ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ญี่ปุ่นก็ยังเป็นประเทศยืนหนึ่งในใจนักท่องเที่ยวไทยเสมอ เพราะแหล่งช้อปปิ้งบรรยากาศดี อาหารอร่อย เดินทางก็สะดวก แต่ละสายการบินต่างแข่งกันออกโปรโมชั่นลดราคาตั๋วอยู่บ่อย ๆ ทำให้การไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อมสำหรับมนุษย์เงินเดือน ครบองค์ประกอบขนาดนี้หลายคนถึงติดใจไปแล้วก็อยากไปอีก เพื่อตามรอยสถานที่ unseen ใหม่ ๆ ไหน ๆ จะไปเที่ยวทั้งทีก็ต้องวางแผนหาข้อมูลกันหน่อย จะได้สนุกฟินตลอดทริป มาดูกันว่ามีสถานที่ไหนน่าไปช้อปปิ้งเพลิน ๆ เดินเล่นชิล ๆ บ้าง พร้อมแล้วก็เตรียมไปปักหมุดกันเลยครับ
โตเกียว
- ชิโมะคิตะซาว่า (Shimokitazawa)
ภาพของผู้คนเดินขวักไขว่บนถนนและเต็มไปด้วยแสงสีในยามค่ำคืนของโตเกียว ที่เราเห็นได้จากภาพยนตร์หรือโฆษณานั้น ในสถานที่จริงก็ไม่ได้ต่างกันเลย หากอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศหลีกหนีความพลุกพล่านในย่านป็อป ๆ อย่างชิบุย่า หรือฮาราจุกุ ลองมาสัมผัสบรรยากาศ Sub Culture สุดฮิปของโตเกียวในย่านชิโมะคิตะซาว่า (Shimokitazawa) ที่เป็นทั้งชื่อสถานีรถไฟและชื่อเรียกย่านการค้าของโตเกียว ซึ่งถ้าเปรียบกับฝั่งตะวันตก ชิโมะคิตะซาว่าก็เหมือนกับย่าน Williamsburg ในนิวยอร์กอย่างไรอย่างนั้น เพราะที่ชิโมะคิตะซาว่าเต็มไปด้วยร้านรวงแนววินเทจ ทั้งร้านเสื้อผ้ามือสอง ของแต่งบ้าน ที่มีตั้งแต่ระดับสตรีทแบรนด์ไปจนถึงไฮเอนด์ นอกจากนี้ยังมีร้านแผ่นเสียง โรงละคร สถานที่เล่นคอนเสิร์ต คาเฟ่และบาร์เก๋ ๆ เรียกว่าเป็นแหล่งรวมความมีสไตล์ ทำให้แฟชั่นของผู้คนที่มาช้อปปิ้งที่นี่ก็พลอยโดดเด่นไปด้วย นอกจากนี้สถาปัตยกรรมของร้านค้าและตึกที่นี่ก็ดูย้อนยุคมีเอกลักษณ์ บอกเลยว่ามีมุมสวยเรียบแต่ดูแพงให้ถ่ายรูปเยอะมาก
การเดินทาง จากสถานี Shibuya ให้ขึ้นรถไฟสาย Keio Inokashira ไปยังสถานี Shimokitazawa หรือจากสถานี Shinjuku ให้ขึ้นรถไฟสาย Odakyu Odawara ขบวน express แล้วลงสถานีที่ 2
อุเอโนะ เป็นอีกหนึ่งย่านยอดฮิตของนัก
ท่องเที่ยว โดยเฉพาะหากมากันเป็นครอบครัว เพราะที่นี่มีครบทุกอย่างทั้งแหล่งช้อป ร้านอาหารอร่อย และที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอย่าง สวนสาธาราณะอุเอโนะ (Ueno Park) ที่น่าเดินเล่นมีวิวสวย ๆ ให้ถ่ายรูป ถ้าใครไปช่วงกลางถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ก็จะเป็นช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีพอดี โรแมนติกสุด ๆ นอกจากนี้ย่านอุเอโนะ ยังเป็นสวรรค์ของขาช้อป มีร้าน “Takeya” หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “ตึกม่วง” แหล่งช้อปปิ้งยักษ์ใหญ่มีทั้งหมด 7 อาคาร รวมร้านค้าปลอดภาษี โดยแบ่งประเภทสินค้าชัดเจน ครอบคลุมตั้งแต่ของกิน ของใช้ ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ที่สำคัญยังสะดวกในการจ่ายเงินสุด ๆ เพราะมีบริการชำระเงินด้วย
Krungsri QR Pay แค่สแกนผ่านแอปพลิเคชั่น KMA-Krungsri Mobile App ก็ชำระเงินได้ทันที ทำให้ขาช้อปไม่ต้องพกเงินสดติดตัวเยอะ จึงปลอดภัยสุด ๆ อีกทั้งมีอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าการแลกเงินที่ counter rate และการจ่ายด้วยบัตรเครดิต สามารถรู้ยอดเงินบาททันทีเมื่อชำระเงิน ไม่ต้องกังวลอัตราแลกเปลี่ยนข้ามวัน และตัดปัญหาเรื่องเหรียญที่ไม่สามารถแลกคืนเป็นเงินไทยไปได้เลย แถมใครไปช้อปผ่าน KMA ตั้งแต่ง 1 ก.ย. – 31 ธ.ค. 62 ยังมีโปรโมชั่นรับส่วนลดเพิ่ม 5% และเงินคืนภาษีสูงสุด 8% แถมยังได้รับเงิน 5% หรือสูงสุดไม่เกิน 300 บาทต่อเดือนด้วย คุ้มมากๆ
การเดินทาง ขึ้นรถไฟ JR สาย Yamanote Line ลงสถานี Ueno Eki ออกทางออกชิโนะบาซึ เดินต่ออีก 3 นาที ตึก Takeya จะอยู่ตรงข้ามสวนอุเอโนะ
โอซาก้า
ถ้าโตเกียวมีย่านสุดแนวอย่าง “ชิโมะคิตะซาว่า” ที่โอซาก้าก็ต้องยกให้ Ornage Street หรือ Horie Tachibana ถนนใจกลางย่านโฮริเอะ ที่ได้รับสมญานามว่าเป็นถนนสายครีเอทีฟใจกลางโอซาก้าที่เปรี้ยว เท่ สมชื่อ เป็นแหล่งรวมร้านค้า Selected Shop รวมของตกแต่งไอเดียเท่ ๆ ที่คัดมาแล้ว มีร้านเสื้อผ้าที่ออกแบบเอง ร้านตัดสูท ของแต่งบ้าน ร้านขายจักรยาน ฯลฯ เมื่อเดินอยู่ในถนนเส้นนี้ จะรู้สึกถึงความอบอุ่นและชีวิตแบบ Slow Life มองไปทางไหนก็เห็นตึกรามบ้านช่องที่ยังคงความเป็น Old School การตกแต่งร้านก็มีสไตล์ของตัวเองจนเผลอห้ามแวะไม่ได้เลย แถมยังมีคาเฟ่น่ารัก ๆ เต็มไปหมดตั้งแต่ต้นทางไปจนสุดถนน
การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Yotsubashi Line ลงสถานี Yotsubashi Station แล้วเดินต่ออีก 3 นาที
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่แล้ว มาเยือนถึงถิ่นทั้งทีต้องไม่พลาดมาช้อปที่ Yodobashi Camera ห้างยักษ์ใหญ่ 5 ชั้น แค่เดินเข้ามาในห้างก็จะได้ยินเสียงตามสายต้อนรับภาษาไทย จนนึกว่าเดินเล่นอยู่ในเมืองไทยซะอีก ที่นี่เป็นสวรรค์ของคนรักกล้องถ่ายรูปที่มีให้เลือกทุกประเภท รวมทั้งของใช้ในชีวิตประจำวันอย่างโทรศัพท์มือถือ นาฬิกา เครื่องเสียง คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีหลายแบรนด์ให้ช้อปตั้งแต่ถูกยันแพง ส่วนใครที่คิดว่าที่นี่จะมีแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือ Gadget เท่านั้น ขอบอกว่าผิดถนัดเลย ห้างนี้ยังมีเครื่องสำอาง ของเล่นน่ารักให้สะสมด้วย ถ้าหิวก็แวะทานของอร่อยได้ เพราะมีร้านอาหารให้เลือกกว่า 20 ร้านเลยทีเดียว เดินเล่นเพลิน ๆ ได้ทั้งวันแน่นอน
การเดินทาง ขึ้นรถไฟ JR สาย Hankyu Line, Hanshin Line หรือ Subway Midosuji Line แล้วลงที่สถานี Osaka Station หรือสถานี Umeda Station แล้วเดินต่อ 5 นาที
เกียวโต
- ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market)
สายกินต้องไม่พลาดไปเยือนตลาดนิชิกิ ตลาดดังและเก่าแก่ในเมืองเกียวโต มีอายุหลายร้อยปีตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 จนได้รับฉายาว่าครัวแห่งเกียวโต เพราะขึ้นชื่อความอร่อย สด ใหม่ ของอาหารคาวและหวาน มีอาหารตามเทศกาล ขนมโบราณที่หาทานยากให้เลือกชิมฟรี ถ้าถูกใจค่อยซื้อทีหลังก็ได้ นี่แค่บรรยายก็ยังหิวตามเลยครับ การได้มาเที่ยวที่ตลาดแห่งนี้ ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมคนญี่ปุ่นจากอาหารอีกด้วย นอกจากนี้อุปกรณ์ทำอาหารก็มีให้เลือกซื้อ ที่นี่มีร้านอาหารอัดแน่นกว่า 100 ร้านค้า แม้จะเป็นตลาด แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเฉอะแฉะ เพราะพื้นที่ตลาดเป็นทางยาวประมาณ 400 เมตร มีร้านค้าขนาบอยู่ทั้งสองข้างทางเดิน มีหลังคาบังแดดและที่กันฝน เดินเลือกซื้ออาหารได้สบาย ๆ เลย
การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสายคาราซูมะ (Karasuma Subway Line) ลงสถานีรถไฟชิโจ (Shijo Station) จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาที ถึงตลาดนิชิกิ หรือขึ้นรถไฟใต้ดินสายแฮนเคียว (Hankyu Line) ลงสถานีคาราซูมะ (Karasuma Station) หรือสถานีคาวารามาชิ (Kawaramachi Stations) แล้วเดินต่ออีก 5 นาที
สัมผัสบรรยากาศดั้งเดิมของเมืองเกียวโตได้ที่ย่านกิอง ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างวัดวาอาราม หรือร้านดื่มชาและร้านอาหาร โดยเฉพาะที่ถนนฮานามิโคจิ ซึ่งเต็มไปด้วยร้านกาแฟ ร้านขายขนมโบราณ รวมถึงร้านเสื้อผ้ามีสไตล์ชิค ๆ ให้ช้อปด้วย ในส่วนของสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านช่องที่นี่ก็จะคงสไตล์ดั้งเดิมเอาไว้ ยิ่งถ้าใครไปเที่ยวระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ซึ่งตรงกับฤดูใบไม้ร่วงพอดี ลองแวะชมใบไม้เปลี่ยนสีที่วัดโคไดจิ หรือใครที่อยากเนียน ๆ ไปกับบรรยากาศนี้ ก็ลองเช่าชุดยูกาตะมาเดินถ่ายรูปเล่นดูก็ได้ครับ จะได้ฟีลญี่ปุ่นมาก เดินเล่นอยู่ดี ๆ คุณอาจจะได้เจอกับเกอิชาและไมโกะ (เกอิชาฝึกหัด) ตัวจริงก็ได้ ส่วนตอนกลางคืน ย่านนี้จะเต็มไปด้วยบรรยากาศแสงสีที่ครื้นเครง มีบาร์ที่มีการแสดงโชว์จากเกอิชา และโชว์ศิลปะโบราณของญี่ปุ่นให้เลือกชมด้วย
การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Keihan Line ลงสถานี Gion Shijo Station เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที หรือขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Hankyu Line ลงสถานี Kawaramachi Station เดินต่ออีกประมาณ 10-15 นาที
- ถนนชิโจ โดริ (Shijo Dori Street)
เมืองเก่าอย่างเกียวโตไม่ได้มีดีแค่ธรรมชาติที่สวยงามและสถานที่โบราณเท่านั้น ยังมีแหล่งช้อปละลายทรัพย์ยั่วใจนักท่องเที่ยวเช่นกัน ที่ถนนชิโจ โดริ เป็นถนนเส้นยาวที่รวมร้านค้าและห้างสรรพสินค้ามากมายอยู่ตลอดข้างทาง เช่น ห้าง Daimaru, Takashimaya และ Fuji Daimaru มีสินค้าหลายประเภท โดยเฉพาะของท้องถิ่นจากโตเกียว ครบครันทั้งของใช้และของกิน รวมไปถึงชุดกิโมโนด้วย ใครที่ชอบเดินเที่ยวชิม Street Food เพลินตาไปกับบรรยากาศเมืองเก่า คึกคักไปด้วยผู้คน ต้องลองแวะมาที่นี่เลย
การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Karasuma ลงสถานี Shijo Station
Kyoto Bal เป็นห้างสรรพสินค้าเก่าแก่กว่า 40 ปี คอนเซปต์ของที่นี่แตกต่างจากห้างทั่วไป เพราะคงเอกลักษณ์ความคลาสสิกของเมืองเก่าอย่างเกียวโตเอาไว้ แต่ละร้านขายของไม่ซ้ำกันเลย ที่ชั้นใต้ดินมีร้านหนังสือใหญ่เก่าแก่อย่าง Maruden ส่วนบริเวณชั้น 5F เป็นที่ตั้งของร้าน MUJI แบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี แต่ถ้ามาที่นี่คุณจะเจอสินค้าละลานตาที่ไม่มีขายในไทยและสาขาอื่น จนยากที่จะห้ามใจช้อปไหว มีโซน MUJI Labo รวมเสื้อผ้า ของเย็บปักถักร้อยที่ผลิตในญี่ปุ่น มีโซนร้านอาหารแบรนด์มูจิ ที่มีเมนูดีต่อสุขภาพและเมนูท้องถิ่นจากเกียวโตพร้อมเสริฟให้คุณ เมนูที่อยากแนะนำคือ คุซุโมจินมผสมชาเขียว ขนมญี่ปุ่นราดนมและโรยผงชาเขียว ซึ่งหาทานได้เฉพาะที่นี่ที่เดียว ถ้ามาเที่ยว Kyoto Bal ลองสั่งมาชิมดูนะครับ
การเดินทาง จากสถานีรถไฟ Hankyu Kawaramachi Station แล้วเดินต่อ 7 นาที หรือเดิน 8 นาที จากสถานีรถไฟ Keihan Sanjo
นี่เป็นแค่ตัวอย่างสถานที่น่าช้อปในญี่ปุ่น เห็นมั้ยครับว่าญี่ปุ่นก็ยังเป็นประเทศที่เที่ยวสนุก น่าค้นหาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสของวิถีชุมชนสงบ ๆ แบบวิถีเซน หรือ แบบธรรมชาติน่าอัศจรรย์ ของญี่ปุ่นก็มีเหมือนกัน แต่หวังว่าครั้งนี้ทุกคนน่าจะได้ไอเดียเที่ยวทริปต่อไปนะครับ Have a nice Trip ครับ!!