สังคมไทยปลูกฝังให้หารายได้แบบ “เหงื่อแลกเงิน” (Active Income) ทุกบาททุกสตางค์มาจากการทุ่มเททำงานหนักด้วยตนเอง รายได้แบบนี้หยุดทำงานไปก็อดได้เงินครับ หากคุณอยากมีอิสรภาพทางการเงินต้องเร่งตามล่าหารายได้อีกแบบคือ “ทรัพย์สินสร้างเงิน” (Passive Income) ซึ่งเป็นแนวคิดอิสรภาพทางการเงิน ที่สร้างรายได้อีกรูปแบบหนึ่ง เป็นการนำเงินออมไปลงทุนในทรัพย์สินที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีเป็นประจำทุกเดือน แต่น่าเสียดายที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยคุ้นเคยและกลัวขาดทุนจึงยอมเอาเงินออมไปแช่ไว้ในบัญชีเงินฝากธนาคาร ผมขอแนะนำให้ทุกคนแบ่งเงินออมบางส่วนมาลงทุนในรูปแบบ Passive Income เป็นการนำแนวคิดอิสรภาพทางการเงินมาใช้ เปรียบเสมือนมีเครื่องจักรปั๊มเงินให้อย่างต่อเนื่อง รายได้แบบนี้หยุดทำงานก็ยังได้เงินครับ
"สังคมไทยปลูกฝังให้หารายได้แบบ “เหงื่อแลกเงิน” (Active Income) ทุกบาททุกสตางค์มาจากการทุ่มเททำงานหนักด้วยตนเอง รายได้แบบนี้หยุดทำงานไปก็อดได้เงิน"
ช่องทางตามล่าหา Passive Income เป็นแนวคิดอิสรภาพทางการเงินที่มีวิธีการมากมาย โดยปัจจุบันมีทรัพย์สินหลายประเภทให้เลือก เช่น หุ้นปันผล กองทุนหุ้น บ้านให้เช่า ที่จอดรถให้เช่า ธุรกิจขายตรง ลิขสิทธิ์บทเพลง ลิขสิทธิ์ภาพวาด ลิขสิทธิ์งานเขียน เป็นต้น (ไม่นับรวมบ้านและรถที่ใช้เองเพราะไม่สามารถสร้างรายได้ให้โดยตรง)
หากพูดให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น Passive Income เป็นแนวคิดอิสรภาพทางการเงิน ที่นำเอาทั้งทรัพย์สินที่จับต้องได้และทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ มาสร้างรายได้ คุณจงเลือกลงทุนในทรัพย์สินที่คุณชำนาญรู้ลึกรู้จริง และทรัพย์สินนั้นไม่ควรใช้เวลาดูแลมาก เพราะเราสามารถมีทรัพย์สินสร้างเงินหลายอย่างพร้อมกันช่วยให้บรรลุเป้าหมายอิสรภาพทางการเงินได้เร็วขึ้นนั่นเอง ผมไม่แนะนำให้ลงทุนเพียงแค่เหตุผลว่าคนอื่นเค้าบอกว่าดี เพราะการลงทุนแบบตนเองไม่มีความรู้โอกาสสูญเงินสูงนะครับ
บางคนอาจจะคิดว่าเรื่อง “Passive Income” และ “แนวคิดอิสรภาพทางการเงิน” (Financial Freedom) เป็นเรื่องไกลตัวของใครหลายคน ยิ่งเป็นมนุษย์เงินเดือนด้วยแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ในแต่ละปีเงินเดือนขึ้นอย่างจำกัดไม่ทันกับค่าใช้จ่ายที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและฟุ่มเฟือย หลายคนตกอยู่ในสภาวะหนี้สินสูงเกินความจำเป็นจนเงินออมแทบไม่มี ดังนั้นสมองจึงสั่งการให้อย่าไปคิดถึง Passive Income และแนวคิดอิสรภาพทางการเงินเลย ยอมก้มหน้าก้มตาทำงานประจำจนเกษียณหรือบางคนก็ต้องทำงานจนวาระสุดท้ายของชีวิต ผมแนะนำให้การเป็นหนี้ควรจำกัดอยู่กับการใช้จ่ายที่จำเป็นและการลงทุนในทรัพย์สินสร้างเงินเท่านั้น ไม่ควรเป็นหนี้กับการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนะครับ
หากคุณต้องการมี Passive Income ตามแนวคิดอิสรภาพทางการเงิน ควรปฏิบัติตามหลักการ 4 ข้อ ดังนี้
- “ลดรายจ่าย” ลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย พยายามคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับเดิมแม้รายได้เพิ่มขึ้น
- “เพิ่มรายได้” หาทางเพิ่มรายได้จากงานประจำและ Passive Income ต่าง ๆ พร้อมวางแผนภาษี ตามแนวคิดอิสรภาพทางการเงิน
- “ฉลาดลงทุน” จัดพอร์ตการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนดีพร้อมกระจายความเสี่ยง
- “อดทนรวย” มีวินัยทางการเงินและมุ่งมั่นพิชิตเป้าหมายอิสรภาพทางการเงิน
ตารางตัวอย่างทรัพย์สินสุทธิ (Net Wealth) ตามอายุ
ตารางด้านบนแสดงตัวอย่างแบบง่ายเพื่อให้เข้าใจว่า Passive Income ช่วยพิชิตเป้าหมายตามแนวคิดอิสรภาพทางการเงินได้อย่างไร
สมมุติคุณเป็นคนที่มีอายุยืนถึง 80 ปีและทำงานได้ถึงอายุ 60 ปี วางแผนมีเงินออมจากการทำงาน 9.6 ล้านบาท แต่คำนวณแล้วต้องมีทรัพย์สินหลังเกษียณสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าเดินทางท่องเที่ยว ค่ารักษาพยาบาล และเป็นมรดกลูกหลาน มูลค่า 15 ล้านบาท มาดูกันครับว่าการลงทุนทรัพย์สินสร้างเงินช่วยได้อย่างไร
ทางเลือกแรกฝากธนาคารอย่างเดียว นำเงินออมจากการทำงาน 9.6 ล้านบาทไปฝากธนาคารสมมุติได้ดอกเบี้ยหลังจากหักภาษี 2% ตลอด 40 ปี รวมดอกเบี้ยรับ 2.8 ล้าน ทำให้ทรัพย์สินสุทธิเพิ่มเป็น12.4 ล้านบาท ไม่ถึงเป้าหมายอยู่ดี
ทางเลือกสองฝากธนาคารและลงทุน แบ่งเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนในหุ้นและคอนโดปล่อยเช่าให้ทรัพย์สินช่วยสร้างเงินด้วย เป็นการสร้าง Passive Income ที่ช่วยให้เราไปให้ถึงเป้าหมายตามแนวคิดอิสรภาพทางการเงินก่อนวัยเกษียณ เพราะตอนอายุครบ 52 ปีมีทรัพย์สินสุทธิ (Net Wealth) ถึง 15.2 ล้านบาทเพียงพอใช้จ่ายไปตลอดชีวิต และหากคุณเลือกที่จะหยุดทำงานประจำตอนอายุ 55 ปี คุณจะมีทรัพย์สินสุทธิ 19.1 ล้านบาทและยังมีรายได้ไปเรื่อย ๆ ทุกปีจากเงินลงทุนปีละ 937,000 บาทไปจนบั้นปลายชีวิตครับ (การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาให้ดีก่อนลงทุนนะครับ)
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่เปิดโอกาสให้แชร์แนวคิดอิสรภาพทางการเงินและขอย้ำเพื่อนๆ ว่าให้ลองหา Passive Income เพื่อพิชิตเป้าหมายตามแนวคิดอิสรภาพทางการเงินก่อนเกษียณ และต้องลงมือสะสมทรัพย์สินสร้างเงินด้วยหนึ่งสมองกับสองมือของคุณเองอย่ามัวแต่คิดแล้วไม่ทำครับ