ในแต่ละปีตลาดร้านอาหารทั้งเล็ก-ใหญ่ มีมูลค่าเกือบ 4 แสนล้านบาท
และเติบโตขึ้นทุกปีๆ ในสัดส่วนร้อยละ 4.0-6.8
ด้วยปัจจัยเหล่านี้เองจึงทำให้ธุรกิจอาหารได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่าบริษัทใหญ่ๆ อย่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ก็เข้ามาทำธุรกิจร้านอาหาร รวมทั้งค่ายเบียร์สิงห์ก็เช่นกัน โดยเปิดร้านอาหาร “พาคาต้า” (Pacata) ที่มีสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ และบริษัทเซ็นทรัลเรสตอรองส์กรุ๊ป จำกัด หรือซีอาร์จี ก็มีนโยบายขยายสาขาร้านอาหารในทุกประเภทที่มีโอกาสเติบโตได้ดี เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่น โดยบริษัทดังกล่าวมีอาหารญี่ปุ่นในเครือถึง 7 แบรนด์ด้วยกัน
ขณะที่ผู้คนในวงการบันเทิง ดารานักแสดงนักร้องหลายรายมักตัดสินใจเปิดร้านอาหาร ซึ่งการลงทุนในการทำธุรกิจนี้หากเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ใช้เงินไม่มากนัก และมีโอกาสคืนทุนในเวลาไม่นาน
อย่างไรก็ตามธุรกิจร้านอาหารมีหลากหลายรูปแบบ อาทิ ร้านอาหารต่างชาติ ซึ่งยามนี้บ้านเรานิยมทานอาหารญี่ปุ่นและเกาหลี มีทั้งพวกที่เป็นแฟรนไชส์และไม่ใช่ หรือพวกร้านอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดที่มักอยู่ตามห้างสรรพสินค้า รวมถึงร้านอาหารที่ชูเมนูส้มตำ ไก่ย่าง เป็นหัวหอก โดยยังคงครองใจคนในเมืองและต่างจังหวัดตลอดมา นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารฟิวชั่น และร้านอาหารเพื่อสุขภาพที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเน้นพืชผักผลไม้ออแกนิกอันถือเป็นจุดขายที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้การลงทุนเปิดร้านอาหารหลากหลายประเภทดังกล่าว มักนิยมเปิดกันตามหัวเมืองใหญ่ๆ เมืองท่องเที่ยวต่างๆ และเมืองชายแดน ซึ่งผู้คนมีอำนาจการซื้อค่อนข้างสูง มีกำลังจับจ่ายใช้สอยและยิ่งจะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปลายปีนี้ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจร้านอาหารคึกคักตามไปด้วย
ยกตัวอย่าง คุณยษพัชร์ เกียรตินภาวีณ์ และ คุณณฐมน สกุลดำรงโภคิน สามีภรรยาเจ้าของกิจการร้านซากุระ ราเมน ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีของชาวสงขลา ทั้งสองเคยเป็นมนุษย์เงินเดือนในกรุงเทพฯ มาก่อน แต่เมื่อตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านเกิดที่สงขลา เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว จึงเริ่มด้วยทำซูชิขายตามตลาดนัดเปิดท้าย ขายชิ้นละ 5 บาทต่อมาเปิดร้านขายเป็นกิจจะลักษณะ รวมทั้งขายที่ถนนคนเดินในตัวเมืองสงขลาช่วงวันศุกร์-วันเสาร์ ปรากฎว่ากิจการไปได้ดีมาก โดยที่เจ้าของร้านเองก็ไม่คิดว่าร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไม่ใช่แบรนด์ดังจะมีลูกค้ามาอุดหนุนกันอย่างต่อเนื่อง
ความที่อาหารเป็นธุรกิจมาแรงอยู่ในอันดับต้นๆ ในช่วงสิบปีมานี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่มีการแข่งขันกันสูง ดังที่ คุณสวาสดิ์ มิตรอารี นายกสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ ให้ข้อมูลว่า แฟรนไชส์อันหนึ่งที่มาแรง เป็นเรื่องของอาหาร ซึ่งเป็นเทรนด์หลักที่ยังคงเหมือนเดิมและน่าลงทุน แต่อาจจะมีคู่แข่งเยอะหน่อย
สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืนและมีลูกค้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง คือทำเลที่ดี ราคาไม่สูงนัก และรสชาติของอาหารรวมทั้งการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งในการโปรโมทประชาสัมพันธ์ร้านอาหารในยุคนี้สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ที่ได้รับความนิยมมากและไม่ต้องใช้ต้นทุนสูงนัก คือ การโฆษณาในออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ค อินสตราแกรมและไลน์
หากมีงบโฆษณามากหน่อยผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีทุนหนาก็ยังคงใช้ฟรีทีวีหรือโฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารบางฉบับ ไม่รวมกรณีที่เชิญนักข่าวหรือพิธีกรรายการต่างๆไปชิมอาหารที่ร้าน
ในภาวะการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงเช่นนี้เอง หากจะให้ธุรกิจร้านอาหารเจริญรุ่งเรือง นอกจากจะต้องมีองค์ประกอบดังที่ได้แจกแจงไปแล้ว ปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือ ร้านอาหารจะต้องปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคดิจิตอลที่ใช้สมาร์ทโฟนอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างเช่น จะต้องมีบริการเดลิเวอรี่ หรือจัดโปรโมรชั่นในช่วงเทศกาลต่างๆ อาทิ วันแม่ วันพ่อ วันครอบครัว วันเด็ก วันสงกรานต์ หรือเพิ่มเมนูใหม่ๆ ให้ลูกค้าอยากมาลิ้มชิมรส และควรจะมีกิจกรรมซีเอสอาร์เพื่อคืนกำไรให้กับลูกค้าด้วย
ส่วนกรณีที่เป็นร้านอาหารต่างชาติทั้งที่เป็นแฟรนไชส์และไม่เป็นจะต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนไทย ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่าชอบรับประทานอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน
นอกจากนี้ร้านอาหารบางร้านยังสร้างความแตกต่างที่โดดเด่นด้วยการอนุญาตให้นำน้องหมาเข้ามาในร้านได้ด้วย เพราะรู้ดีว่าผู้คนยุคนี้เลี้ยงและรักเจ้าสี่ขาเปรียบเสมือนคนๆ หนึ่งในครอบครัว ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากมีร้านอาหารน้อยนักที่จะให้นำเจ้าตูบไปนั่งอยู่ใกล้ๆ
สรุปแล้วแม้ร้านอาหารจะมีคู่แข่งเยอะ แต่ถือเป็นธุรกิจที่ดีมีอนาคต และคืนกำไรได้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีนับเป็นอีกธุรกิจที่น่าลงทุนยิ่งนัก