เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่คนไทยรอคอย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงที่มิจฉาชีพมองเห็นโอกาสในการหาผลประโยชน์จากความไม่ระมัดระวังของเรา เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น และการจับจ่ายใช้สอยที่สูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้เป็นช่วงเทศกาลที่มีเหยื่อจากการโดนมิจฉาชีพหลอกเป็นจำนวนมาก เราจึงจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ
รูปแบบการหลอกลวงที่พบได้บ่อย เพื่อเตือนภัยมิจฉาชีพให้ทุกคนได้ระวังตัวกันไว้ พร้อมวิธีป้องกันตัวเองจากภัยมิจฉาชีพเหล่านี้กัน
เตือนภัยมิจฉาชีพ กลโกงยอดฮิตในโลกจริงที่พบบ่อยช่วงสงกรานต์
ช่วงเทศกาลสงกรานต์สถานที่ท่องเที่ยวมักจะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เป็นเหตุให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสนี้ลงมือกระทำการหลอกลวงด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อหาผลประโยชน์จากความไม่ระมัดระวังของนักท่องเที่ยว มาดูกันว่ามีรูปแบบการหลอกลวงใดบ้างที่พบได้บ่อยในช่วงนี้
1. การสวมรอยเป็นคนขับรถแท็กซี่ หรือคนขับรถบริการรับส่ง
ในช่วงเทศกาลที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก มิจฉาชีพมักแฝงตัวเป็นคนขับรถแท็กซี่หรือรถบริการรับส่ง โดยเรียกราคาแพงเกินจริง บางรายถึงขั้นพาเหยื่อไปในเส้นทางเปลี่ยว เพื่อขู่กรรโชกทรัพย์ และอาจนำไปสู่อันตรายที่รุนแรงมากขึ้น ยิ่งในช่วงที่ผู้คนเร่งรีบกลับบ้าน หรือเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว โอกาสที่จะโดนมิจฉาชีพหลอกยิ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยหรือในเวลากลางคืน จึงควรเลือกใช้บริการขนส่งสาธารณะที่เชื่อถือได้ หรือใช้แอปพลิเคชันเรียกรถที่มีระบบติดตาม และมีข้อมูลคนขับที่ชัดเจนจะดีกว่า
2. มิจฉาชีพปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
กลโกงอีกรูปแบบที่พบบ่อย คือการที่มิจฉาชีพแต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือทหาร แล้วเข้าไปตรวจค้นหรือขอดูเอกสารของนักท่องเที่ยว จากนั้นจึงแจ้งว่าพบความผิด และเรียกรับเงินใต้โต๊ะ ทำให้หลายคนไม่กล้าขัดขืน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยกับระบบกฎหมายไทย จึงมีการให้เงินไป ซึ่งเราต้องอย่าลืมว่าเจ้าหน้าที่รัฐตัวจริงต้องมีบัตรประจำตัวที่สามารถตรวจสอบได้ และไม่มีสิทธิ์เรียกรับเงินโดยตรงจากประชาชน
3. การลักขโมยทรัพย์สินในที่แออัด
ช่วงเล่นน้ำสงกรานต์มักมีผู้คนแออัด เป็นโอกาสให้มิจฉาชีพล้วงกระเป๋า ขโมยโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ หรือทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเราเล่นน้ำจนเปียก และไม่ได้สังเกตสิ่งของของตัวเอง ข้อห้ามวันสงกรานต์ที่หลายคนมักละเลย คือไม่ควรพกทรัพย์สินมีค่าติดตัวไปในที่ชุมนุมคนจำนวนมาก และควรเตรียมถุงกันน้ำสำหรับสิ่งของสำคัญ หรือฝากไว้ในที่ปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกโจรฉกฉวยในช่วงที่เราไม่ทันได้ระวัง
ภัยออนไลน์ที่พุ่งสูงในช่วงเทศกาล
นอกจากมิจฉาชีพที่มาในรูปออฟไลน์หรือโลกความเป็นจริงแล้ว ในโลกออนไลน์ก็สามารถเกิดกรณีการหลอกลวงแบบนี้บ่อยไม่แพ้กัน ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่คนไทยมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จองที่พัก ซื้อตั๋วเดินทาง หรือซื้อของออนไลน์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเทศกาล
1. หลอกขายตั๋วเทศกาล หรือจองที่พักราคาถูกผิดปกติ
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่พักและตั๋วเดินทางมักจะถูกจองจนเต็ม หรือมีราคาที่สูงกว่าปกติ มิจฉาชีพมักหลอกขายตั๋วปลอม หรือห้องพักที่ไม่มีอยู่จริงในราคาที่ถูกผิดปกติ โดยใช้รูปภาพสวยงามจากอินเทอร์เน็ต และข้อความเชิญชวนที่น่าดึงดูด แต่เมื่อได้รับเงินแล้วก็จะเชิดหนีไป ก่อนทำการการซื้อเราควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ขาย และเลือกจองผ่านเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อจะดีที่สุด
2. การหลอกลวงผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร
โจรออนไลน์อาจส่งข้อความ หรืออีเมลปลอมในนามธนาคาร แจ้งว่ามีปัญหากับบัญชีของเราในช่วงวันหยุดยาว และให้คลิกลิงก์เพื่อแก้ไขปัญหาโดยด่วน เมื่อเราหลงเชื่อ และกรอกข้อมูลส่วนตัว หรือรหัสผ่านธนาคาร มิจฉาชีพก็จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เข้าถึงบัญชีของเรา และโอนเงินออกไป การโดนมิจฉาชีพหลอกในลักษณะนี้ส่งผลเสียหายทางการเงินอย่างรุนแรง เพราะเงินที่ถูกโอนออกไปมักติดตามคืนได้ยาก ควรระมัดระวังและไม่คลิกลิงก์ใด ๆ ที่อ้างว่ามาจากธนาคาร แต่ให้เข้าแอปพลิเคชันธนาคารโดยตรง เพื่อตรวจสอบสถานะบัญชี
3. การหลอกขายสินค้าออนไลน์ราคาถูก
ช่วงสงกรานต์ที่มีการจับจ่ายสูง โจรออนไลน์มักสร้างเพจเฟซบุ๊ก หรือ
เว็บไซต์ปลอม เพื่อขายสินค้าราคาถูกกว่าปกติ โดยเฉพาะเสื้อผ้าลายดอก ชุดเล่นน้ำ หรือของใช้ในเทศกาล เมื่อมีผู้สนใจ และโอนเงินไปแล้ว ก็จะไม่ได้รับสินค้า หรือได้รับสินค้าที่ไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้ เพจหลอกขายเสื้อผ้ามักมีลักษณะเฉพาะคือ มีผู้ติดตามน้อย เพิ่งสร้างไม่นาน และมีรีวิวที่ดูไม่น่าเชื่อถือ การซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มที่มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ หรือร้านค้าที่มีประวัติการขายที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวงได้
4. หลอกรับบริจาคเงินทำบุญ
ในช่วงเทศกาลโดยเฉพาะงานที่มีการทำบุญ โจรออนไลน์มักปลอมแปลงเป็นพระ โดยการสร้างเพจปลอมหรือสื่อออนไลน์ปลอมในช่องทางต่าง ๆ อาจมีการใช้ภาพสุนัขหรือแมวที่กำลังป่วย รวมถึงผู้ยากไร้ เพื่อหลอกรับบริจาคเงินทำบุญ หากโจรได้รับเงินแล้ว ก็จะปิดเพจหนีไป ดังนั้นก่อนโอนเงินทำบุญออนไลน์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเพจ หรือสื่อออนไลน์นั้นมีตัวตนจริง ก่อนทำธุรกรรมด้านการเงิน
10 วิธีป้องกันตัวเองจากภัยมิจฉาชีพ
หลังจากที่ทราบถึงภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นแล้ว หากรอการเตือนภัยมิจฉาชีพจากสื่อต่าง ๆ อย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอ เราควรมีมาตรการในการป้องกันตนเองทั้งในโลกจริง และโลกออนไลน์ โดยต้องใช้วิธีป้องกันที่เหมาะสมด้วย
การป้องกันตัวเองจากโจร Offline
ภัยจากมิจฉาชีพในโลกความเป็นจริงนั้นน่ากลัวอย่างมาก เพราะพวกเขาสามารถมุ่งร้ายได้ทั้งต่อทรัพย์สินและร่างกาย ทำให้เราต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด ตั้งแต่การสูญเสียเงินทองไปจนถึงอันตรายทางกายภาพที่ร้ายแรง เพื่อป้องกันตนเองจากภัยเหล่านี้ เราจึงต้องมีสติและเรียนรู้วิธีการป้องกันตนเอง ด้วยวิธีดังนี้
- ใช้บริการขนส่งสาธารณะที่เชื่อถือได้
เรียกแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชันที่น่าเชื่อถือ หรือใช้บริการขนส่งสาธารณะจากจุดให้บริการทางการ เช่น รถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้า หรือรถแท็กซี่ที่มีมิเตอร์ถูกต้อง หากต้องเรียกรถข้างทาง ให้สังเกตว่ามีป้ายทะเบียนถูกต้อง มีมิเตอร์ที่ทำงานได้ และคนขับมีบัตรประจำตัวที่ออกโดยกรมการขนส่ง นอกจากนี้ การแชร์ตำแหน่งที่ตั้งของเราให้คนที่ไว้ใจระหว่างเดินทางก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย
- เก็บทรัพย์สินมีค่าไว้ในที่ปลอดภัย
ใช้กระเป๋าที่ปิดมิดชิด ไม่พกเงินสดหรือของมีค่าจำนวนมาก หากต้องนำโทรศัพท์มือถือไปเล่นน้ำสงกรานต์ ควรเตรียมถุงกันน้ำที่มีคุณภาพดี และพกพาเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตควรพกติดตัวไว้เพียงใบเดียวที่จำเป็นต้องใช้ และเก็บไว้ในกระเป๋าที่มีซิป หรือกระเป๋าด้านในที่มิจฉาชีพเข้าถึงได้ยาก ไม่ควรแสดงทรัพย์สินมีค่าให้เห็น โดยเฉพาะในที่สาธารณะที่มีคนพลุกพล่าน
- ตรวจสอบเอกสารของเจ้าหน้าที่
หากมีคนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ให้ขอดูบัตรประจำตัว และโทรตรวจสอบกับหน่วยงานต้นสังกัดที่คนดังกล่าวอ้างถึง และหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ เราสามารถขอหมายเลขประจำตัว และติดต่อไปยังหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อตรวจสอบได้ อย่าหลงเชื่อคำขู่ หรือการเร่งรัดให้จ่ายเงินค่าปรับในทันที การโดนมิจฉาชีพหลอกในลักษณะนี้มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งกับนักท่องเที่ยวที่ไม่คุ้นเคยกับกฎหมายท้องถิ่น
- แจ้งคนใกล้ชิดถึงแผนการเดินทาง
แจ้งให้ครอบครัวหรือเพื่อนรู้ว่าเราอยู่ที่ไหน และกำลังทำอะไร โดยเฉพาะเมื่อเดินทางคนเดียว หรือไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย การแชร์ตำแหน่งที่ตั้งแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนกับคนที่ไว้ใจ จะช่วยให้มีคนทราบตำแหน่งของเราตลอดเวลา นอกจากนี้ ควรนัดหมายเวลาเช็กอินกับคนใกล้ชิดเป็นระยะ หากไม่มีการติดต่อตามเวลาที่กำหนด จะได้มีคนช่วยตามหาหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันท่วงที
- จองที่พักผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือ
เลือกจองโรงแรมหรือที่พักผ่านเว็บไซต์ทางการ หรือแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียง หลีกเลี่ยงการจองที่พักที่มีราคาถูกจนผิดปกติ หรือมีข้อเสนอที่ดูเกินจริง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ความต้องการที่พักสูง และก่อนโอนเงินมัดจำ หรือชำระค่าที่พัก ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของที่พักผ่านรีวิวจากผู้เข้าพักจริง แผนที่ตั้ง และข้อมูลการติดต่อที่สามารถยืนยันได้ วิธีนี้จะช่วยป้องกันการโดนมิจฉาชีพหลอกให้จองที่พักที่ไม่มีอยู่จริง หรือไม่ได้คุณภาพตามที่โฆษณา
การป้องกันตัวเองจากโจร Online
นอกจากการระมัดระวังภัยมิจฉาชีพที่เราอาจจะได้เจอกับตัวแล้ว เราควรให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในโลกออนไลน์ด้วย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีการใช้จ่ายและทำธุรกรรมออนไลน์เพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของ
โจรออนไลน์ที่พร้อมจะฉวยโอกาสจากความไม่ระมัดระวังของเรา
- อย่าเปิดลิงก์ที่ไม่คุ้นเคย
โดยเฉพาะที่ส่งมาในช่วงเทศกาล และเร่งให้เราดำเนินการ ลิงก์เหล่านี้อาจนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่ออกแบบมาให้คล้ายกับเว็บไซต์ของธนาคาร หรือร้านค้าออนไลน์ที่เราคุ้นเคย เพื่อหลอกให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลบัตรเครดิต โดยในช่วงเทศกาล โจรออนไลน์มักส่งอีเมล หรือข้อความที่อ้างว่ามีโปรโมชันพิเศษ หรือส่วนลดสุดพิเศษ เพื่อเร่งให้เราตัดสินใจโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดี หากได้รับข้อความลักษณะนี้ ควรเข้าเว็บไซต์ของบริษัทโดยตรง โดยไม่ผ่านลิงก์ที่ได้รับในข้อความ
- ตรวจสอบความน่าเชื่อถือก่อนซื้อของออนไลน์
ดูรีวิว ประวัติร้านค้า และอย่าหลงเชื่อราคาที่ถูกเกินจริง การที่มีผู้รีวิวจำนวนมาก และมีการตอบโต้จากเจ้าของร้าน เป็นสัญญาณที่ดีของร้านค้าที่น่าเชื่อถือ เพจหลอกขายเสื้อผ้า หรือสินค้าออนไลน์มักมีรีวิวน้อย หรือมีแต่รีวิวที่ดูเหมือนจะเขียนโดยบุคคลเดียวกัน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบข้อมูลการติดต่อของร้านค้า เช่น เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ หรืออีเมลที่สามารถติดต่อได้จริง หากพบว่าร้านค้าไม่มีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ
- ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในโซเชียลมีเดีย
เช่น แผนการเดินทาง ที่อยู่ หรือทรัพย์สินมีค่า การโพสต์บอกว่ากำลังจะไปเที่ยวที่ไหน นานเท่าไร อาจทำให้มิจฉาชีพรู้ว่าบ้านของเราจะว่างในช่วงเวลาไหน นอกจากนี้ ควรระมัดระวังการโพสต์รูปบัตรต่าง ๆ เช่น บัตรโดยสารเครื่องบิน บัตรจอดรถ หรือแม้แต่บัตรเข้าชมงาน เพราะข้อมูลบนบัตรเหล่านี้อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ รวมถึงการโดนหลอกให้ส่งบัตรประชาชนหรือเอกสารสำคัญเป็นภัยร้ายแรงที่อาจนำไปสู่การสวมรอยหรือการฉ้อโกงทางการเงิน
- ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและเปิดการยืนยันตัวตน 2 ชั้น
สำหรับบัญชีออนไลน์ทุกประเภท โดยเฉพาะบัญชีธนาคาร รหัสผ่านที่ดีควรมีความยาวอย่างน้อย 12 ตัวอักษร ประกอบด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษ ไม่ควรใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับหลายบัญชี และควรเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ การเปิดใช้งานการยืนยันตัวตน 2 ชั้น (Two-Factor Authentication) จะเพิ่มความปลอดภัยอีกระดับหนึ่ง เพราะแม้มิจฉาชีพจะรู้รหัสผ่าน ก็ยังต้องใช้อุปกรณ์ของเราในการยืนยันตัวตนอีกขั้นหนึ่ง
- ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส และอัปเดตซอฟต์แวร์เสมอ
เพื่อป้องกันไวรัสมัลแวร์ และช่องโหว่ทางความปลอดภัย โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ทันสมัยจะช่วยตรวจจับ และกำจัดโปรแกรมอันตรายที่อาจแฝงมากับไฟล์ที่ดาวน์โหลด หรือเว็บไซต์ที่เยี่ยมชม นอกจากนี้ การอัปเดตซอฟต์แวร์ ระบบปฏิบัติการ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจถูกโจรออนไลน์ใช้โจมตีได้ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่าปกติ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นได้รับการอัปเดตล่าสุดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
หากตกเป็นเหยื่อควรทำอย่างไร
หากโชคไม่ดี และตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ อย่าอายที่จะยอมรับว่าถูกหลอก เพราะทุกคนมีโอกาสตกเป็นเหยื่อได้ และการแจ้งเหตุจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้อื่นตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกัน
1. แจ้งธนาคารทันที
หากพบว่ามีการเข้าถึงบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังถูกหลอกให้โอนเงิน ควรติดต่อธนาคารทันทีเพื่อระงับบัตร และบัญชีหลายธนาคารมีสายด่วนสำหรับกรณีฉุกเฉินเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ควรเปลี่ยนรหัสผ่านสำหรับการเข้าถึงบัญชีออนไลน์ทั้งหมด และตรวจสอบรายการเดินบัญชีย้อนหลังเพื่อหาธุรกรรมที่ผิดปกติ การแจ้งธนาคารอย่างรวดเร็วอาจช่วยให้สามารถติดตามเงินคืนได้ในบางกรณี
2. แจ้งความที่สถานีตำรวจ
เพื่อเป็นหลักฐาน และเริ่มกระบวนการสืบสวน การแจ้งความควรทำโดยเร็วที่สุด พร้อมนำหลักฐานทั้งหมดที่มี เช่น ข้อความ ใบเสร็จ หรือภาพถ่ายไปแสดงด้วย ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงิน หลักฐานการโอนเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องนำไปด้วย ตำรวจจะออกเอกสารรับแจ้งความให้ ซึ่งสามารถนำไปใช้อ้างอิงในการติดต่อกับธนาคารหรือบริษัทประกัน และในกรณีที่เป็นการหลอกลวงออนไลน์ ควรแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)
3. เก็บหลักฐานทั้งหมด
การบันทึกภาพหน้าจอของการสนทนากับมิจฉาชีพ ภาพโฆษณาหรือโพสต์ที่ใช้หลอกลวง และรายละเอียดการชำระเงินทั้งหมด จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการสืบสวนและดำเนินคดี ควรจดบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ ที่จำได้ เช่น วันเวลาที่เกิดเหตุ ชื่อหรือข้อมูลที่มิจฉาชีพใช้ และขั้นตอนการหลอกลวงทั้งหมด หากเป็นเพจหลอกขายเสื้อผ้าหรือสินค้าออนไลน์ ให้บันทึกชื่อเพจ URL และข้อมูลการติดต่อที่ปรากฏบนเพจนั้นด้วย
4. แจ้งศูนย์ช่วยเหลือ
ติดต่อศูนย์คุ้มครองผู้บริโภค 1166 หรือศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1441 นอกจากการแจ้งความแล้ว การติดต่อศูนย์คุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จะช่วยให้ได้รับคำแนะนำเพิ่มเติม และเป็นการช่วยแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบถึงรูปแบบการหลอกลวงที่กำลังแพร่ระบาด ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการโดนหลอกให้ส่งบัตรประชาชนหรือเอกสารสำคัญ ควรแจ้งกรมการปกครองหรือหน่วยงานที่ออกเอกสารนั้นด้วย เพื่อป้องกันการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด
เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ควรได้เพลิดเพลินอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องไม่ลืมระมัดระวังภัยจากมิจฉาชีพที่แฝงตัวอยู่ทั้งในโลกจริงและโลกออนไลน์ การระมัดระวังจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรตระหนัก และเผยแพร่ต่อไปยังคนใกล้ชิด ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใด กลโกงก็จะพัฒนาตามไปด้วย การรู้ทันภัยมิจฉาชีพ และการติดตามข่าวสารเป็นประจำจึงเป็นภูมิคุ้มกันสำคัญที่สังคมควรส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน สำหรับผู้ต้องการโทรติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาเพื่อระงับบัตรและบัญชี สามารถโทรไปที่ 1572 กด 5 ได้ทันทีนาน 72 ชั่วโมง ได้เลย