ในการทำธุรกิจนั้นผลกำไรสูงสุด คือ ปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกถึงความสำเร็จ แต่รูปแบบของการแข่งขันในโลกยุคปัจจุบันยอดขายจำนวนมากไม่ใช่คำตอบเพียงอย่างเดียวที่จะไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกที่จะทำให้ธุรกิจยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงยั่งยืน หนึ่งในนั้น คือ “การลดต้นทุน”
ทั้งนี้การลดต้นทุนมีหลากหลายวิธีการ ซึ่งบริษัทเล็กหรือบริษัทใหญ่ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น และควรทำคู่ขนานกันไปแบบครบวงจร เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันคุณภาพของสินค้าและบริการต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ
สำหรับวิธีการลดต้นทุนต้องทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มที่การจัดซื้อวัตถุดิบ ควรจะต่อรองกับคู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ให้ได้ในราคาที่ต่ำกว่าปกติ แต่อาจจะจ่ายเงินเร็วกว่ากำหนด 2-3 วัน และไม่ควรสต็อกสินค้าไว้มากเกินไป เพราะจะทำให้เงินไปจม เหตุผลอีกอย่าง คือ ปัจจุบันระบบโลจิสติกส์สะดวกสบายขึ้น
ในแง่การผลิตนั้น ควรหมั่นดูแลตรวจสอบเครื่องจักรเครื่องยนต์ที่ใช้อยู่ เน้นการบำรุงรักษาอย่างดี ต้องซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะเวลาที่กำหนด และต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบกรณีเครื่องจักรเกิดชำรุดหรือเสียหาย รวมถึงการประหยัดพลังงานที่ต้องใช้ในการผลิต ซึ่งบางช่วงบางเวลาทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯจะคิดในราคาที่ถูกกว่าปกติ และหากเป็นไปได้ควรดูว่าขั้นตอนการผลิตใดบ้างที่สามารถใช้พลังงานทดแทน อย่างเช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ เป็นต้น
นอกจากนี้แล้วควรสำรวจคิดค้นว่าวัสดุต่าง ๆ ที่เหลือจากการผลิตสามารถนำมาแปรรูป หรือไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้หรือไม่ หรือคิดค้นทำเป็นสินค้าใหม่ ๆ อย่างเช่น โรงงานตัดเย็บที่มีเศษผ้าที่เหลืออาจนำมาทำกระเป๋าใบเล็ก พวงกุญแจ หรือเย็บเป็นพรมเช็ดเท้า ฯลฯ
วิธีการลดต้นทุนอีกอย่าง คือ หันมาจ้าง outsource หรือบรรดาฟรีแลนซ์ทั้งหลาย เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนที่จะต้องจ่ายเป็นค่าสวัสดิการต่าง ๆ ข้อดี คือ สามารถวัดผลงานได้อย่างชัดเจน อาจเป็นลักษณะเหมาจ่ายหรือจ้างเป็นช่วงเวลา ซึ่งปัจจุบันบริษัทน้อยใหญ่จำนวนมากใช้วิธีการนี้ หรืออาจร่วมมือกับสถาบันการศึกษานำนักศึกษาที่เรียนในสาขาที่ต้องการมาฝึกงาน โดยอาจจะจ่ายค่าตอบแทนในลักษณะเป็นค่ารถให้ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักไม่นิยมจ่ายกันเพราะถือว่าเป็นสถานที่ฝึกงานที่ช่วยให้นักเรียนนักศึกษาได้รับประสบการณ์ตรง
การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็เป็นวิธีการลดต้นทุนเช่นกัน โดยเฉพาะการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนทั้งกับลูกค้าและคนในบริษัทกันเอง ไม่ว่าจะเป็นการส่งอีเมลแทนการส่งจดหมายหรือแฟกซ์ การใช้ไลน์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ Skype หรือ Webex รวมทั้งการลดจำนวนสิ่งที่จะต้องพิมพ์เป็นเอกสาร โดยใช้การเก็บในฮาร์ดดิสก์แทน ซึ่งล้วนทำให้บริษัทลดค่าใช้จ่ายในเรื่องพวกนี้ได้ อีกทั้งยังเป็นการประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง
(อ่าน "โซเชียลมีเดีย" นำพาธุรกิจรุ่ง)
บริษัทหรือหน่วยงานบางแห่งก้าวหน้าถึงขั้นให้พนักงานทำงานที่บ้าน หรือเพิ่มเวลาทำงานในวันธรรมดาให้มากขึ้นเพื่อจะได้หยุดทำงานในวันเสาร์ที่มักทำกันครึ่งวัน อันเป็นการประหยัดค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าสามารถลงมือทำได้ไม่ยากเย็น ฉะนั้นควรเริ่มลงมือทำเลย แล้วจะรู้ว่าเงินในมือเพิ่มขึ้นได้ง่ายนิดเดียว