Johann Wolfgang von Goethe นักปรัชญาและนักสิทธิมนุษยชนชาวเยอรมัน เคยกล่าวเอาไว้ว่า “What is not started today is never finished tomorrow.” เป็นการย้ำเตือนว่า หากอยากประสบความสำเร็จ ถ้าไม่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ มันก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้ เพราะความสำเร็จจะต้องเริ่มต้นทำ เริ่มสร้างสรรค์ขึ้น อาจใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี ที่ต้องไต่ขึ้นบันไดสู่ประชัยแห่งความสำเร็จ แต่...คนที่จะไต่ขึ้นบันไดแห่งความสำเร็จนี้ได้ มีน้อยคนนัก เพราะส่วนใหญ่มักล้มเลิกเสียกลางทาง เพราะอุปสรรค 7 ข้อเจ็บ ๆ เหล่านี้
1. ความขี้เกียจ
หลายคนใช้คำว่า “ชิวชิว” บิดเบือนเป้าหมาย แท้จริงแล้วมันคือความขี้เกียจเสียมากกว่า และเจ้าสิ่งนี้นี่แหละ ที่ทำให้คนฉลาดมีความสามารถพังมานักต่อนัก เช่น นักเรียนหัวดีได้ทุนเรียนฟรี แต่ด้วยความขี้เกียจ ไม่เข้าเรียน ไม่ส่งงาน แม้จะฉลาดแค่ไหน ก็ไม่สามารถบรรลุเกรด A ได้ การจะไปสู่ความสำเร็จได้นั้น “ความขยัน” เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ แม้เราจะไม่ได้เก่งกาจมาจากไหน แต่ถ้าเราขยันฝึกฝน เราจะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ
2. เสียงในหัวที่เอาแต่บอกว่าทำไม่ได้
นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า หากอยากทำอะไรให้สำเร็จ ก็ควรบอกตัวเองว่า “เราทำได้” ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ แต่การมองโลกในแง่ร้าย เจออะไรนิดนี่หน่อยกลับยอมแพ้แล้ว ยอมให้เสียงในหัวกล่อมว่าทำไม่ได้อยู่ตลอดเวลา จิตใจก็หดหู่ สุดท้ายก็ทำไม่ได้ขึ้นมาจริง ๆ อย่าปล่อยให้เสียงด้านลบของคุณมาเป่าหูแบบนั้นเด็ดขาด
3. เบื่อง่าย
อุปสรรคที่น่ากลัวถัดมา นับเป็นผลพวงจากความคิดด้านลบที่คอยกระซิบข้างหูว่า “ทำไม่ได้” และเมื่อผิดพลาดขึ้นมาจริง ๆ ก็เกิดเบื่อกับการสู้และแก้ปัญหา (เกิดขึ้นบ่อยและไม่ซ้ำ) ความเบื่อหน่ายจะก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จากความชอบก็จะกลายเป็นเบื่อ แล้วเลิกสู้กันไปเลย วิธีละลายความเบื่อ ให้ลองหาไอเดียแปลกใหม่ หรือหยุดพักบ้าง เมื่อใจเย็นลง หัวโล่งแล้วค่อยกลับมาลุยต่อ
4. ความท้อแท้
การท้อแท้และยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบาก เป็นอุปสรรควัดใจขั้นที่ 4 ที่มักจะเข้ามาเมื่อเจอปัญหาน้อยใหญ่ ยิ่งความถี่และความหนักของปัญหามีมากเท่าไหร่ ก็จะไปเพิ่มปริมาณความท้อแท้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเราควรมั่นใจในประสิทธิภาพของตนเอง และคิดถึงเป้าหมายเข้าไว้ มองว่าปัญหามันเข้ามาเพื่อฝึก skill ให้เรา Level up ได้เร็วขึ้น
5. อีโก้สูง
เมื่อมีอีโก้สูง ก็มักจะมองไม่เห็นจุดบกพร่องของตนเอง มีคนบอกเตือนก็ไม่ชอบฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เมื่อผิดพลาดก็ล้มลงอย่างง่ายดาย ไม่สามารถเติมเต็มจุดบอดนั้นได้ แบบนี้จะไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไร การสลายอีโก้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ค่อย ๆ ทำได้ด้วยวิธีลดความเป็นตัวของตัวเองลง ฟังความคิดเห็นคนอื่น แล้วนำเอามาปรับแต่งแก้ปัญหาได้
6. เวลาไม่พอ
ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากันทุกวัน การอ้างว่าไม่มีเวลา ไม่พร้อมจะก้าวออกไป ก็เท่ากับไม่ยอมเดินหมากต่อ หากเหนื่อยก็พักได้ แต่ถ้าอ้างว่าเวลาไม่พอนั้น ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากข้อก่อน ๆ อย่างเช่น ขี้เกียจ เบื่อ หรือเริ่มท้อแท้ เมื่อเจออุปสรรคเหล่านี้ดักไว้ ร่วมกับการจัดการเวลาที่ไม่ดีพอ ก็ล้มเลิกไปกลางคัน สิ่งที่ทำได้เร็วและง่ายที่สุด คือ จดลงในสมุดโน้ต เรียงลำดับของสิ่งที่ต้องทำ ระยะเวลาและปัญหาต่าง ๆ แล้วจัดเรียงความสำคัญ ก็จะทำให้จัดการเวลาได้ดีขึ้น ถ้าทำไม่ไหวก็ควรมองหาผู้ช่วยได้แล้ว
7. กลัวการเปลี่ยนแปลง
การเดินขึ้นบันไดฝ่าอุปสรรคไปได้แต่ละขั้นนั้น ย่อมนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง อาจจะเป็นพัฒนาการของตนเอง หรือปัญหาและอุปสรรคที่ท้าทายขึ้น ซึ่งสองสิ่งนี้ทำให้คนที่ใจไม่แข็งพอ หยุดก้าวเดินสู่จุดหมายได้ง่าย ๆ สิ่งที่ควรทำ คือ ปรับมุมมองความคิดในเชิงบวกมากขึ้น มองเหมือนการเล่นเกม เมื่อเราเก่งขึ้น ศัตรูก็เก่งมากขึ้นไปด้วย
จะเห็นได้ว่า กว่าจะฝ่าฟันแต่ละขั้นบันไดสู่ประตูชัยได้ ก็ต้องพบเจออุปสรรคตลอดทาง หากมีแรงกาย แรงสมอง และแรงใจเต็มเปี่ยม เมื่อมีวิธีเติมเต็มกำลังใจให้พร้อมลุย พร้อมล้ม และพร้อมลุกแล้วล่ะก็ ความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินไป