ถ้าให้พูดถึงเรื่องการเปิดธุรกิจ ผมเชื่อว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครหลายคน ผมเองก็เช่นกันกว่าจะเริ่มผันตัวจากอาชีพ
มนุษย์เงินเดือน สู่ผู้ประกอบการ เปิดธุรกิจอย่างจริง ๆ จัง ๆ ครั้งแรกก็ตอนอายุ 30 กว่า ๆ กว่าจะกล้าเปิดธุรกิจต้องใช้เวลาเกือบ 10 ปี ในการทำงานในบริษัท ในทางตรงกันข้ามเราเคยสังเกตไหมว่า จะมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เปิดธุรกิจตัวเองได้ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ กลุ่มคนเหล่านี้มองเห็นโอกาสอะไร แล้วในญี่ปุ่นตอนนี้มีธุรกิจไหนบ้างที่เปิดธุรกิจตั้งแต่สมัยเรียน บทความนี้จะมาเล่าเรื่องนี้ทั้งหมด อ่านจบแล้วจะพบว่า ถ้ามีจังหวะเปิดธุรกิจเป็นของตัวเองเมื่อไหร่ยิ่งเริ่มต้นไวยิ่งดี
ข้อดีของการเปิดธุรกิจตั้งแต่สมัยเรียน (ใครทำงานได้ไม่กี่ปี ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ)
1. ความเสี่ยงต่ำกว่า
เรื่องนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โดยปกติแล้วการทำธุรกิจนั้นมีโอกาสล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ ในวงการของการทำธุรกิจมักจะมีคำพูดที่บอกไว้ว่า บรรดา
ธุรกิจ Startup ใหม่ทั่วโลก มีเพียง 5% เท่านั้นที่รอด ส่วนที่เหลืออีก 95% นั้นล้มเหลว ฉะนั้นยิ่งเริ่มเร็วยิ่งมีโอกาสผิดพลาดได้เยอะ ใครที่มีไอเดีย และสามารถเปิดธุรกิจได้ตั้งแต่สมัยเรียนจึงได้เปรียบเรื่องความเสี่ยง เพราะถ้าธุรกิจนั้น ๆ ล้มเหลวตั้งแต่ยังเรียนอยู่ก็ยังมีโอกาสเบนเข็มทิศไปในทางอื่น ๆ ได้
2. มีโอกาสเติบโตเยอะ
ข้อนี้ใช้เกณฑ์จากคนประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นส่วนมากจะมีอายุช่วง 40-50 ปี ฉะนั้นถ้าเริ่มต้นเร็ว ก็จะมีระยะเวลาในการพัฒนาตัวเองค่อนข้างเยอะ ใคร
เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 20 ปี ก็จะมีโอกาสพัฒนาตัวเองไปพร้อม ๆ กับพัฒนาธุรกิจมากกว่า 20 ปีขึ้นไปเลยนะ
3. คอนเน็กชั่นดีตั้งแต่สมัยเรียน
ข้อนี้สำคัญมากเพราะ Part หนึ่งของการทำธุรกิจนั้นคือการประสานหาความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ฉะนั้น การทำธุรกิจขณะเรียนจะช่วยให้เราได้รู้จักกับคนหลากหลายมากกว่าคอนเนคชั่นปกติที่หาได้ในโรงเรียน และมหาวิทยาลัย แล้วคอนเน็กชั่นแบบนี้นี่แหละที่จะช่วยให้เราได้ไอเดียในการต่อยอดธุรกิจด้วย
4. ได้เรียนรู้สกิลการบริหาร และเข้าใจธุรกิจตั้งแต่เนิ่น ๆ
ข้อนี้ก็สำคัญเช่นกัน เพราะการเริ่มต้นทำธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งนั้นจะต้องเรียนรู้หลายอย่าง เข้าใจลูกค้า เข้าใจคู่แข่ง เข้าใจเรื่องคน และเข้าใจตัวเอง ซึ่งสกิลนี้นำไปต่อยอดได้เยอะมาก ยิ่งรู้เร็วยิ่งช่วยให้เรามีลู่ทางประสบความสำเร็จไวขึ้น แต่สำหรับใครที่เปลี่ยนใจอยากกลับไปหางานหลังจบการศึกษา สกิลนี้ก็จะช่วยให้เรามีกึ๋นในการเลือกบริษัทที่ดีสำหรับเราด้วย
5. มีเวลาเหลือเฟือ
ข้อนี้ถ้าใครทำงานแล้วจะเข้าใจครับว่า จะเปิดธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งต้องใช้การเตรียมตัวเยอะมาก คิดหาเงินทุน คิดหาไอเดีย คิดหากลยุทธ์ที่จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ สำหรับคนทำงานไปด้วยแล้วอยากเปิดธุรกิจใหม่ก็จะมีเวลาในการทำงานตรงนี้น้อยมาก ในทางกลับกัน นักเรียน นักศึกษาจะมีเวลาตรงนี้ค่อนข้างเยอะและมีเวลาเหลือเฟือในการทำธุรกิจ
เมื่อรู้แล้วว่าการเปิดธุรกิจยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งได้เปรียบตาม 5 ข้อดีที่ผมได้ยกตัวอย่างไว้ในลำดับต่อไปอยากจะยกตัวอย่างธุรกิจญี่ปุ่นที่
เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่สมัยเรียน
ตัวอย่างธุรกิจในญี่ปุ่นที่เริ่มต้นตั้งแต่สมัยเรียน
1. TADACOPY บริการถ่ายเอกสารฟรีสำหรับนักเรียน
TADACOPY เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน ปี 2006 โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยเคโอ และมหาวิทยาลัยชูโอ รวม 5 คน ตอนแรกก็เริ่มจากไอเดีย จนสุดท้ายจดจัดตั้งบริษัท และบริหารงานภายใต้ Smart Campus Inc. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ OCEANIZE GROUP ตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจในปี 2006 พวกเขาได้รับความไว้วางใจจากมหาวิทยาลัย 146 แห่งในญี่ปุ่น รวมทั้งหมด 184 แคมปัส มีผู้ใช้งานมากกว่า 450,000 คน เช่น มหาวิทยาลัยโตเกียว มหาวิทยาลัยโฮเซ มหาวิทยาลัยชูโอ มหาวิทยาลัยฮิโตทสึบาชิ เป็นต้น
ปกติแล้วในญี่ปุ่นเวลาจะถ่ายเอกสารสัก 1 แผ่นจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 10 เยน (ประมาณ 2.7 บาท/แผ่น) แต่ธุรกิจนี้นอกจากไม่คิดเงินนักเรียนนักศึกษาแล้ว ยังให้นักเรียนนักศึกษาได้ถ่ายเอกสารกันแบบฟรี ๆ ด้วย แล้วธุรกิจนี้จะไปเอากำไรจากไหนผมสงสัยมากเลยไปค้นหาสาเหตุดู จึงค้นพบว่า กระดาษแต่ละใบเขาถ่ายเอกสารให้ฟรีนะ แต่หน้าหลังของกระดาษทางบริษัทจะขอใช้เป็นพื้นที่โฆษณาให้กับลูกค้าของเขา ด้วยค่าลงโฆษณาจากลูกค้า บริษัทจึงสามารถทำธุรกิจได้ต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบัน TADACOPY ยังขยายการให้บริการนอกเหนือจากการถ่ายเอกสาร ตั้งแต่เพิ่มเติมการสแกนเอกสาร พรินต์เอกสารแบบ Full Color ให้แบบฟรี ๆ อีกด้วย ทำให้มีนักเรียน และนักศึกษาใช้งานบริการของ TADACOPY เป็นจำนวนมาก
2. SUGOI JIKANWARI บริการแชร์ตารางเรียนสำหรับเด็กมหาวิทยาลัย
SUGOI JIKANWARI เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2011 มีนักศึกษาใช้งานเยอะมาก ณ เดือนพฤษภาคมปี 2021 มีข้อมูลว่า มีนักศึกษาใช้งานบริการนี้มากกว่า 660,000 คน และผู้ให้บริการมีข้อมูลคาบเรียนมากกว่า 1 ล้านข้อมูล ซึ่งผู้พัฒนาบริการนี้มีชื่อว่าคุณ Tsuruda Hiroyuki ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัท Labit และยังคงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเคโอด้วย
นอกจาก SUGOI JIKANWARI แล้วเค้ายังพัฒนาธุรกิจขึ้นมาอีกมากมาย เช่น BOOK LAB TOKYO (ร้านหนังสือที่เปิดในชิบูย่าโดยจะเน้นวางหนังสือที่เกี่ยวกับอาชีพด้านไอที และ Creators ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว แต่ยังให้บริการในช่องทางออนไลน์), BUKUMA! แอปพลิเคชันที่เป็นตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนหนังสือเก่า เป็นต้น
3. KURASHIRU เว็บไซต์และแอปพลิเคชันรวมวิดีโอสอนการทำอาหารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
KURASHIRU เป็นเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันที่รวบรวมวิดีโอสอนทำอาหารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่บริหารงานโดยบริษัท Dely โดยจะเน้นเป็นวิดีโอสอนทำอาหารความยาวประมาณ 1 นาที มียอดเข้าชมต่อเดือนประมาณ 170 ล้านครั้ง
ผู้ก่อตั้งธุรกิจนี้มีชื่อว่า HORIE YUSUKE เขาเริ่มก่อตั้งธุรกิจนี้ตั้งแต่อายุ 22 ขณะยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเคโอ ในเดือนกรกฎาคม ปี 2018 บริษัท Yahoo ได้เข้าซื้อบริษัท Dely ของเขาด้วยมูลค่าสูงถึง 9,300 ล้านเยน (ประมาณ 2,500 ล้านบาท) นับเป็นกิจการที่สร้างรายได้ให้กับคุณ HORIE YUSUKE เป็นกอบเป็นกำ
ในบทความนี้ผมตั้งใจยกตัวอย่าง 3 ธุรกิจนี้มาให้เพื่อน ๆ อ่าน ซึ่งจะเห็นได้เลยว่าคอนเซ็ปต์ธุรกิจทั้ง 3 ธุรกิจนี้เริ่มมาจากเรื่องใกล้ตัว “การถ่ายเอกสาร” “การแชร์ตารางเรียน” และ “วิดีโอสอนทำอาหาร” เพราะฉะนั้นการคิดทำธุรกิจใด ๆ อาจเริ่มต้นจากการคิดถึงปัญหาที่อยู่ใกล้ตัวก่อนก็ได้ ที่สำคัญต้องใจกล้าในการลงมือทำ อย่าปล่อยให้ไอเดียเล็ก ๆ ที่คิดอยู่ในหัวจางหายไป เพราะเราไม่กล้าทำอะไรเลย เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่
อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งได้เปรียบครับ
Reference:
- ข้อดี และความเสี่ยงการทำธุรกิจสตาร์ทอัพตั้งแต่สมัยเรียน; MASOUKEN: M&A Research Institute:
https://masouken.com
- 10 ธุรกิจประสบความสำเร็จที่เริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่สมัยเรียน; TECH CAMP:
https://tech-camp.in