ธุรกิจ Startup เป็นกิจการ “ยุคใหม่” ที่หอมหวานในสมัยนี้ เนื่องจากหาก Startup จับให้ถูกทางก็มี “โอกาส” ที่จะสร้างรายได้ 100 ล้านแบบง่าย ๆ ได้เหมือนกันนะ! อยากรู้ว่าต้องทำไงบ้างติดตามกันเลยดีกว่าครับ
โดยปัจจุบัน Startup ในประเทศไทยมีไม่ต่ำกว่า 500 กิจการ และมีความหลากหลายสูง มีตั้งแต่ประเภท Hardware Software Mobile Application หรือแม้แต่ประดิษฐกรรม นวัตกรรมใหม่ ๆ หุ่นยนต์ต้นแบบ รถยนต์ไร้คนขับ เป็นต้น แต่ปัจจัยที่ทำให้ Startup ประสบความสำเร็จและอยู่รอดได้ตลอดรอดฝั่ง มีดังต่อไปนี้
ห้าปัจจัยกำหนดความสำเร็จที่บอกว่า Startup มาถูกทางแล้ว
ปัจจัยแรก
“มีหน้าตาของแบรนด์ที่ชัดเจน”
สิ่งแรกที่ Startup ต้องมีคือ “ความคิดสร้างสรรค์” หรือ creativity ที่จริงควรมีก่อนการสร้างแบรนด์เสียอีก สำหรับ creativity มันมีจุดเริ่มต้นมากจาก “แรงบันดาลใจ” หรือ passion ที่จะทำบางสิ่งที่ตอบโจทย์คนทั่วไป สิ่งเหล่านี้หากสามารถตอบโจทย์คนจำนวนมาก (ฐานลูกค้า) โอกาสประสบความสำเร็จก็มีสูง และต้องตอบรับการ “รับรู้” ด้วย “แบรนด์” ที่เป็นเอกลักษณ์จดจำได้ง่าย และที่สำคัญ ต้องมีหน้าตาของแบรนด์ที่ “ชัดเจน”
ปัจจัยที่สอง
“การจัดการ Online Marketing อย่างอยู่หมัด”
สิ่งที่จะ “สื่อสาร” แบรนด์ Startup ของเราออกไปได้กว้าง และลึกที่สุดคงหนีไม่พ้น Social media และการบริหารจัดการ Online marketing อย่างอยู่หมัด การสื่อสารทาง social media นั้นมีผลกระทบสองด้าน ทั้งด้านที่ดี และด้านที่ไม่ดี หากเราส่งสารออกไปได้ถูกต้องตรงกลุ่มเป้าหมาย ผลด้านดีก็จะปรากฏ และหากเราทำซ้ำ ๆ ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็เท่ากับ “ตอกย้ำ” แบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้นนั่นเอง
ปัจจัยที่สาม
“ความน่าเชื่อถือ”
Startup รุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tech Startup หรือ Fin Tech สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ “ความน่าเชื่อถือ” อย่างเช่น Fin Tech ที่ให้บริการธุรกรรมทางการเงิน หากขาดความน่าเชื่อถือคนก็ไม่มั่นใจที่จะมาใช้บริการของเรา เทคนิคการสร้างความน่าเชื่อถือก็คือ การหาผู้ร่วมทุนที่มีความมั่นคง ในขั้นต้นที่คงไม่มีใครอยากร่วมทุนกับเรา เราก็ต้องขยันทำงานให้ผู้ร่วมทุนได้เห็นถึงความ “มุ่งมั่น” ของเราเอง และหมั่นไปออกบูธ ออกกิจกรรมให้คนเห็นเยอะ ๆ คนที่เห็นเราไม่ใช่แต่จะเป็นลูกค้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่อาจเป็นนายทุน และจะกลายเป็นผู้ร่วมทุนในอนาคตก็เป็นไปได้เช่นกันครับ
ปัจจัยที่สี่
“การบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน”
ธุรกิจส่วนใหญ่มัก “ตกม้าตาย” ในตอนที่ต้องบริหารเรื่องเงิน หลายกิจการกำลังเติบโตไปด้วยดี แต่กลับประสบปัญหา “ขาดสภาพคล่อง” อันที่จริงสำหรับธุรกิจ Startup เรื่องสภาพคล่องคงเป็นปัญหาน้อยกว่าธุรกิจอย่าง
SMEs ที่มีระบบการให้เครดิตกับลูกค้าไม่เหมือนกับ Startup ที่ไม่จำเป็นต้องให้เครดิตกับลูกค้า บางธุรกิจลูกค้าต้องโอนเงิน หรือจ่ายเงินให้ก่อนรับบริการ
อย่างไรก็ตาม หากเราละเลยการบริหารสภาพคล่องของกิจการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจการเริ่มใหญ่โตขึ้นมาแล้วจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ภายหลังได้ ยกตัวอย่างเช่น Ensogo ที่มีปัญหาต้องถอยออกจากธุรกิจ สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากสภาพคล่อง ทำให้แม้ยังมีลูกค้าใช้บริการอยู่ก็อาจจะยังเป็นปัญหาได้เหมือนกันครับ
ปัจจัยสุดท้าย
“เทคนิคการปรับปรุงพัฒนาตัวของ Startup”
เทคนิคง่าย ๆ ที่จะช่วยสร้างความสำเร็จให้กับ startup แถมยังได้ “แรงบันดาลใจ” อีกด้วยนั่นก็คือ การศึกษาความสำเร็จของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ทั้งในระดับโลกอย่าง
Alibaba,
Google,
FaceBook หรือความสำเร็จของ Startup ไทย ๆ อย่างเว็บไซต์
Ookbee ที่ในปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (จากการรายงานล่าสุดของเว็บไซต์ Ookbee ประเทศไทย) ถือเป็นมูลค่าสูงสุดของ Startup สัญชาติไทย
การทำธุรกิจ Startup ให้ถูกทาง ทำรายได้ให้ได้ 100 ล้าน สิ่งที่สำคัญก็คือ “ฐานลูกค้า” ยิ่งมีลูกค้ามาใช้บริการมากเท่าไรยิ่งดี ยกตัวอย่างเช่น หากเราทำ Mobile Application ให้ดาวน์โหลดเพียง 1 เหรียญ ถ้าหากมีคนมาดาวน์โหลด 1 ล้านครั้งก็สามารถทำเงินได้ 1 ล้านเหรียญแล้ว!
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดูเหมือนจะง่ายแต่มีเรื่องราวที่ต้องให้ความสำคัญอยู่อย่างมากมายดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ผู้ที่ไม่ประมาท หมั่นปรับปรุงตัวเองอย่างสม่ำเสมอจึงจะประสบความสำเร็จได้จริง ถ้าเราไม่ล้มเลิกไปเสียก่อนนั่นเอง