ปัญหาการเงินเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักต้องสั่นคลอน โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีภาระหนี้สินที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตร่วมกัน แทนที่จะปล่อยให้เรื่องเงินทำร้ายความสัมพันธ์ การหันหน้าเข้าหากันเพื่อพูดคุย และวางแผนแก้ไขปัญหาร่วมกันจะเป็นทางออกที่ดีมากกว่า วันนี้ Krungsri The COACH จะมาแนะนำวิธีการพูดคุยเรื่องการเงินกับคนรักอย่างสร้างสรรค์ พร้อมเคล็ดลับ
ปลดหนี้ไวที่คู่รักสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
มีปัญหาเรื่องเงิน บอกคนรักอย่างไรไม่ให้กระทบความสัมพันธ์
ก่อนที่จะไปดูเคล็ดลับปลดหนี้ไว สิ่งสำคัญที่สุดคือการเปิดใจคุยกับคนรักเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินที่กำลังเผชิญอยู่ เพราะการปิดบังอาจทำให้คุณทะเลาะกับแฟนเรื่องเงิน อาจกระทบความสัมพันธ์ในระยะยาว และทำให้เลิกกันเพราะเรื่องเงินได้ มาดูวิธีการพูดคุยเรื่องการเงินกับคนรักอย่างสร้างสรรค์กัน
1. เตรียมตัวและเตรียมใจให้พร้อม
ทำความเข้าใจสถานะทางการเงินของตัวเองให้ชัดเจน ทั้งที่มาของปัญหา ยอดหนี้ทั้งหมด และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ ควรเตรียมแผนการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นไว้ด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่า เรามีความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขสถานการณ์ ไม่ได้ปล่อยปละละเลย
2. พูดคุยกับคนรักด้วยความจริงใจ
เมื่อถึงเวลาพูดคุย ให้สื่อสารด้วยความจริงใจ และตรงไปตรงมา อธิบายสถานการณ์ทางการเงินให้ชัดเจน และที่สำคัญคือ ต้องย้ำให้คนรักมั่นใจว่า ความรักและความห่วงใยที่มีต่อกันยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ต้องการความช่วยเหลือ และกำลังใจในการฝ่าฟันปัญหาไปด้วยกัน
3. พร้อมรับฟังความคิดเห็นของคนรัก
เมื่อเปิดใจคุยแล้ว ต้องเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของคนรักด้วย เพราะเขาอาจมีมุมมอง หรือทางออกที่เราคาดไม่ถึง นอกจากนี้ต้องตอบคำถามทุกข้อด้วยความจริงใจ ไม่ปิดบัง พร้อมที่จะปรับตัว และหาทางออกร่วมกัน เพราะปัญหาการเงินในครอบครัวเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันแก้ไข
4 เคล็ดลับ ปลดหนี้หมดไวไม่กระทบความสัมพันธ์
หลังจากที่ได้พูดคุย และเปิดใจกับคนรักเรื่องปัญหาทางการเงินแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการลงมือแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง Krungsri The COACH มีเคล็ดลับปลดหนี้ที่ทำได้จริงมาแนะนำ เพื่อช่วยให้คู่รักก้าวผ่านอุปสรรคทางการเงินไปได้อย่างราบรื่น
1. กลับมาตั้งหลักกันก่อน สรุปรายรับ-รายจ่ายทั้งหมด
การจัดการปัญหาหนี้สินต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจสถานะทางการเงินให้ชัดเจน โดยจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายทั้งหมดอย่างละเอียด ทั้งค่าใช้จ่ายประจำ หนี้สินที่ต้องผ่อนชำระ และค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยต่าง ๆ การทำเช่นนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมทางการเงินชัดเจนขึ้น และสามารถวางแผนจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หรือลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เป็นต้น
2. ขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็น นำเงินที่ได้มาปิดหนี้ก่อน
การสำรวจทรัพย์สินที่มีอยู่ และพิจารณาขายสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปเป็นอีกวิธีที่ช่วยหาเงินก้อนมาปลดหนี้ได้ เช่น ทองรูปพรรณที่ไม่ได้ใช้ นาฬิกาแบรนด์เนม หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีเกินความจำเป็น การขายทรัพย์สินเหล่านี้อาจทำให้ได้เงินก้อนที่พอจะนำไปชำระหนี้บางส่วน ช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องแบกรับในระยะยาว
3. หารายได้เสริม เพิ่มความสามารถในการชำระเงิน
นอกจากการลดรายจ่ายแล้ว การเพิ่มรายได้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้มีเงินมาชำระหนี้ได้มากขึ้น ปัจจุบันมีช่องทาง
หารายได้เสริมมากมาย เช่น การขายของออนไลน์ รับจ้างทำงานฟรีแลนซ์ หรือสอนพิเศษในทักษะที่เชี่ยวชาญ ซึ่งสามารถทำควบคู่ไปกับงานประจำได้ โดยรายได้เสริมที่เพิ่มเข้ามานี้ควรถูกนำไปใช้สำหรับชำระหนี้ให้ได้มากที่สุด
4. ขอปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยให้ชำระหนี้ได้ง่ายขึ้น
หากพบว่าการจัดการรายรับ – รายจ่าย และการหารายได้เสริมยังไม่เพียงพอ การขอ
ปรับโครงสร้างหนี้อาจเป็นทางออกที่ช่วยให้การชำระหนี้ง่ายขึ้น โดยมีหลายวิธีให้เลือกตามความเหมาะสม ได้แก่
4.1. ขอเปลี่ยนประเภทหนี้เพื่อลดดอกเบี้ยให้น้อยลง
การเปลี่ยนประเภทหนี้จากหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงมาเป็นหนี้ที่มีดอกเบี้ยต่ำลง สามารถช่วยลดภาระการผ่อนชำระได้ เช่น การเปลี่ยนหนี้สินเชื่อที่มีดอกเบี้ยต่อปีสูง เป็นสินเชื่อแบบมีกำหนดระยะเวลา (Term Loan) ที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า เพื่อทำให้มีเงินเหลือไปใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ มากขึ้น ซึ่งคุณสามารถปรึกษากับธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ของคุณได้เลย
4.2. ยังจ่ายหนี้ไหวอยู่ ขอลดดอกเบี้ยลงชั่วคราว 3 - 6 เดือน
สำหรับผู้ที่ยังพอมีความสามารถในการชำระหนี้ แต่ต้องการความช่วยเหลือชั่วคราว การขอลดอัตราดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 - 6 เดือน อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม วิธีนี้จะช่วยให้มีเวลาปรับตัว และจัดการการเงินให้ดีขึ้นได้
4.3. จ่ายไหวแค่ดอกเบี้ย เลือกขอพักชำระเงินต้นได้
การพักชำระเงินต้นเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดภาระการผ่อนชำระในช่วงที่มีปัญหาทางการเงิน โดยยังคงต้องจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย แต่ต้องเข้าใจว่า หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาพักชำระเงินต้น อาจต้องจ่ายค่างวดที่สูงขึ้น หรือขยายระยะเวลาการผ่อนชำระออกไป
4.4. ใช้วิธีแฮร์คัต (Hair cut) ปิดจบด้วยเงินก้อนไปเลย
สำหรับคนที่มีหนี้เสียเรื้อรัง แต่พอมีเงินก้อนอยู่บ้าง เช่น เงินจากการขายสินทรัพย์ เงินเก็บ หรือเงินชดเชยจากการออกจากงาน แม้ว่าจำนวนเงินที่มีอาจไม่พอชำระหนี้ทั้งหมด แต่ก็สามารถเจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้ด้วยวิธีแฮร์คัต (Hair cut) ได้ วิธีแฮร์คัต คือ การเจรจาขอส่วนลดจากเจ้าหนี้แล้วจ่ายปิดบัญชีทั้งหมดในคราวเดียว เช่น หากมียอดหนี้คงค้าง 120,000 บาท อาจขอเจรจาลดเหลือ 100,000 บาทแล้วจ่ายปิดบัญชีทันที วิธีนี้มักได้ผลดีเพราะเจ้าหนี้ก็ต้องการได้เงินคืนแม้จะไม่เต็มจำนวน แทนที่จะเสี่ยงไม่ได้รับชำระเลย
เมื่อเรารู้เคล็ดลับปลดหนี้โดยไม่ให้กระทบความสัมพันธ์กันแล้ว อีกเรื่องที่ต้องรู้ก็คือ ตัวช่วยที่เหมาะสมสำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้สินหลายก้อน เพราะจะช่วยให้ปัญหาหนี้สินที่กำลังรัดตัวได้คลี่คลายลง และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินมากยิ่งขึ้น อันเป็นทางออกไปสู่ชีวิตคู่ที่ไร้หนี้
Krungsri The COACH ขอแนะนำ : สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคล ตัวช่วยรวมหนี้หลายก้อน ให้เป็นก้อนเดียว
สำหรับคู่รักที่มีหนี้หลายก้อน และต้องการจัดการให้เป็นระบบมากขึ้น Krungsri The COACH ขอแนะนำ ที่จะช่วยรวมหนี้หลายก้อนให้เป็นก้อนเดียว ช่วยลดภาระดอกเบี้ย และทำให้การจัดการหนี้ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องไปชำระค่างวดหลายที่ อีกทั้งยังสามารถนำวงเงินส่วนต่างไปเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้ด้วย
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว | อัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกปกติ 21% - 25% ต่อปี*
*ศึกษารายละเอียด เงื่อนไข และอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มเติมที่ www.krungsri.com
การจัดการปัญหาด้านการเงินในครอบครัว หรือกับคนรักไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยการสื่อสารที่ดี ความเข้าใจ และความร่วมมือกันของทั้งคู่ จะช่วยให้สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทางการเงินไปได้ การเลือกใช้วิธีปลดหนี้ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ และมีวินัยในการปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้คู่รักก้าวผ่านปัญหาหนี้สินไปได้ โดยที่ความสัมพันธ์ยังแน่นแฟ้นเหมือนเดิม
อ้างอิง