หลายคนในช่วงเวลาว่างเรามักจะผ่อนคลายด้วยการดูหนังโปรดสักเรื่องกันอยู่แล้ว และหนังประเภท Sci-fi หรือหนังเกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำยุค มีของเจ๋ง ๆ แบบที่เราไม่เห็นในชีวิตจริงทำให้ใครที่ได้ดูหนังประเภทนี้ต้องตะลึงกับเทคโนโลยีสุดล้ำในหนัง ซึ่งก็มีหนังหลายเรื่องตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันที่ใครหลายคนอยากให้มีเทคโนโลยีเหล่านั้นในชีวิตจริงบ้าง เมื่อความก้าวหน้าของ
เทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้หลาย ๆ เทคโนโลยีที่เราเคยเห็นแค่ในหนัง บางอย่างก็เกิดขึ้นจริง และมันสามารถทำได้มากกว่าในหนังที่เราเคยดูด้วยซ้ำ
แต่สงสัยกันแล้วใช่ไหมว่า ตอนนี้มันจะมีเทคโนโลยีอะไรบ้าง? ที่คล้ายกับในหนังที่เราเคยชม ถ้าพร้อมกันแล้ว เราจะขออาสาพาทุกคนไปสัมผัสเทคโนโลยีจากหนังดังพร้อมกันเลย
1. เทคโนโลยีโดรนบังคับ จากหนังดัง Sonic the Hedgehog
เชื่อไหมว่าหนังที่สร้างมาจากเกมชื่อดัง เจ้าเม่นสายฟ้า Sonic จะมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจหลายอย่าง แต่หนึ่งในเทคโนโลยีที่เราได้เห็นจากตัวละครฝั่งผู้ร้ายอย่าง Dr.Eggman นั่นก็คือเจ้ากองทัพโดรนบังคับที่มากไปด้วยความสามารถจำนวนหลายพันตัวที่คอยติดตาม Sonic แทบจะตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งถ้าพูดถึงโดรนบังคับ เราอาจเห็นมาหลายปีแล้วแต่นั่นเป็นเพียงโดรนที่ใช้มนุษย์ในการควบคุมเพื่อการถ่ายรูป หรือถ่ายวิดีโอ เพียง 1-2 ตัวแต่ถ้าโดรนหลายพัน หลายหมื่นตัวที่ต้องใช้งานพร้อมกัน สามารถทำอะไรได้หลายอย่างพร้อม ๆ กัน เหมือนในหนังเรื่องนี้ มันสามารถเกิดขึ้นได้จริงในโลกแห่งความจริง เพราะในพิธีเปิด
โอลิมปิก ประเทศญี่ปุ่น 2021 ที่ผ่านมาก็มีการใช้
เทคโนโลยีโดรนบังคับ เพื่อแสดงโชว์เป็นตราสัญลักษณ์การแข่งขันโอลิมปิก ไม่เพียงแค่นั้นยังสามารถแปลงเป็นรูปโลก ได้อย่างไร้รอยต่อ แนบเนียน ซึ่งการแสดงจากโดรนบังคับนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ชมทั่วโลกเป็นอย่างมาก และที่ต้องว้าวกว่านั้น โดรนบังคับทั้งหมดในโชว์ไม่ได้ถูกควบคุมโดยมนุษย์ แต่ทั้งหมดนี้ใช้คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี AI เป็นผู้สั่งการทั้งหมด โดยผู้ที่หัวเรือใหญ่ในการแสดงโชว์ด้วยโดรนบังคับนั้นมาจาก Intel บริษัทด้านเทคโนโลยีอันดับต้น ๆ ของโลก
นอกจากโดรนบังคับจะใช้ในเรื่องของความบันเทิง ในหลายประเทศตอนนี้ก็นิยมใช้โดรนบังคับแทนการใช้มนุษย์จริง ๆ เพื่อการทำภารกิจทางทหาร อย่างเช่น สหรัฐอเมริกาที่มีการใช้โดรนบังคับในการติดตามผู้ก่อการร้าย เพื่อลดการสูญเสียชีวิตทหารที่ไม่จำเป็น และสามารถควบคุมได้จากพื้นที่ระยะไกล ตอนนี้เทคโนโลยีโดรนบังคับที่เราได้เห็นจากในหนังดังหลาย ๆ เรื่องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่เรื่องในอนาคตอีกต่อไป
2. เทคโนโลยีอวกาศ จากหนังดัง Space Sweepers
หากพูดถึงการเดินทางไปในอวกาศ ท่องเที่ยว หรือไปใช้ชีวิตที่ดาวดวงอื่น เหมือนในหนังดังจากประเทศเกาหลีใต้เรื่อง Space Sweepers จาก Netflix พูดถึงโลกอนาคตในอีก 70 ปีข้างหน้า ที่ชวนผู้ชมให้จินตนาการถึงวันที่เราสามารถเดินทางไปในอวกาศ หรือใช้ชีวิตที่ดาวดวงอื่นได้อย่างอิสระ ใครที่ได้ชมหนังเรื่องนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าพวกเราสามารถเดินทางไปในอวกาศได้บ้าง ไม่ใช่เฉพาะนักบินอวกาศ เป็นคนธรรมดาที่อยากชมความสวยงามของห้วงอวกาศบ้าง สิ่งที่หลายคนคิดในวันนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้จริงแล้ว เมื่อเซอร์ ริชาร์ด แบรนด์สัน จาก เวอร์จิน กาแลคติก เปิดตัวเที่ยวบินอวกาศเชิงพาณิชย์ เป็นครั้งแรก พร้อมพาพนักงานของบริษัทขึ้นไปท่องอวกาศ ไปสัมผัสกับบรรยากาศไร้แรงดึงดูด และชมความสวยงามของเส้นขอบฟ้า เป็นระยะเวลา 5 นาทีพร้อมนำเครื่องบินลงจอดสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัย สิ่งนี้ทำให้ทั่วโลกต้องร้องว้าว เพราะคนธรรมดาที่ไม่ใช่นักบินอวกาศ จะเดินทางไปในอวกาศ เราคงได้เห็นแค่ในหนังเท่านั้น แต่วันนี้เราสามารถจองตั๋วเพื่อขึ้นไปเหนือพื้นโลก ได้เห็นอวกาศด้วยตาของเราจริง ๆ ซึ่งหลังจากนี้ทางเวอร์จิน กาแลคติก จะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปีหน้า โดยมีผู้สนใจเกือบพันคนที่ให้ความสนใจกับการทัวร์อวกาศในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่น ๆ ที่มี
เทคโนโลยีด้านอวกาศที่พร้อมจะเปิดให้เราได้ออกไปท่องเที่ยวในอวกาศเหมือนกัน เช่น บลูออริจิน ของ เจฟฟ์ เบซอส เจ้าของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของโลกอย่าง Amazon ที่มีเป้าหมายเหนือกว่าการท่องเที่ยว นั่นก็คือพาสร้างอาณานิคมของมนุษย์บนดาวดวงอื่น แบบในหนัง Space Sweepers เลยทีเดียว นอกจาก บลูออริจิน และ เวอร์จิน กาแลคติก ถ้าจะขาดสเปซเอ็กซ์ ของ อีลอน มัสก์ ก็คงไม่ได้ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านอวกาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อแข่งขันในเรื่องของการท่องเที่ยวอวกาศเหมือนกัน ถึงแม้ในตอนนี้เทคโนโลยีอวกาศจะมีต้นทุนที่สูงมากอยู่ แต่ในอนาคตไม่กี่ปีหลังจากนี้ เมื่อเราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวหน้ากว่านี้ ต้นทุนทางเทคโนโลยีจะยิ่งถูกขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าเราก็คงสามารถซื้อตั๋วไปเที่ยวอวกาศ ในราคาเดียวกับตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศ
3. เทคโนโลยีการแพทย์ จากหนังดัง Project Power
หนังอีกเรื่องจาก Netflix อย่าง Project Power ที่พูดถึงยาเม็ดลึกลับที่หากใครได้กินจะมีพลังวิเศษแบบซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีความเร็วเหนือมนุษย์ ยิงคลื่นพลังจากร่างกายได้ เป็นต้น ทำให้เกิดเรื่องราวการไล่ล่าหาความจริงใครเป็นต้นกำเนิดยาวิเศษพวกนี้ ถึงแม้ในหนังจะมีเทคโนโลยีการแพทย์ ช่วยสร้างยาวิเศษเหล่านี้ แต่ในโลกจริง ๆ ของเราก็มีเทคโนโลยีการแพทย์แบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ใช่การสร้างยาเม็ดเพื่อสร้างฮีโร่ แต่เป็นการสร้างยารักษาโรคร้ายที่เราไม่คิดว่าจะมีทางรักษาได้อย่างโรคมะเร็ง โรคเนื้องอกในสมอง หรือโรค HIV ที่เป็นต้นเหตุพรากชีวิตของมนุษย์อย่างมากมายในแต่ละปี และเทคโนโลยีดังกล่าวพวกเรานั้นได้ยินบ่อย ๆ ในช่วงปีนี้นั่นคือเทคโนโลยี mRNA แบบเดียวกับที่เราใช้สร้างวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นี่ล่ะ ในตอนนี้ก็มีบริษัทด้านเวชภัณฑ์ชื่อดังอย่าง โมเดอร์น่า และไบโอเอ็นเท็ค ที่มีการนำเทคโนโลยี mRNA มาต่อยอดในการผลิต
วัคซีนรักษาโรคร้าย ๆ อื่น นอกจากโรคโควิด-19 ซึ่งหลักการทำงานของเทคโนโลยีนี้คือการใช้ mRNA เข้าไปในเซลล์ของมนุษย์เพื่อให้ไรโบโซมในเซลล์ผลิตโปรตีนขึ้นมาทำลายวัตถุแปลกปลอม เช่น เซลล์มะเร็ง เป็นต้น และเทคโนโลยี mRNA สามารถสลายหายไปได้เอง ต่างจากการรักษาแบบเดิม ๆ ที่ควบคุมได้ยาก
ซึ่งเทคโนโลยี mRNA จะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในอนาคตนอกเหนือจากการใช้เพื่อผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แต่เราอาจได้ยารักษาโรคชนิดที่สามารถป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับมนุษย์ ในวันนี้ที่มีการเกิดโรคระบาด หรือการเจ็บป่วยใหม่ ๆ ขึ้นในทุกวัน สำหรับเทคโนโลยีการแพทย์ในชีวิตจริง อาจมีข้อแตกต่างแบบที่เราเห็นในหนัง แต่ทั้งสองอย่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ การสร้าง
เทคโนโลยีที่ช่วยให้มนุษย์มีชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง
4. เทคโนโลยีหุ่นยนต์ AI จากหนังดัง Archive
อีกหนึ่งหนัง Sci-Fi นอกกระแสที่พูดถึงการใช้ความทรงจำของมนุษย์ให้มาอยู่ในรูปแบบหุ่นยนต์ AI ให้มีชีวิตเหมือนคนธรรมดา เพื่อสามารถให้เราได้พูดคุย หรือใช้ชีวิตกับคนเหล่านั้นได้แบบตลอดไป สำหรับแนวคิดของหนังเรื่องนี้ก็มีอีกหลายเรื่องที่อยากสร้างหุ่นยนต์ AI ให้ขึ้นมาให้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาอย่างหนังดังในอดีตอย่าง I Robot เป็นต้น หากใครคิดว่าการอยากให้หุ่นยนต์เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวัน ช่วยงานของเรามีรูปร่างแบบคนจริง ๆ เหมือนหนังดังเรื่องดังกล่าว และตอนนี้การสร้างหุ่นยนต์ AI ก็มีแล้วแต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของแขนจักรกล ที่มีไว้ในงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ควบคุมการสั่งงานทั้งหมด แต่เมื่อไม่นานมานี้ อีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง เทสล่า และ สเปซเอ็กซ์ เปิดตัวหุ่นยนต์ AI ต้นแบบฮิวแมนนอยด์ ที่เรียกว่า เทสล่า บอต เพื่อสร้างหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์จริง ๆ แต่ต่างกันที่ เทสล่า บอต ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเพื่อน หรือตัวแทนของมนุษย์ในการใช้ชีวิต แต่ถูกสร้างเพื่อนำมาใช้รับผิดชอบงานของมนุษย์ เช่น งานที่ต้องใช้แรงยกของ หรืองานที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เจ้าเทสล่า บอต จะเป็นผู้ทำงานในส่วนนี้เอง โดยเทสล่า บอต จะมาในรูปลักษณ์คล้ายกับมนุษย์ มีส่วนสูงประมาณ 176 เซนติเมตร และมีน้ำหนักอยู่ราว ๆ 56-68 กิโลกรัม และมี AI คอยประมวลผลควบคุมการทำงาน ซึ่งอีลอน มัสก์ บอกไว้ว่าเราจะได้เห็น ฮิวแมนนอยด์ เทสล่า บอต ตัวจริง ๆ ในช่วงต้นปี 2022 นี่เอง
สำหรับเรื่อง
หุ่นยนต์ AI ในอดีตก็มีด้วยกันหลายรุ่นอย่าง อาซิโม แต่ก็ยังไม่สามารถนำมาใช้งานจริงได้ในปัจจุบัน แต่กลับกันหุ่นยนต์ AI เทสล่า บอต กลับมีความน่าสนใจมากกว่านั้น เพราะจากตัวอย่างเทคโนโลยีจาก เทสล่า หรือ สเปซเอ็กซ์ ที่อยู่ในมือของอีลอน มัสก์เช่น เทคโนโลยี Autopilot ที่ให้ AI ควบคุมรถยนต์แบบอัตโนมัติ ก็เป็นจุดที่ทำให้เราเห็นว่าเทคโนโลยี AI ต่อจากนี้จะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ในอนาคตอีกไม่นานเราคงมีหุ่นยนต์ AI ที่คอยช่วยเหลือการทำงานของเราในส่วนที่ต้องใช้แรงงาน หรือการทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย เพื่อให้พวกเราได้ใช้ชีวิตที่ต้องการมากขึ้น
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนังเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ตอนนี้สิ่งประดิษฐ์ในหนัง เกิดขึ้นได้จริงแล้วยังมีอีกหลายเทคโนโลยีจากหนังดังอีกมากมาย ที่พัฒนาจนคนธรรมดาอย่างเรา ๆ สามารถจับต้องได้ ทำให้เรามีความสะดวกสบายในชีวิตในทุก ๆ ด้านแต่ถึงแม้เทคโนโลยีจะล้ำขนาดไหน ตัวเราเองก็อย่าหยุดพัฒนา แต่จะให้ดีหยิบใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาสร้างประโยชน์ให้กับตัวเอง แล้วสังคมของเราจะน่าอยู่ขึ้นอีกมากเลย