หลังจากประเทศไทยผ่านวิกฤติต้มยำกุ้งไปไม่นาน รถไฟฟ้า 2 สายแรก คือ สายสีเขียวอ่อนและสายสีเขียวเข้ม ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2542 วิ่งให้บริการผ่านย่านใจกลางธุรกิจที่สำคัญในกรุงเทพมีชื่อเรียกว่า “รถไฟฟ้า BTS” ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองทันสมัย เพราะเป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ วิ่งให้บริการตามเส้นทางถนนเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ถนนสุขุมวิท ถนนพหลโยธิน ถนนสีลม และถนนสาทร ทำให้ราคาอสังหาฯตามเส้นรถไฟฟ้าวิ่งผ่านพุ่งทะยานขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะสถานีสยาม สีลม อโศก เพลินจิต ทองหล่อ และอารีย์
ถัดจากนั้นมาเพียง 5 ปี ในปี พ.ศ. 2547 คนไทยก็มีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอีกหนึ่งสาย แต่คราวนี้ให้บริการอยู่ใต้ดินมีชื่อเรียกว่า “รถไฟฟ้า MRT” โดยวิ่งให้บริการตามเส้นทางถนนรัชดา และถนนพระราม 4 จนทำให้ย่านรัชดา-พระราม 9 กลายเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจแห่งใหม่ (CBD) เนื่องจากเป็นทำเลต่อจากกรุงเทพชั้นใน เป็นหนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจและความบันเทิงในราคาที่คนชั้นกลางจับต้องได้
ต่อจากนั้นอีก 5 ปี ในปี พ.ศ. 2552 รถไฟฟ้า BTS ได้ต่อขยายสถานีข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาให้บริการในพื้นที่ฝั่งธนบุรีเป็นครั้งแรกบนถนนกรุงธนบุรี ทำให้อสังหาฯฝั่งธนบุรีตามเส้นทางรถไฟฟ้าราคาไม่ห่างจากฝั่งพระนครมากเหมือนในอดีตที่ผ่านมา นอกจากนี้ในปีเดียวกัน รัฐยังเปิดให้บริการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีชื่อเรียกว่า "รถไฟฟ้า Airport Link" ตามเส้นทางถนนพระราม 9 อีกสายด้วย
ที่กล่าวมาทั้งหมดคือรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วทั้งสิ้น ราคาอสังหาฯรอบสถานีรถไฟฟ้ารัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตรล้วนมีราคาปรับเพิ่มขึ้น โดยทำเลยิ่งอยู่ใกล้สถานียิ่งมีราคาแพง ซึ่งเป็นเทรนด์เดียวกับประเทศพัฒนาแล้ว เพราะเป็นรูปแบบที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ แต่ต่างกันที่โครงข่ายรถไฟฟ้าของไทยยังไม่ครอบคลุมเพียงพอที่จะไปไหนมาไหนด้วยรถไฟฟ้าอย่างแท้จริง ทุกรัฐบาลจึงพยายามเร่งผลักดันเปิดให้บริการครบทั้ง 14 สาย จากปัจจุบันที่มีเพียง 4 สายข้างต้น เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้ระบบรถไฟฟ้าแทนรถยนต์ส่วนบุคคล
ขณะนี้มีรถไฟฟ้าอยู่ระหว่างก่อสร้างรอเปิดให้บริการ 4 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายแบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ และส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายบางซื่อ-ท่าพระ และส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแค โดยเส้นทางใหม่แต่ละสายมีความน่าสนใจ ได้แก่ สายสีม่วง เป็นรถไฟฟ้าสายแรกไปทางตะวันตกของกรุงเทพทำให้ราคาอสังหาฯย่านบางใหญ่ขยับขึ้นมาก สายสีแดง เป็นรถไฟฟ้าสายแรกไปทางเหนือของกรุงเทพจนถึงรังสิต โดยสร้างรางใหม่อยู่เหนือรางรถไฟแบบเดิม สายสีเขียว เป็นรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายไป 2 ทาง ด้านตะวันออกต่อไปถึงสมุทรปราการ ด้านเหนือต่อไปถึงสะพานใหม่ สายสีน้ำเงิน เป็นรถไฟฟ้าสายเดียวที่วิ่งเป็นลักษณะวงกลมและปลายต่อทอดยาวไปตามถนนเพชรเกษม คล้ายเครื่องหมายไม้หันอากาศกลับหัว ทำให้มีจุดเชื่อมโยงกับรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ เกือบทุกสาย
รถไฟฟ้าทุกสายล้วนสร้างโอกาสในการลงทุน ภาคธุรกิจที่ได้รับผลบวกไปเต็ม ๆ คือ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่ฉุดเอาภาคอื่นดีตามไปด้วย ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า ของตกแต่ง ธนาคาร ค้าปลีก สื่อโฆษณา เป็นต้น แต่ราคาอสังหาฯที่อยู่ตามสถานีรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ ปรับขึ้นไม่เท่ากัน เหตุผลเพราะ
- รถไฟฟ้ามีความคืบหน้าต่างกัน บางสายสร้างแล้วทำส่วนต่อขยาย บางสายอยู่ระหว่างก่อสร้าง บางสายอยู่ระหว่างเปิดประมูล บางสายอยู่ระหว่างเวนคืน บางสายรออนุมัติ บางสายยังอยู่ขั้นตอนศึกษา โดยรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วหรืออยู่ระหว่างก่อสร้างย่อมมีความน่าสนใจมากกว่า
- รถไฟฟ้าแต่ละสายผ่านย่านใจกลางธุรกิจและสถานที่สำคัญไม่เหมือนกัน เช่น รถไฟฟ้าสายสีเขียวผ่านทั้งเส้นสุขุมวิท พหลโยธิน สีลม สาทร ซึ่งเป็นหัวใจของกรุงเทพ อนาคตสายสีน้ำเงินเป็นอีกสายที่น่าจับตามอง เพราะวิ่งครบรอบเป็นวงกลมผ่านทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธน แล้วผ่านเยาวราชอีกด้วย
- สถานีรถไฟฟ้าที่เป็น Interchange Station เป็นสถานีที่รถไฟฟ้ามากกว่า 1 สายมาเจอกัน มีความน่าสนใจมากกว่า เช่น สถานีอโศก สถานีสยาม สถานีสีลม สถานีบางหว้า และที่สำคัญอนาคตสถานีกลางบางซื่อจะเป็นชุมทางรถไฟฟ้าที่วิ่งทั่วกรุงเทพปริมณฑลและรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งไปทั่วประเทศอีกด้วย
- สถานีรถไฟฟ้าที่เชื่อมโยงกับการสัญจรทางอื่นมีความน่าสนใจกว่า เช่น สถานีอนุสาวรีย์ แหล่งรวมรถเมล์ รถตู้ สถานีจตุจักรใกล้กับสถานีขนส่ง และสถานีตากสินเชื่อมกับเรือด่วนเรือข้ามฟาก
หลายปีต่อจากนี้ รถไฟฟ้ายังคงสร้างต่อไปเป็นการเปิดทำเลใหม่ ๆ ให้นักลงทุนได้เข้าไปจับจองพื้นที่แสวงหาโอกาสในการลงทุน ซึ่งแน่นอนว่ามีความเสี่ยงแต่การศึกษาทำการบ้านเป็นอย่างดีจะช่วยลดความเสี่ยงไปได้มาก จงจำไว้ว่าการลงทุนอสังหาฯที่ดีต้องทำกำไรตั้งแต่ตอนที่ซื้อ หมายถึง ต้องอ่านขาดว่ามูลค่าอสังหาฯในปัจจุบันและในอนาคตต้องสูงกว่าเงินที่จ่ายไปครับ
ใครที่สนใจลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ อย่าลืมอ่านบทความ
ลงทุนอสังหาฯ แบบไหนถึงเรียกว่า “เจ๋ง” ต่อนะครับ