดิมโดยเร็ว และรวมหนี้บัตรเครดิต จะช่วยรักษาสถานะการเงินที่ดีของเราให้มั่นคง


อ้างอิง
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา