โปรแกรมหนังใหม่มาแล้ว ไม่ว่าแนวไหนก็อยากดูไปเสียทุกเรื่อง ถ้าอย่างนั้นมาเรียนรู้เทคนิคที่ทำให้คุณดูหนังได้เพียบ แม้จะมีงบประมาณจำกัดก็ตาม
หลังจากทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงมีกิจกรรมในการพักผ่อนคลายเครียดเป็นของตัวเอง คนสายสุขภาพหน่อยก็อาจจะไปออกกำลังกาย บางคนชอบกินเป็นชีวิตจิตใจแน่นอนว่าต้องบุฟเฟ่ต์ชาบู เนื้อย่าง ส่วนคนที่อยากหนีความจำเจไปค้นหาความตื่นเต้นใหม่ ๆ หรือหนีไปใช้เวลาส่วนตัว แน่นอน พวกเขามักจะเลือกการไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์
ยิ่งบางเดือนมีหนังดี ๆ เข้าพร้อมกันเต็มไปหมด บางเดือนก็เป็นสิบเรื่อง คอหนังตัวจริงไม่มีใครอยากพลาด แต่ถ้าคำนวณดี ๆ ก็ต้องยอมรับว่า ค่าตั๋วหนังเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ถูก ๆ ที่นั่งธรรมดาก็ราคา 200++ บาทแล้วทั้งนั้น แล้วดูหนังทั้งที ไหนจะจากค่าเครื่องดื่มและป๊อปคอร์นอีก แล้วถ้าเราอยากตั้งโจทย์ท้าทายตัวเอง ว่าจะดูหนังให้ถึง 10 เรื่องภายใน 1 เดือน ด้วยงบแค่ 1,500 บาทจะทำได้ไหม ของอย่างนี้มันต้องวางแผน
ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจก่อนว่า ตอนนี้โมเดลธุรกิจของโรงหนังมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากเมื่อก่อนรายได้หลัก ๆ จะได้รับจากลูกค้าที่เดิน Walk-in มาซื้อตั๋วหนังกัน ภาพคนต่อคิวซื้อตั๋วและจ่ายเงินสดกันเป็นภาพที่เราเห็นจนชินตา แถมค่าตั๋วก็มีราคาต่ำกว่านี้ หรือถ้าจะจองตั๋วหนัง ต้องทำผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้นถือว่าคลาสสิกสุด ๆ ในขณะที่ปัจจุบันสามารถจองผ่านแอปฯ หรือผ่านเว็บไซต์กันได้แบบสบาย ๆ
ปัจจุบันค่าตั๋วแพงขึ้น ลูกค้าที่ Walk-in เพื่อไปชมภาพยนตร์โดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้าจึงมักจะต้องจ่ายแพง โดยคิดว่านั่นคือราคาปกติ ทั้งที่จริงแล้วคุณสามารถจ่ายได้ในราคาต่ำกว่านั้น เห็นง่าย ๆ จากป้ายโฆษณาโปรโมชั่นและส่วนลดต่าง ๆ เต็มหน้าเคาน์เตอร์ซื้อตั๋ว ทั้งจากค่ายโทรศัพท์มือถือและจากบัตรเครดิตต่าง ๆ นั่นแปลว่า เดี๋ยวนี้ หากคุณดูหนังด้วยการจ่ายเงินสดหรือเมินเฉยกับสิทธิพิเศษต่าง ๆ คุณก็จะไม่ได้รับส่วนลดอะไรเลยซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย และเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคเริ่มยอมไม่ได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ โรงหนังยุคใหม่เริ่มมีรายได้จากการทำกิจกรรมร่วมกับองค์กรต่าง ๆ มากขึ้น แทนที่จะเก็บตรงจากผู้บริโภค ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นโมเดลที่วิน-วิน เพราะโรงหนังได้รับเงินจากการตกลงกับค่ายต่าง ๆ ทำให้การันตีรายได้มากขึ้น ในขณะที่ค่ายหรือบริษัทต่าง ๆ ก็สามารถทำโปรโมชั่นให้กับลูกค้าของตัวเองเพิ่มขึ้นได้
เจาะให้ลึกลงไป จะเห็นว่าโปรโมชั่นต่าง ๆ จากค่ายโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่จะมีจำกัดจำนวนสิทธิ์ เช่น ไม่เกิน 5,000 สิทธิ์ต่อเดือน เป็นต้น เพราะฉะนั้นถ้าจะวางแผนไปใช้โปรโมชั่นของค่ายมือถือ ขอแนะนำว่าควรใช้ตั้งแต่ต้นเดือน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะระบบส่วนใหญ่จะถูกเซ็ตให้เป็น First-come, first-served
หรือถ้าเป็นโปรโมชั่นบัตรเครดิตเรียกได้ว่าก็มีหลากหลายเช่นกันแทบจะทุกค่าย อย่างโปรโมชั่นของธนาคารกรุงศรีฯ ที่เสนอให้กับลูกค้าที่จ่ายค่าตั๋วหนังผ่านบัตรเดบิตหรือ
บัตรเครดิตธนาคารกรุงศรีฯ ก็สามารถซื้อตั๋วหนัง 1 แถม 1 ทุกวันจันทร์ได้ที่โรงภาพยนตร์ Krungsri IMAX หรือสามารถอัพเกรดตั๋วได้ทุกวัน หรือจะแลกคะแนนสะสม 1,000 คะแนนแลกต่าตั๋วหนังได้ 100 บาทก็ได้เช่นกัน
และก็ยังมี
บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยก็คือ ใช้ 1,400 คะแนนแลกตั๋วได้ 1 ที่นั่งจำกัดใช้ได้ 2 ที่นั่งต่อ 1 บัตรเท่านั้นฟรี ๆ กันไปเลย ที่สำคัญไม่มีจำกัดสิทธิ์ต่อเดือนด้วย
หรือถ้าไม่นับโปรโมชั่นจากบริษัทต่าง ๆ ก็จะมีโปรโมชั่นวันพุธ ดูหนัง 80-100 บาท ถ้าเราวางแผนประหยัด การดูหนังทุกวันพุธก็เป็นอีกทางเลือกนึงเช่นกัน หรือบางทีช่วงก่อนเที่ยงถ้าไปดูหนัง ก็จะมีโปรโมชั่นราคาตั๋วถูกอยู่เหมือนกัน โปรโมชั่นแบบนี้ถือได้ว่าเหมาะกับวัยนักเรียน นักศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย แต่หากกลุ่มนักเรียนเหล่านี้ต่างต้องการเลือกบัญชีเก็บเงินที่เหมาะสมเพื่อให้การดูหนังไม่ต้องเจ็บตัวอีกต่อไป นั่นก็คือ บัญชีออมทรัพย์สำหรับนักศึกษาที่อายุไม่เกิน 19 ปีหรือถ้าหากเปิดบัญชีออมทรัพย์ พร้อมมีบัตรกรุงศรีเดบิตทุกประเภท ยังสามารถดูหนังได้ถูกกว่าใคร 80 บาท ทุกเรื่องทุกรอบ สำหรับชมภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เท่านั้น
ซึ่งจริง ๆ แล้ว นอกจากโปรโมชั่นตั๋วหนังก็ยังมีโปรโมชั่นอื่น ๆ เกี่ยวกับพวกเครื่องดื่มและป๊อปคอร์นอยู่ด้วย เช่น โปรโมชั่นเครื่องดื่มพร้อมป๊อปคอร์น ราคา 99 บาท และนอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษเวลามีหนังฟอร์มยักษ์เข้าฉาย จัดหนักยิ่งกว่าปกติ
จากโจทย์เดิมที่เราจะดูหนัง 10 เรื่องด้วยงบประมาณ 1,500 บาท จึงอาจพูดได้ว่า เราสามารถหาทางลดต้นทุนที่เราจำเป็นต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วหนังที่มีช่องทางได้รับบัตรฟรี ทั้งนำคะแนนบัตรเครดิตแลก ทั้งโปรโมชั่นบัตรราคาถูก รวม ๆ แล้วน่าจะไม่เกิน 50 บาทต่อการดู 1 ครั้งโดยเฉลี่ย และถ้าเราวางแผนดี ๆ น่าจะได้ดูหนังฟรีมากถึง 5-6 ครั้งต่อเดือน แล้วครั้งที่เหลือก็สามารถเลือกดูรอบวันพุธหรือช่วงเช้าวันเสาร์ ซึ่งค่าตั๋วจะอยู่ที่ประมาณ 100 บาทเท่านั้น เมื่อรวมกับการกินป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มก็น่าจะสบาย ๆ ไม่เกิน 150 บาทโดยเฉลี่ย
ถ้าเรามีการวางแผนการเงินที่ดี และแค่เปิดใจให้การวางแผนการเงินกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต เราก็จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ และไปถึงเป้าหมายที่ท้าทายได้อย่างแน่นอน