ที่ผ่านมา เราได้รับรู้ข่าวแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่ประเทศเนปาลกันแล้ว รู้สึกว่าชีวิตของคนเรานี้ไม่แน่นอนเลยใช่ไหมครับ และยิ่งสมัยนี้คนเราป่วยเป็นโรคต่างๆ กันง่ายขึ้นมาก ทั้งจากอาหารการกิน และมลพิษรอบตัวที่นับวันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงอยากแนะนำวิธีการดูแลและป้องกันชีวิตอย่างไรเพื่อให้มีผลกระทบต่อความมั่นคงของครอบครัวที่เรารักให้น้อยที่สุด ซึ่งการประกันชีวิตเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์กับชีวิตคนเรา ที่นับวันยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นทั้งจากอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง และโรคภัยไข้เจ็บมากมาย การประกันชีวิตนับเป็นการลงทุนประเภทหนึ่งด้วยนะครับ ถือเป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงของครอบครัวที่ดีมากๆ ถ้าเราเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุก็มั่นใจว่าเรามีค่ารักษา ไม่ต้องเดือดร้อนครอบครัว หรือเสียชีวิตไปลูกหลานเราก็มีเงินประกันที่ทำไว้ไม่ให้ลูกหลานต้องลำบาก และแถมระหว่างเราทำประกันก็ยังมีดอกเบี้ยให้เราด้วยดียิ่งกว่าฝากธนาคารอีกนะครับ เมื่อพิจารณาแล้วการประกันชีวิตถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากประเภทหนึ่งเลยครับ
ก่อนอื่นผมอยากอธิบายความหมายของการประกันชีวิตให้เพื่อนๆ เข้าใจก่อนครับ โดยขออ้างอิงความหมายจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยการประกันชีวิต “เป็นวิธีการที่บุคคลกลุ่มหนึ่งร่วมกันเฉลี่ยภัยอันเนื่องจากการตาย การสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ และการสูญเสียรายได้ในยามชรา โดยที่เมื่อบุคคลใดต้องประสบกับภัยเหล่านั้น ก็ได้รับเงินเฉลี่ยช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว โดยบริษัทประกันชีวิตจะทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการนำเงินก้อนดังกล่าวไปจ่ายให้แก่ผู้ได้รับภัย”
การประกันชีวิต คือ การสร้างหลักประกันให้แก่ตัวเราเองและครอบครัวที่เรารัก
เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่า การประกันชีวิต คือ การสร้างหลักประกันให้แก่ตัวเราเองและครอบครัวที่เรารัก อย่างไรก็ตามเราไม่ได้ซื้อประกันชีวิตเพราะคนเราต้องเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว แต่วัตถุประสงค์หลักของการซื้อประกันชีวิตก็เพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้รายได้ของเราสูญสิ้นไป เป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงของครอบครัว โดยเฉพาะในยามที่คนเราเสียชีวิตไปก่อนเวลาอันควร และหากยังมีชีวิตอยู่ เมื่อพ้นระยะเวลาที่สามารถทำงานได้ ก็ยังได้รับความคุ้มครองด้วยเช่นกัน ดังนั้นการประกันชีวิตจึงเป็นวิธีที่สามารถทำให้เรามีเงินสำรองในยามฉุกเฉินไม่ว่าจะเกิดจากความเป็นหรือความตายก็ตาม
ก่อนที่เพื่อนๆ จะตัดสินใจลงทุนทำประกันชีวิต ผมขอยกประโยชน์ขอการทำประกันชีวิต ให้พิจารณาดูครับ
- ช่วยสร้างหลักประกันและความมั่นคงให้แก่ผู้เอาประกันภัยและครอบครัว
- ช่วยให้มีเงินออมเพื่ออนาคตการศึกษาของบุตร
- ช่วยให้มีเงินออมเพื่อไว้ใช้หลังวัยเกษียณอายุ
- ช่วยให้มีค่าใช้จ่ายเพื่ออุบัติเหตุ และดูแลสุขภาพ
- เป็นการลงทุนระยะยาวอีกแบบหนึ่งที่หาไม่ได้จากพันธบัตรและหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งบริษัทประกันชีวิตส่วนใหญ่จะมีแบบที่ให้เลือกคุ้มครองไปจนถึงเกษียณอายุหรือตลอดชีวิต ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นการลงทุนระยะยาวทีเดียว อีกทั้งผลประโยชน์ที่ระบุไว้ในสัญญาก็เป็นสิ่งที่การันตีไว้อย่างดี
- ผู้ที่ทำประกันชีวิตสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ที่มีระยะเวลาเอาประกันภัยไม่ต่ำกว่า 10 ปี ไปใช้เป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
เมื่อได้เห็นประโยชน์มากมายของการลงทุนทำประกันชีวิต และสนใจจะทำประกันชีวิต ผมจึงจะขออธิบายประเภทของประกันชีวิต ซึ่งการประกันชีวิตมีมากมายหลายแบบ แต่ละแบบจะมีลักษณะความคุ้มครองและผลประโยชน์แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เพื่อนๆ ได้พิจารณาเลือกแบบประกันชีวิตที่เหมาะกับตัวเราเองที่สุดนะครับ โดยแบบการประกันชีวิตพื้นฐานมีอยู่ 4 แบบ คือ
1. แบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance)
เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 1 ปี 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปี วัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครอง การเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร การประกันชีวิตแบบนี้ไม่มีส่วนของการออมทรัพย์ เบี้ยประกันภัยจึงต่ำกว่าแบบอื่นๆ โดยการประกันชีวิตแบบนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับสัญญาประกันอัคคีภัย คือ เมื่อครบกำหนดสัญญาแล้วจะไม่มีมูลค่าใดๆ คืนให้แก่ผู้เอาประกัน
2. แบบตลอดชีพ (Whole life Insurance)
เป็นการประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตเมื่อใดในขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับ บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายจำนวนเงินเอาประกันภัยตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ หากแต่ผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 99 ปี บริษัทประกันชีวิตก็จะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกันภัย วัตถุประสงค์เบื้องต้นของการประกันภัยแบบนี้เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับจุนเจือบุคคลที่อยู่ในความอุปการะเมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต เป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงของครอบครัว
3. แบบเงินได้ประจำ (Annuities Insurance)
คือ การประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งเป็นประจำให้แก่ผู้เอาประกันภัย เมื่อผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่ในวันที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยทั่วไปเงินได้ประจำจะจ่ายเป็นปีทุกๆ ปี จนครบตามเงื่อนไขของสัญญา สำหรับระยะเวลาการจ่ายเงินได้ประจำนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เอาประกันชีวิตที่จะเลือกซื้อ โดยสัญญาประกันชีวิตแบบนี้เหมาะสำหรับผู้เอาประกันภัยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสะสมทรัพย์ไว้เป็นค่าใช้จ่ายหลังจากที่เกษียณอายุการทำงานแล้ว และต้องการสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัว
4. แบบสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance)
เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับประโยชน์ ถ้าหากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันภัยหากผู้เอาประกันภัยมีชีวิตอยู่ในวันที่สัญญาครบกำหนด การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เป็นส่วนผสมของการคุ้มครองชีวิตและการออมทรัพย์ โดยในช่วงเวลาของการประกันนี้ เราจะได้รับดอกเบี้ยคล้ายกับการฝากออมทรัพย์ ซึ่งดอกเบี้ยที่ได้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการฝากออมทรัพย์ทั่วไป เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเป็นการสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้แก่ครอบครัวที่เรารัก
เมื่อเพื่อนๆ ได้รู้ประกันชีวิตแบบต่างๆ คงอยากมีข้อมูลที่จะช่วยตัดสินใจ เช่น ผลตอบแทน เงื่อนไข ค่าใช้จ่ายต่างๆ ของแบบประกันต่างๆ ผมจึงอยากให้เพื่อนลองเข้าไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาตัวแทนประกัน จะช่วยให้เพื่อนๆ มีแนวทางในการตัดสินใจในการทำประกันชีวิตที่ง่ายขึ้นนะครับ