หากพูดถึงตลาดเครื่องสำอางในปัจจุบันนี้ ต้องยอมรับว่า เป็นตลาดที่มีการเติบโตและมีการแข่งขันสูงมากทีเดียว การที่จะทำแบรนด์ให้อยู่ในตลาดได้นานนั้นจึงเป็นเรื่องไม่ง่าย เมื่อไม่นานมานี้การ “รีแบรนด์” ของ “ศรีจันทร์” แป้งแต่งหน้าสัญชาติไทยที่มีประวัติมายาวนานกว่า 60 ปีก็สร้างเสียงฮือฮาและชื่นชมจากวงการ วันนี้ทางกรุงศรีกูรูจะพาไปพูดคุยกับ คุณรวิศ หาญอุตสาหะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด ผู้พลิกโฉม “ศรีจันทร์” ให้กลับเข้ามาอยู่ในใจของผู้บริโภคอีกครั้ง
ปัดฝุ่นแบรนด์ศรีจันทร์
เมื่อย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้วตอนผมเริ่มเข้ามาดูแลบริษัท ตอนนั้นแบรนด์ศรีจันทร์ ยังเป็นผงหอมศรีจันทร์อยู่ ด้วยความที่เราเป็นแบรนด์เก่าแก่กว่า 60 ปี มาแล้ว ผงหอมศรีจันทร์ก็เหมือนจะเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้บริโภค ประกอบกับตัวผลิตภัณฑ์ของเราเองในช่วงนั้นยังไม่มีบาร์โค้ดจึงทำให้เราสามารถวางจำหน่ายได้ในร้านค้าเล็ก ๆ เพียงเท่านั้น อีกทั้งคนที่ใช้ก็เป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น คนรุ่นใหม่แทบจะไม่รู้จักเราเลย ในช่วงแรก เราพยายามที่จะขยายกลุ่มผู้ใช้ให้มากขึ้น ด้วยการทำโฆษณาบ้าง และพยายามปรับตัวเองเข้าไปในโมเดิร์นเทรดมากขึ้นบ้าง แต่ก็พบว่า ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของเรายังไม่ได้อยู่ในใจของผู้บริโภคเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป และในที่สุดแบรนด์ของเราก็จะหายไปตามกาลเวลา นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราต้องกลับมาคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง และผมก็ตัดสินใจที่จะรีแบรนด์ศรีจันทร์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
เตรียมพร้อมก่อนการรีแบรนด์
ก่อนการรีแบรนด์ ผมและทีมงานใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลและวิเคราะห์ตลาดอยู่ประมาณ 8 เดือน เราลงพื้นที่ตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อไปคุยกับลูกค้าและหาข้อมูลเพื่อออกสินค้าให้ตรงกับสิ่งที่ตลาดต้องการมากที่สุด เป็นช่วงการทำรีเสิร์ชที่นานที่สุดที่เราเคยทำมา ซึ่งผมเองก็ได้ลงไปอยู่ในกระบวนการด้วยทั้งหมด ในที่สุดเราก็ตัดสินใจเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด โดยคงเหลือไว้เพียงชื่อ “ศรีจันทร์” และต่อยอดพัฒนาสูตรสินค้าออกมาใหม่เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุดครับ
อุปสรรค ความกังวลใจ และแนวทางแก้ปัญหา
ตลอดเวลาตั้งแต่ที่เริ่มทำรีแบรนด์นั้น เรากังวลและกดดันมากครับว่า ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะเป็นอย่างไร เพราะเราไม่เคยทำมาก่อน และไม่มีใครรู้เลยว่า สิ่งที่เราทำนั้นจะสำเร็จหรือไม่ การรีแบรนด์ในครั้งนั้นแทบจะเป็นเงินก้อนสุดท้ายที่เรามีแล้วด้วยซ้ำ ถ้าเราทำไม่สำเร็จก็เท่ากับว่า เราก็ต้องปิดตัวจากตลาดเลยนั่นเอง แต่ถ้าเราไม่รีแบรนด์ตัวเอง ในที่สุดเราก็ต้องหายไปจากตลาดอยู่ดี นี่เป็นเพียงทางเลือกเดียวที่เรามีในตอนนั้น เราจึงต้องพยายามทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราให้ดีที่สุดครับ
พัฒนาต่อยอดและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตรงใจผู้บริโภค
ผมตัดสินใจปรับรูปโฉมผลิตภัณฑ์ครั้งใหญ่ จนกลายเป็น “ศรีจันทร์” ที่วางขายอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งออกหนังโฆษณาทางโทรทัศน์ซึ่งถือว่า เป็นการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ได้มากขึ้น แต่นั่นก็ยังไม่สามารถทำให้ศรีจันทร์สลัดภาพลักษณ์ของการเป็นแป้งราคาถูกออกไปได้ และเราก็ตัดสินใจออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อีกครั้ง จากการพัฒนาสูตรต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมจนกลายมาเป็น “ศรีจันทร์ ทรานส์ลูเซนท์ พาวเดอร์-Srichand Translucent Powder” และ “ศรีจันทร์ ลูมิเนสเซ้นส์ ซีรี่ย์-Srichand Luminescence Series” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งคุณภาพเทียบเท่ากับเครื่องสำอางยี่ห้อที่มีชื่อเสียง โดยนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นและสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้แบรนด์ “ศรีจันทร์” กลับมาอยู่ในใจของผู้บริโภคอีกครั้ง
ความสำเร็จหลังจากการทำรีแบรนด์
จากการทำรีแบรนด์ในครั้งนั้น ผลตอบรับค่อนข้างดีครับ “ศรีจันทร์” กลับมาเป็นที่รู้จักในตลาดอีกครั้ง เรายังได้ฐานลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกด้วยครับ โดยเราเลือกที่จะทำในสิ่งที่เราถนัด นั่นคือ “แป้ง” เพื่อการสร้างแบรนด์ของเราให้แข็งแรง ก่อนการขยายไปยังผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่น ๆ ในอนาคตในเวลาที่เหมาะสมต่อไปครับ นอกจากนี้เราก็ยังมีแผนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีกประมาณสองปีครึ่งเป็นอย่างน้อยครับ ซึ่งเราก็มีการเตรียมตัวในเรื่องของมาตรฐานและระบบต่าง ๆ ให้พร้อมครับ
ถ่ายทอดเรื่องราว สร้างจุดเด่น เน้นคุณภาพ
ผมเป็นคนที่ “บ้าคลั่ง” ในการพัฒนาสินค้าให้ดีที่สุดก็ว่าได้ครับ อย่างตัว “ศรีจันทร์ ลูมิเนสเซ้นส์ ซีรี่ย์” เราใช้งบประมาณในการทำอาร์แอนด์ดี (R&D) ค่อนข้างเยอะ โดยคิดค้นพัฒนาและปรับสูตรให้ตรงใจกับผู้บริโภคมากที่สุด โรงงานที่เราใช้เป็นโรงงานที่มีมาตรฐานสูงมากที่ญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตาม การที่จะมีผลิตภัณฑ์ที่ดีเพียงเท่านั้นอาจไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ เพราะสมัยนี้ใคร ๆ ก็ทำสินค้าให้ออกมาดีได้ทั้งนั้น การมีผลิตภัณฑ์ที่ดีจึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นจุดเด่นของ “ศรีจันทร์” นั่นก็คือ “เรื่องราว” เราเป็นแบรนด์ที่มีเรื่องราวมายาวนานกว่า 60 ปี ซึ่งการถ่ายทอดเรื่องราวของศรีจันทร์นั้น สามารถสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ เราสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้ามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการออกโฆษณาที่ใช้ชาวต่างชาติเข้ามาถ่ายทอดเรื่องราว แม้กระทั่งสินค้าตัวใหม่ที่ผลิตที่ญี่ปุ่น ไปจนถึงการสร้างความร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ต่าง ๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ผมเชื่อว่า มันทำให้ผู้บริโภคคอยติดตามและเอาใจช่วยเรามาโดยตลอด ซึ่งก็ถือว่าเป็นการตอบรับที่ดีมากครับ
ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ขององค์กร เพื่อต่อยอดไปสู่ระดับภูมิภาค
เนื่องจากเราเป็นบริษัทเล็กทำให้ทรัพยากรต่าง ๆ ของเราค่อนข้างมีจำกัด โดยเฉพาะในเรื่องของทรัพยากรมนุษย์ ที่แต่เดิมเรายังไม่มีระบบในการทำงานมากนัก อีกทั้งคนส่วนใหญ่ก็นิยมทำงานกันในองค์กรที่มีชื่อเสียง ผมจึงคิดว่า ทำอย่างไรให้มีคนเก่งอยากมาร่วมงานกับเรา โดยผมเริ่มเขียนหนังสือ สร้างบล็อก เปิดเพจขึ้นมา เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์ของผมขึ้นมา โดยที่เราต้องการสร้างแบรนด์ “ศรีจันทร์” ให้คนไทยภูมิใจในผลิตภัณฑ์ของไทย ซึ่งได้ผลเป็นอย่างมากครับ มีหลายคนที่มาสมัครงานที่นี่แล้วบอกว่า ได้อ่านหนังสือของผมทำให้อยากมาทำงานกับองค์กรนี้
ทำในสิ่งที่แบรนด์ใหญ่ยังไม่ทำ
แนวคิดการตลาดของเราก็คือ “อะไรที่แบรนด์ใหญ่ทำ เราจะไม่ทำ” ผมมองว่า หากทำตามที่แบรนด์ใหญ่ทำ โดยที่เรามีต้นทุนไม่เท่าเขา เราก็แข่งกับเขาไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นเราจึงต้องสู้กันด้วยคนละวิธีการ ด้วยการคิดวิธีอื่น ๆ เข้ามา นี่จึงเป็นเคล็ดลับหนึ่งของศรีจันทร์จนถึงทุกวันนี้ครับ ปีนี้เราได้เริ่มมีการเข้าไปทำตลาดใน 5 ประเทศด้วยกัน คือ ลาว เวียดนาม ฮ่องกง ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ โดยจะเริ่มทำการตลาดเต็มรูปแบบที่เวียดนามในปีนี้ครับ
ค้นหาตัวเองให้เจอและทำในสิ่งที่รัก
สิ่งที่ผมอยากฝากไว้ให้กับน้อง ๆ และผู้อ่านลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อค้นหาตัวเองให้เจอ และทำในสิ่งที่เรารัก เพราะถึงแม้ว่าเราจะเจออุปสรรคต่าง ๆ เราก็จะมีแรงสู้กับมันและผ่านพ้นไปได้ ซึ่งมันจะนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุดนั่นเอง
วางแผนการเงินเหมือนกับการดูแลสุขภาพ
สำหรับในเรื่องของการวางแผนเรื่องการเงิน ผมมองว่า ต้องดูแลให้เหมือนการดูแลสุขภาพ นั่นก็คือ ต้องดูแลให้ดีตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อสุขภาพที่ดีในวันข้างหน้า จะสังเกตเห็นว่า คนที่ออกกำลังกายตั้งแต่อายุน้อยกับคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายเมื่ออายุมากขึ้นจะมีความแข็งแรงต่างกันเป็นอย่างมาก ในเรื่องของการเงินก็เช่นกันครับ เราควรมีการวางแผนและเริ่มการออมตั้งแต่เนิ่น ๆ ถ้าเรามีโค้ชที่ดี ก็สามารถมีสุขภาพที่แข็งแรงได้ไว และยั่งยืนขึ้น อย่างเรื่องผู้ช่วยทางด้านการเงิน ผมก็ขอให้ลอง
Krungsri Biz Online ที่สามารถให้คำแนะนำในการลงทุน บริหารเงิน ซึ่งสมัยนี้การออมอย่างเดียวคงจะไม่พอ ยังจะต้องมี
การลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน โดยสามารถลงทุนให้มืออาชีพเป็นผู้ดูแล และก็อย่าลืมลงทุนกับตัวเองไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความรู้และสุขภาพ เป็นต้นครับ