ในตอนนี้การนำปัญญาประดิษฐ์ หรือที่พวกเราคุ้นหูกันในชื่อ AI (Artificial Intelligence) เทคโนโลยีที่ทันสมัย เข้ามามีบทบาทในการทำงานของมนุษย์ อย่างเช่น ในธุรกิจอุตสาหกรรม ที่มีการใช้หุ่นยนต์ AI คอยทำงานหนัก หรืองานที่เสี่ยงอันตรายแทนมนุษย์ หรือธุรกิจการเงินก็มีการใช้ AI Chatbots หรือ AI Call Center เข้ามาอำนวยความสะดวกกับลูกค้าให้ได้รับการบริการที่รวดเร็ว ไม่ต้องรอพนักงานให้นาน และตอนนี้ก็มีการนำ AI เข้ามาช่วยเสริมธุรกิจสุขภาพให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการช่วยแพทย์ และพยาบาลดูแลผู้ป่วยตั้งแต่การเริ่มเข้ามารอคิวไปจนถึงการผ่าตัด และการดูแลรักษาตัวระหว่างร่างกายพักฟื้น หากเป็นเมื่อก่อนถ้าเราจะบอกว่าจะมีหุ่นยนต์เข้ามาช่วยดูแลเราร่วมกับคุณหมอ คงจะมีในต่างประเทศ แต่เชื่อไหม เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้วในประเทศไทย ด้วยการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาของมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่ได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์เทคโนโลยีเกี่ยวกับบริการสุขภาพ และวันนี้เรามีตัวอย่างเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยเหลือในด้านสุขภาพจากฝีมือของคนไทยนี่เอง
หุ่นยนต์ AI ผู้ช่วยแพทย์ SOFA
เป็นหุ่นยนต์ AI ด้านสุขภาพ จากสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม อยู่ภายใต้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มีหน้าที่ช่วยสื่อสารกับผู้ป่วยในโรงพยาบาล ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัส
COVID-19 จากเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลไปยังคนไข้ และความสามารถของเจ้าหุ่นยนต์ SOFA ก็คือมีจอภาพที่ติดตั้งไว้ในบริเวณลำตัวช่วยบอกผลการรักษาของผู้ป่วยอย่างละเอียด และมีฟังก์ชันพูดคุยกับคุณหมอผ่านระบบ Video Call ได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้หุ่นยนต์ SOFA ยังมีกล้องตรวจความร้อนช่วยวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้ป่วย ถึงแม้คุณหมอจะไม่ว่าง ก็สามารถพึ่งการบริการของหุ่นยนต์ AI ได้ ในตอนนี้มีโรงพยาบาลกว่า 20 แห่งในประเทศไทย ได้ยื่นขอติดตั้งระบบหุ่นยนต์ AI นี้เพื่ออำนวยความสะดวกกับผู้ป่วย และช่วยลดภาระหน้าที่ของแพทย์และพยาบาลที่ไม่สามารถทำงานได้เพียงพอต่อปริมาณผู้ป่วยที่มากขึ้นทุกวัน
AI ช่วยคัดกรองมะเร็ง Chest 4 All
จากเดิมหากเราสงสัยในสุขภาพว่าเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอด หรือโรคที่เกี่ยวกับหน้าอกหรือไม่ก็ต้องไปทำการตรวจแบบเอกซ์เรย์ซึ่งการดูผลตรวจอาจต้องรอนานนับเดือนว่าเราเกิดอะไรกันแน่ แต่ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องรอผลตรวจนานอีกต่อไปเพราะ AI จะเข้ามาช่วยคัดกรองโรคมะเร็งปอด วัณโรค ได้อย่างทันทีเพื่อการวินิจฉัยและรักษาได้เร็วขึ้นกว่าในอดีต ด้วยการร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุข และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ช่วยกันผลิตซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า Chest 4 All โดยหลักการทำงานของ AI ตัวนี้จะใช้ผลเอกซเรย์ของผู้ป่วยมาประมวลหาความผิดปกติด้วยเทคนิคของ
Deep Learning พร้อมระบุความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งปอด หรือโรคที่เกี่ยวกับทรวงอก ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำถึง 94% ช่วยให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลนแพทย์เฉพาะทางก็สามารถรักษาผู้ได้อย่างทันท่วงที
AI ช่วยวินิจฉัยโรคเบื้องต้น Agnos
หากใครรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะป่วย ก็คงไม่พ้นที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับโรค บางทีก็เจอว่าอาการที่เราเป็นไปคล้ายกับอาการของโรคร้าย ทำให้คิดไปเอง และเครียดว่าเรากำลังเป็นโรคร้าย แต่ตอนนี้หากว่าเรารู้สึกว่ากำลังป่วย มีอาการแปลก ๆ เกี่ยวกับร่างกาย เราสามารถบอกอาการที่เราเจอแล้วให้ AI ช่วยวินิจฉัยโรคเบื้องต้น ก่อนที่เราจะไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาล จากผลงานของบริษัทสตาร์ทอัพที่ชื่อว่า Agnos ที่ได้พัฒนา AI เพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพ และการบริการ ที่นอกจากจะช่วยวินิจฉัยโรค ยังสามารถบอกได้ว่าโรคที่เรากำลังเป็น ยังต้องใช้ยาตัวไหนในการรักษา ซึ่ง AI แบบนี้จะช่วยลดขั้นตอนการตรวจเช็กอาการป่วยในเบื้องต้น เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเราก็สามารถเล่ารายละเอียดที่ AI ได้วินิจฉัยให้กับคุณหมอได้ฟัง และทำการรักษาให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น หากใครสนใจอยากลองให้ AI ช่วยวินิจฉัยโรค สามารถทดลองได้ด้วยตัวเองจากแอปฯ Agnos ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android ได้ฟรีเลย
หุ่นยนต์ AI ขนส่งและจ่ายยาอัตโนมัติ B-Hive1
จากปัญหาในแต่ละวันที่ผู้ป่วยต้องเสียเวลารอโรงพยาบาลจ่ายยานานกว่า 1 ชั่วโมง แต่การใช้ AI ในการช่วยจ่ายยาสามารถลดระยะเวลาให้เหลือเพียงแค่ 15 นาที ช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล และลดความเสี่ยงของเชื้อโรคในการแพร่กระจายได้อย่างดี นี่เป็นตัวอย่างจากโรงพยาบาลศิริราช ที่ได้เริ่มนำหุ่นยนต์ AI สุขภาพเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของเภสัชกร ลดความผิดพลาดในการจัดยา และทำให้เภสัชกรได้มีเวลาให้คำปรึกษากับคนไข้มากขึ้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจาก AI ตัวนี้มาจากการร่วมมือกันของ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์ AI ในลักษณะนี้ที่ทำหน้าที่คล้าย ๆ กันเช่น Mum II หุ่นยนต์ AI ด้านสุขภาพช่วยขนส่งอาหารและจัดยาไปยังเตียงของผู้ป่วยโรงพยาบาล ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ป่วยในยุค
COVID-19 เพราะภายในช่องเก็บอาหาร และยา จะมีการปล่อยแสง UV คอยฆ่าเชื้อโรคที่อาจปะปนมากับภาชนะอยู่ตลอดเวลา และยังมีหน้าจอสำหรับแสดงข้อมูลอาหารที่ผู้ป่วยจะได้รับในแต่ละวัน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการบริการอย่างปลอดภัยที่สุด
มาถึงตรงนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าเทคโนโลยี AI ด้านสุขภาพของประเทศเรามีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมากแตกต่างจากในอดีตที่เราเป็นเพียงแค่ผู้ตาม และนำเข้าเทคโนโลยีมาใช้ในราคาแพง ๆ ที่เป็นอย่างนี้ได้เพราะการให้การสนับสนุนจากภาครัฐ และเอกชนอย่างต่อเนื่องทำให้นักวิจัย และน้อง ๆ นักศึกษาที่มีความรู้ ความสามารถด้าน AI ได้สร้างผลงานเพื่อเป็นประโยชน์กับคนไทยทุกคน นับเป็นเรื่องที่ดีของคนไทยที่เราสามารถมีเทคโนโลยีล้ำอนาคต ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ไม่ยาก