บริษัททั่วไป มักต้องการลูกค้าจำนวนมาก
หากทำร้านอาหาร ก็ต้องการให้ลูกค้ามาทานเป็นกลุ่ม
หากทำบริษัททัวร์ ก็คาดหวังให้ครอบครัวใหญ่ พาอากง อาม่า อาอึ้ม พร้อมลูกหลาน มาเที่ยวด้วยกัน
หากเป็นที่พัก อพาร์ทเม้นท์ ก็ทำห้องขนาดครอบครัวสองห้องนอน เพราะเข้าใจว่า ครอบครัว ต้องประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก
แต่ปัจจุบัน มีจำนวนคนโสดเพิ่มมากขึ้น และพวกเขากำลังถูกทอดทิ้ง เพราะบริษัท “ทั่วไป” ยังคงพยายามต้อนรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่ม จำนวนมากๆ อยู่
บทความนี้ จะเล่าบริษัทญี่ปุ่นที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากตัดสินใจหันมาจับกลุ่มคนโสด .... คนตัวคนเดียว ... คนที่เที่ยวคนเดียว ทานอาหารคนเดียว หรือพักคนเดียวเช่นนี้ได้ พวกเขาทำได้อย่างไร ตามมาอ่านกันเลยค่ะ
1. ร้านอาหารเอาใจคนโสด
คนญี่ปุ่นที่เลือกทานข้าวคนเดียวมีจำนวนมากขึ้น แต่มีร้านอาหารชนิดหนึ่งที่คนโสดไปทานคนเดียวลำบากเหลือเกิน ... นั่นคือ ร้านเนื้อย่าง
ปกติ ร้านเนื้อย่างจะขายเนื้อเป็นจานใหญ่ จานหนึ่งมีเนื้อ 6-10 ชิ้น หากไปทานคนเดียว ก็สั่งได้ไม่กี่อย่าง
ที่แย่กว่านั้น คือ ขณะที่คนอื่นปิ้งเนื้อทานกันอย่างสนุกสนาน การที่เรานั่งจดจ้องไปที่เตาปิ้งเพียงคนเดียว คงทำให้เงียบเหงาใจยิ่งนัก
ร้านเนื้อย่าง Yakiniku Like เห็นนี้ จึงพัฒนาร้านเนื้อย่างสำหรับทานคนเดียวโดยเฉพาะ
ที่นั่ง เป็นเคาน์เตอร์เรียงไป แต่ละที่ จะมีเตาปิ้งเนื้อย่างที่สั่งทำเป็นพิเศษเล็กๆ หนึ่งเตา มีท่อดูดควันอยู่ด้านข้าง ทำให้กลิ่นไม่ติดเสื้อ
ทางร้านใส่ใจถึงขั้นเซาะหน้าไม้ตรงเคาน์เตอร์เป็นร่อง เพื่อให้วางถาดอาหารได้พอดี ลูกค้าจะได้ไม่วางจานชามเกะกะที่นั่งของคนข้างๆ
เมนูก็เรียบมาก มีเนื้อย่างให้เลือก 7 อย่าง สามารถเลือกปริมาณได้ว่าจะรับ 100 หรือ 200 กรัม ในเซ็ท มีข้าว ซุปวากาเมะ และกิมจิให้
เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่มาคนเดียว จึงไม่มีการนั่งแช่ ทานเสร็จแล้วก็รีบไปอัตราการหมุนของลูกค้า (Turnover Rate) ต่อวัน จึงสูงถึง 19 ครั้ง เร็วพอๆ กับร้านราเม็ง แต่ร้าน Yakiniku Like สามารถทำรายได้ได้มากกว่า 2 เท่า เพราะค่าอาหาร สูงกว่าราเม็งนั่นเอง
ทั้งๆ ที่ก่อตั้งเมื่อเดือนเมษายน ปีค.ศ. 2019 ปัจจุบัน Yakiniku Like มี 9 สาขาทั่วโตเกียวและโยโกฮาม่าแล้ว และกำลังประกาศรับแฟรนไชส์อยู่ เป็นร้านอาหารสำหรับคนโสดที่เติบโตอย่างรวดเร็วจริงๆ
2. บริษัททัวร์ที่เอาใจคนโสด
Club Tourism เป็นบริษัททัวร์ขนาดใหญ่ แต่ประสบปัญหาหนึ่ง คือ คนไม่ซื้อทัวร์ คนญี่ปุ่นเริ่มท่องเที่ยวเองมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลท่องเที่ยวสามารถหาได้ตามอินเตอร์เน็ท และตั๋วเครื่องบินก็ราคาถูกลง การเดินทางไปต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากลำบากอีกต่อไป
ในขณะที่บริษัทกำลังย่ำแย่นั้น Club Tourism ตัดสินใจออกสินค้าใหม่ ชื่อ “ฮิโตริ ทาบิ” หรือ “ทริปเที่ยวคนเดียว” มีทั้งพาเที่ยวในประเทศ และ
เที่ยวต่างประเทศ ออกมาเพื่อเอาใจคนโสด หรือคนที่อยู่ตัวคนเดียว
ปัญหาหนึ่งของการจัดกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ คือ หากลูกค้ามาเป็นกลุ่ม หลากหลายวัย ความต้องการจะต่างกัน ผู้สูงอายุอยากไปวัด วัยรุ่น ต้องการไปช้อปปิ้ง เป็นการยากที่จะจัดโปรแกรมทัวร์ให้ถูกใจลูกค้าหลากหลายวัยได้
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของ “ฮิโตริ ทาบิ” นี้
โปรแกรมทัวร์จัดตามความสนใจหรืองานอดิเรก เช่น ทริปชมนก อุทยานมรดกโลก ชวนไปปีนเขาดูดอกไม้ หรือแม้แต่พาดูดาว กลายเป็นดึงคนที่มีความสนใจเหมือนกัน เข้ามาอยู่ด้วยกัน
จุดเด่นอีกประการ คือ ห้องพัก พักเดี่ยว ที่นั่งในรถบัส ให้นั่งคนเดียว ส่วนที่นั่งข้างๆ ไว้วางของได้
ระหว่างทริป อาจพูดคุยกันกับคนอื่นบนโต๊ะอาหาร หรือตามสถานที่ท่องเที่ยว และได้เพื่อนใหม่กลับมา
เที่ยวสบาย และไม่เหงาเท่าเดินทางคนเดียว ขณะเดียวกัน ก็ยังคงความเป็นส่วนตัวได้อยู่ โดนใจคนโสดไปเต็มๆ
ผลที่เกิดขึ้น คือ ลูกค้าที่มีความสนใจคล้ายกัน มาตัวคนเดียวเหมือนกัน เริ่มพูดคุยกันมากขึ้น เมื่อ Club Tourism จัดโปรแกรมทัวร์ถัดไป คนกลุ่มนี้ก็ชวนกันไปซื้อทัวร์เพื่อเที่ยวด้วยกันต่อ กลายเป็นลูกค้าที่จงรักภักดีต่อบริษัท
3. ที่พักอาศัย เอาใจคนโสด
คนญี่ปุ่นเคยฮิตการเช่าบ้านอยู่ร่วมกัน หรือ Share House แต่ปัจจุบัน บริษัทอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่น พัฒนาไปอีกขั้นด้วยการสร้างที่พักแบบ “Social Residence” ขึ้นมา
Social Residence มักเป็นอพาร์ทเม้นท์ขนาดใหญ่ มีจำนวนห้องเกิน 50 ห้องขึ้นไป ห้องพัก มีเตียง ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ ตามปรกติ
แต่จุดเด่นของ Social Residence คือ มี Facility หลายประการที่โดนใจคนโสดและทำให้คนสังสรรค์กันได้ง่ายขึ้น เช่น
เล้าจ์หรือห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ สามารถชวนเพื่อนที่ทำงานหรือมหาวิทยาลัย มานั่งคุยได้
บางแห่งมียิม หรือสตูดิโอซ้อมเต้น ซ้อมร้องเพลงได้
มีห้องครัวขนาดใหญ่ มีเคาน์เตอร์บาร์ ทำให้คนสามารถทำอาหาร ชงเครื่องดื่ม พบปะสังสรรค์ผู้คนใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา
บางคน เข้ามาพักที่นี่แบบโสดๆ แต่อาจเปลี่ยนสถานะได้ บางคน กำลังทำธุรกิจ Start-up การเข้ามาพักใน Social Residence ก็ทำให้ได้คอนเนคชั่นใหม่ๆ เช่นเดียวกัน
บทเรียนเจาะหัวใจคนโสด
- ในมุมมองธุรกิจ การเจาะกลุ่มคนโสด หรือมองลูกค้าเป็นคนคน อาจดูเล็ก แต่จริงๆ แล้ว คนโสดมีกำลังการใช้จ่ายสูง หากรวมกัน อาจมีจำนวนมากในระดับที่ทำธุรกิจได้
- คนโสดยังมีความต้องการที่ไม่มีร้านใดตอบสนองได้ดี เช่น อยากไปทานข้าวคนเดียว เที่ยวคนเดียว หากบริษัทสามารถเข้าใจ และทำการตลาดได้ ก็จะได้ใจพวกเขาไปเต็มๆ
- คนโสด อาจไม่ได้ต้องการอยู่คนเดียวเงียบๆ เพียงอย่างเดียว พวกเขาต้องการพื้นที่ส่วนตัว ขณะเดียวกัน ก็ต้องการพื้นที่สังคมในระดับที่พอดีๆ ด้วย
- ธุรกิจทั้ง 3 ด้านข้างต้น พยายามปรับภาพลักษณ์คนโสดเหงาๆ เป็นคนโสดที่สนุกกับการทำอะไรคนเดียวได้ มีสังคมได้
- ทั้ง 3 ธุรกิจ หลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “คนโสด” เพราะดูเหมือนคนที่ขายไม่ออก อดแต่งงาน แต่เลือกใช้คำความหมายบวกหรือความหมายกลางๆ เช่น “คนเดียว” หรือกรณีที่พัก ก็ใช้คำว่า “Social Residence” แทน