ปัญหาหนี้สิน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนปวดหัว บางคนก็มีหนี้สินหลายก้อนจนเริ่มต้นไม่ถูกว่าจะเคลียร์หนี้สินก้อนไหนก่อนดี ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด หนี้ผ่อนบ้าน หนี้ผ่อนรถ
สำหรับวันนี้เรามีเทคนิคที่จะมาช่วยทุกคนเคลียร์หนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพกัน ด้วยเทคนิค Snowball Effect หรือเทคนิคการปลดหนี้สินแบบลูกบอลหิมะ ไปติดตามอ่านกันเลย!!
เทคนิคการปลดหนี้สินแบบลูกบอลหิมะ Snowball Effect คืออะไร?
การจัดการหนี้สินด้วยเทคนิค Snowball Effect หรือการปลดหนี้สินแบบลูกบอลหิมะ คือ การเคลียร์หนี้สินโดยเริ่มจากการเคลียร์หนี้สินก้อนที่เล็กที่สุดก่อนจนหมด ในขณะที่หนี้สินก้อนอื่น ๆ จ่ายเพียงขั้นต่ำเท่านั้น เพื่อไม่ให้เสียประวัติเครดิตบูโร โดยวิธีนี้เป็นวิธีที่พิจารณาเพียงจำนวนยอดหนี้สินที่เหลือเท่านั้น จะไม่ได้คำนึงถึงอัตราดอกเบี้ยของหนี้สิน เหมาะสำหรับคนที่มีหนี้สินหลายก้อน
เมื่อจ่ายหนี้สินก้อนที่เล็กที่สุดจนหมด ก็นำเงินส่วนที่เคยจ่ายหนี้สินก้อนที่เล็กที่สุด ไปจัดการหนี้สินก้อนที่ใหญ่ขึ้นเป็นลำดับถัดไป ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ กำจัดหนี้สินไปทีละก้อน ๆ จากเล็กไปใหญ่ จนกระทั่งเคลียร์หนี้สินหมดในที่สุด เป็นหลักการที่เสมือนการกลิ้งลูกหิมะลงจากภูเขาที่ยิ่งกลิ้งไกลเท่าไหร่ลูกหิมะยิ่งค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ นั่นเอง
เทคนิคการปลดหนี้สินด้วยวิธีนี้มุ่งเน้นไปที่การจัดการหนี้สินก้อนเล็กที่สามารถเคลียร์ได้ง่ายก่อน ช่วยส่งผลทางจิตวิทยา ช่วยสร้างแรงจูงใจในการชำระหนี้สิน ทำให้คนที่เป็นหนี้สินมีกำลังใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดจำนวนเจ้าหนี้ลง และจำนวนหนี้สินที่ค่อย ๆ ลดลงเช่นกัน
ขั้นตอนการปลดหนี้สินสินด้วยเทคนิค Snowball Effect ทำได้ไม่ยาก
ขั้นที่ 1 | หยุดก่อหนี้สิน
สิ่งสำคัญลำดับแรกของการปลดหนี้สิน คือต้องหยุดก่อหนี้สินเพิ่มก่อน การปรับพฤติกรรมการเงิน งดซื้อของที่ไม่จำเป็น ลดความอยากได้อยากมี ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น เลิกซื้อของใหม่ เลิกปาร์ตี้ ทำอาหารทานเอง ใช้รถสาธารณะในบางครั้งแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว ฯลฯ ประหยัดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้มีเงินเหลือมากที่สุด
รวมถึง
การทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อตรวจสอบดูว่าในแต่ละเดือน เราหมดเงินไปกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง มีรูรั่วทางการเงินตรงไหนบ้าง หาสาเหตุที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ค่าใช้จ่ายส่วนใดที่ไม่จำเป็นที่สามารถตัดออกได้เพิ่ม เพื่อดูว่ามียอดเงินคงเหลือในแต่ละเดือนที่สามารถนำมาชำระหนี้สินได้เท่าไหร่ หลังหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็น และเงินสำรองฉุกเฉินออกแล้ว
ขั้นที่ 2 | จัดการหนี้สินจากก้อนเล็กไปก้อนใหญ่ที่สุด
หากมีภาระหนี้สินหลายรายการ ให้รวบรวมรายการหนี้สินทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง? เพื่อจัดลำดับในการเคลียร์หนี้สิน เช่น หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคล สำหรับสินเชื่อบ้าน หรือรถยนต์จะไม่ปิดหนี้ด้วยวิธี Snowball Effect นี้
โดยให้เรานำหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงมาเรียงลำดับรายการที่มียอดหนี้คงค้างปัจจุบันน้อยที่สุดก่อน แล้วค่อยเรียงลำดับไปถึงรายการที่มียอดหนี้สินมากที่สุด
เช่น หนี้บัตรเครดิตธนาคาร A จำนวน 50,000 บาท หนี้บัตรเครดิตธนาคาร B จำนวน 80,000 บาท หนี้บัตรเงินสด จำนวน 120,000 บาท หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล จำนวน 300,000 บาท เทคนิคนี้จะเน้นไปที่การลดรายการหนี้สินจากน้อยที่สุดทีละรายการ
ขั้นที่ 3 | จ่ายขั้นต่ำกับหนี้สินก้อนอื่น ยกเว้นหนี้สินก้อนเล็กสุด
เมื่อเรียงลำดับการชำระหนี้สินได้แล้ว ให้เราเลือกรายการที่มียอดหนี้สินคงเหลือน้อยที่สุด มาปิดหนี้ให้เร็วที่สุดก่อน โดยรายการหนี้สินลำดับถัดมาให้ชำระเพียงยอดชำระขั้นต่ำเท่านั้น
แม้ว่าการจ่ายขั้นต่ำอาจะทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นในภายหลัง แต่ถ้าเราค้างจ่ายหนี้เป็นเวลานานจะทำให้เราเสียเครดิตทางการเงิน นอกจากนี้การจ่ายขั้นต่ำควรชำระหนี้สินให้ตรงตามกำหนดเวลาครบทุกบัญชี เพื่อไม่ให้เราต้องเสียประวัติเครดิตทางการเงินในอนาคต และเสียเงินค่าปรับผิดนัดชำระเพิ่มเติมอีก
ขั้นที่ 4 | ทบเงินหนี้สินก้อนเล็กไปกับหนี้สินก้อนใหญ่
เมื่อสามารถเคลียร์หนี้สินรายการแรกได้สำเร็จแล้ว ให้นำเงินที่ปกติใช้หนี้สินก้อนแรกมาโปะเพิ่มในส่วนของหนี้สินก้อนถัดมาที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับ
ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่า เรามีเงินที่สามารถนำมาชำระหนี้สินได้เดือนละ 40,000 บาท โดยมีหนีทั้งหมด 4 รายการ (ตามตารางด้านล่างนี้)
- ให้เราเริ่มเคลียร์หนี้บัตรเครดิต A ก่อน
- บัตรเครดิต B, บัตรกดเงินสด, สินเชื่อส่วนบุคคล ให้จ่ายขั้นต่ำจนกว่าจะเคลียร์หนี้สินก้อนแรกหมด
- หากปิดหนี้บัตรเครดิตธนาคาร A จำนวน 50,000 บาทแล้ว ซึ่งปกติชำระงวดละ 9,000 บาท ก็ให้นำเงินจำนวนนี้มาทบในส่วนของหนี้บัตรเครดิตธนาคาร B ยอดที่เหลือ ค่อย ๆ ทำต่อไปทีละรายการ ปลดหนี้สินไปเรื่อย ๆ ทีละก้อน ก็จะช่วยทำให้ภาระหนี้สินเริ่มลดน้อยลงตามลำดับ
อย่าลืมให้รางวัลตัวเองเมื่อเคลียร์หนี้สินแต่ละก้อนจบ
เมื่อเคลียร์หนี้สินแต่ละรายการสำเร็จ มอบรางวัลให้ตัวเอง เช่น หาของกินอร่อย ๆ การซื้อของให้ตัวเอง เพราะการให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ กับตนเองจะช่วยสร้างกำลังใจให้เราสามารถเดินหน้าเคลียร์หนี้สินก้อนต่อ ๆ ไปได้ เพื่อให้เกิดความมุ่งมั่นจนเคลียร์หนี้สินได้ประสบผลสำเร็จ
เทคนิคกำจัดหนี้สินแบบลูกบอลหิมะ อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่เป็นวิธีที่ทำให้มีกำลังใจในการกำจัดหนี้สินมากกว่า เพราะเป็นเทคนิคที่เลือกจัดการหนี้สินก้อนที่น้อยที่สุดก่อน ผู้ชำระหนี้สินจะสัมผัสได้ถึงชัยชนะเล็ก ๆ (Small Win) จึงไม่รู้สึกย่อท้อไปเสียก่อน เป็นการช่วยเหลือสร้างกำลังใจในการปลดหนี้สิน
การปลดหนี้แบบ Snowball Effect มีข้อดีอย่างไร? และวิธีนี้เหมาะกับใครบ้าง
เหมาะกับคนที่มีหนี้อยู่หลายก้อน รู้สึกว่าผ่อนอย่างไรหนี้ก็ไม่หมดเสียที โดยวิธีนี้จะเน้นไปที่ หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล รวมไปถึงหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นหนี้ประเภทที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง หากผ่อนชำระขั้นต่ำไปตลอด ก็มีโอกาสที่หนี้จะพอกพูนขึ้นไปเรื่อย ๆ
ถ้าหากสนใจการเคลียร์หนี้ด้วยเทคนิคแบบ Snowball Effect แล้ว แต่เงินที่เหลือในแต่ละเดือนเพียงพอแค่จ่ายหนี้ขั้นต่ำ ควรเริ่มต้นจากการสำรวจตัวเองว่าในแต่ละเดือน เราหมดเงินไปกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง มีรูรั่วทางการเงินตรงไหนบ้าง หรืออีกทางหนึ่งก็คือการหารายได้พิเศษ เพื่อหากระแสเงินสดเพิ่ม หรือถ้ามีสินทรัพย์บางอย่างที่แปลงเป็นเงินได้อาจต้องขายบางส่วนเพื่อนำมาชำระหนี้
หรืออีกวิธี คือใช้
วิธีการรวมหนี้เป็นก้อนเดียว โดยใช้หลักการรีไฟแนนซ์ หรือทำสัญญากู้ใหม่ ด้วยการนำหนี้หลายก้อนที่ยังค้างชำระมารวมไว้ที่ธนาคารเดียว ( Debt Consolidation ) หรือการรวมหนี้กับสินเชื่อบ้านที่มีอยู่ โดยอัตราดอกเบี้ยใหม่ต้องต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเดิม หรือถ้าเป็นหนี้นอกระบบก็เปลี่ยนเป็นหนี้ในระบบ หรือปรึกษากับเจ้าหน้าเพื่อหาทางประนอมหนี้ ขอลดอัตราดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาชำระหนี้เพิ่ม เป็นต้น
สิ่งสำคัญของเทคนิคนี้ คือเราจะต้องไม่สร้างหนี้สินเพิ่มเด็ดขาด มีวินัยทางการเงิน อดทนเคลียร์หนี้สินที่มี รักษาวินัยในการชำระหนี้สินเข้าไว้ จนกระทั่งปราศจากหนี้สิน แต่สิ่งสำคัญกว่าเมื่อปลดหนี้สินหมดแล้ว ก็ถึงเวลามองหา
วิธีจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะไม่กลับไปเป็นหนี้สินอีก