สำหรับเจ้าของกิจการ SMEs ที่ต้องการเพิ่มยอดขายให้กับลูกค้า แต่ไม่รู้จะต้องทำอย่างไร เพิ่มเติมตรงไหนบ้าง บทความนี้มี 7 เทคนิคพิชิตใจลูกค้ามาบอกเคล็ดไม่ลับให้อ่านกันครับ
เทคนิคแรก “คุณต้องเข้าถึงพฤติกรรมของลูกค้า”
ปัจจุบัน ลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้าตามความพอใจ ถ้าเราพอใจกับสินค้านั้น ๆ แม้จะมีราคาค่อนข้างสูง ก็ยังมีแนวโน้มที่จะซื้อ การอัดโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบไม่ลืมหูลืมตาจึงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจจ่ายเงิน เนื่องจากคนในยุคนี้ (ยุค 4.0) จะซื้อสินค้าตามความพึงพอใจ หากสินค้ามีคุณภาพดี ตรงตามความต้องการของลูกค้า มีเอกลักษณ์ที่บ่งบอกตัวตนชัดเจน เรื่องราคาก็เป็นเพียงปัจจัยรอง ดังนั้นการที่จะเข้าถึงลูกค้าคุณต้องเข้าถึงพฤติกรรมการซื้อของคนในยุคนี้ และทำการตลาดให้ตรงจุดจึงจะประสบความสำเร็จ
เทคนิคที่สอง “สินค้าจะต้องสร้าง Passion ให้กับลูกค้า”
การเพิ่มยอดขายนั้นไม่ใช่เพียงตัวเลขอย่างเดียว การมุ่งเน้นไปที่ตัวเลขเพียงอย่างเดียวเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะล้าสมัย สำหรับนักการตลาดที่ต้องการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ SMEs ของตนเองนั้น การมุ่งเป้าไปยังสิ่งที่ท้าทายกว่ามากมายเป็นเรื่องที่แสนสนุก แถมยังได้ยอดขายเพิ่มกลับมาแบบอัตโนมัติอีกด้วย เราคงเคยเห็นแบรนด์ดัง ๆ ระดับโลกที่เน้นไปที่ Passion หรือแรงบันดาลใจของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น สินค้าประเภทอุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้า รองเท้า จะเน้นไปที่การสร้างแรงบันดาลใจมากกว่าประสิทธิภาพของสินค้า แต่แน่นอนที่สุดว่า คุณภาพของสินค้าต้องดีด้วย ลองเปลี่ยนแนวคิดพิชิตความสำเร็จดู หันมาสร้างแรงบันดาลใจ ให้มีกลิ่นอายของความสำเร็จในสินค้าของเรา แล้วยอดขายจะตามมาเอง
เทคนิคที่สาม “ต้องผลิตสินค้าที่เป็น Beyond Expectation”
การผลิตสินค้าหรือให้บริการที่ดีเกินความคาดหวังแก่ลูกค้า คือ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่จะมัดใจลูกค้าได้อย่างอยู่หมัด ลองจินตนาการถึงตัวเราเองที่ไปใช้บริการสินค้า หรือซื้อสินค้าอะไรก็ตามแล้วได้รับสิ่งที่ดีกว่าที่คิดมาก เราจะรู้สึกประทับใจ อยากอุดหนุนอีกครั้ง การผลิตสินค้าที่เป็น Beyond Expectation จึงเป็นหัวใจสำคัญของการทำตลาด และจะเพิ่มยอดขายให้กับเราได้อย่างไม่ต้องสงสัย เปลี่ยนวิธีคิด แทนที่จะเอา กลับเป็นผู้ให้ ให้กับลูกค้าของเรา ให้เขารักเราจากข้างใน และย้อนกลับมาซื้อ หรือใช้บริการของเราอีกอย่างเต็มอกเต็มใจจะดีที่สุด
เทคนิคที่สี่ “เพิ่มช่องทางการตลาดออนไลน์”
ในอดีต เราอาจจะคุ้นเคยกับการประชาสัมพันธ์สินค้า หรือบริการให้เกิดการรับรู้เป็นวงกว้าง ผิดกับในปัจจุบันที่เน้นประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ เคล็ดไม่ลับ คือ การไปหาคนที่มี IMPACT กับคนหมู่มาก อย่างเช่น พวกบล็อกเกอร์ หรือแฟนเพจต่าง ๆ มาช่วยโปรโมตสินค้าให้กับเรา แถมค่าใช้จ่ายยังถูกกว่าช่องทางอื่น ๆ มากมาย ลองปรับไปใช้ดูแล้วจะรู้ว่ามันมีอิทธิพลกับคนในยุคโซเชียลอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว
เทคนิคที่ห้า “จงก้าวให้เร็วกว่าคนอื่น”
สำหรับสนามการค้าการหยุดนิ่งอยู่เฉย ๆ = เรากำลังถอยหลัง สำหรับผู้ประกอบกิจการโดยเฉพาะธุรกิจ SMEs การที่เราช้ากว่าคนอื่นอาจหมายถึง หายนะของกิจการ ถ้าอยากประสบความสำเร็จ จงก้าวให้เร็วกว่าคนอื่น เมื่อเราก้าวออกไปจาก comfort zone หรือจุดที่เรารู้สึกสบาย ออกไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ไกลจากความเคยชิน หากเราทำสำเร็จเราก็จะสามารถยึดพื้นที่ในใจลูกค้าได้ก่อน นั่นหมายถึงยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
เทคนิคที่หก “มองหาตัวแทนจำหน่ายที่แข็งแกร่ง”
เทคนิคทางตรงในการเพิ่มยอดขายก็คือ ต้องหาช่องทางขายเพิ่ม หนึ่งในแนวทางของการขยายช่องทางขายสินค้า หรือบริการ ก็คือ การมองหาตัวแทนจำหน่ายที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถพลิกกิจการของเราให้ดีขึ้นอย่างหน้ามือเป็นหลังมืออย่างที่เคยเกิดขึ้นกับหลาย ๆ กิจการ เช่น เถ้าแก่น้อยพบกับช่องทางของร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น
เทคนิคที่เจ็ด “เสริมอาหารสมอง”
การเติมอาหารสมองก็คือ การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม การออกไปฟังงานสัมมนาทางการตลาดดี ๆ การหาความรู้ฟรี ๆ ทางอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่หาหนังสือดี ๆ ซักเล่มมาอ่าน เพราะการที่เราคิดว่าเรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจของเราก็เหมือนกับเราเป็นน้ำที่เต็มแก้ว เทน้ำเพิ่มไปก็ล้นแก้วออกมา จงทำตัวให้เป็นน้ำครึ่งแก้วอยู่เสมอ พร้อมรับกับสิ่งใหม่ตลอดเวลา ออกไปหาความรู้เสริมอาหารสมอง สิ่งที่เราเคยคิดว่ารู้แล้วมันมีอะไรมากกว่าที่เรารู้ โลกนี้ไม่ได้แคบอย่างที่คิด
การที่จะทำ
ธุรกิจ SMEs ให้ตลอดรอดฝั่ง และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ คงไม่เกิดขึ้นกับคนขี้เกียจ แต่ความสำเร็จจะเกิดขึ้นกับคนที่ฝึกฝน ลับฝีมือ ลับสมอง ปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่ง และทำอย่างสม่ำเสมอ หากอยากประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ อยากให้สินค้าของเราขายไปได้ทั่วประเทศ หรือแม้แต่ทั่วโลก จงฝึกฝน ฝึกฝน และฝึกฝน
อย่าคิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นดีที่สุดแล้ว เพราะสิ่งที่ดีที่สุดไม่มีอยู่จริง มีแต่สิ่งที่ดีกว่าเท่านั้น