ต้องยอมรับเลยว่า ตอนนี้คนส่วนใหญ่ทั้งเด็กอายุน้อยจนถึงผู้ใหญ่ ต่างก็ใช้ชีวิตบนโลกโซเชียลมีเดียอยู่ตลอด ตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน ไม่ว่าเราทำกิจกรรมอะไร จะกินข้าว ออกกำลังกาย หรือช้อปปิ้ง โซเชียลมีเดียล้วนเกี่ยวข้องกับชีวิตเรา แต่การเสพข้อมูลจากโซเชียลมีเดียมากเกินไป ทั้งอ่านข้อมูลที่เพื่อนแชร์ในหน้าเฟซบุ๊ก หรือใช้เวลาไปกับการอัปเดตชีวิตเพื่อน ๆ หรืออินฟลูเอนเซอร์ในอินสตาแกรม ติ๊กต็อก ยิ่งดูเยอะแค่ไหน ยิ่งไถฟีดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งติดแล้วเวลาส่วนใหญ่ก็จะหมดไปกับสิ่งเหล่านี้ เรียกว่าเผลอแป๊บเดียวหมดไปเป็นชั่วโมง และหากตอนไหนไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดีย ก็จะมีหงุดหงิด กระวนกระวาย ถ้าใครมีอาการแบบนี้ต้องระวังนะ บางทีเราอาจเข้าข่ายเป็น FOMO (Fear of Missing Out) หรืออาการของคนที่กลัวการตกข่าว กลัวตกกระแสสังคมอยู่ก็ได้ ลองมาตรวจดูอาการเบื้องต้นจากเช็กลิสต์นี้กันเลย
1. ใช้สมาร์ทโฟนต่อเนื่องเกิน 4 ชั่วโมง
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้โทรศัพท์มือถือทำอะไรได้มากกว่าแค่โทรเข้า-ออก บางคนใช้สมาร์ทโฟนในการทำงาน แต่อีกหลายคนใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเสพความบันเทิง ทั้งโซเชียลมีเดีย แอปสตรีมมิง เกม ดูหนัง ฟังเพลง ทำให้ต้องถือโทรศัพท์ จ้องจอตลอดเวลา พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง ตาเมื่อยล้า ซ้ำร้ายอาจมีผลต่อระบบประสาท เพราะถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวตลอดเวลา หรือเกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว
2. รู้สึกเศร้าถ้าตามเทรนด์ไม่ทันคนอื่น
ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ บนโซเชียลมีเดียมีเยอะมาก เรื่องราวใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่เราอาจจะพลาดบางเรื่องโดยไม่รู้ตัว แต่สำหรับคนที่เสพติดโซเชียลมีเดีย การพลาดข่าวสารเพียงเรื่องเดียว จะทำให้รู้สึกเศร้าเพราะกลัวคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง พฤติกรรมแบบนี้จะยิ่งส่งผลเสียมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเรายังคิดว่าต้องตามเทรนด์ อัปเดตเรื่องราวให้ทันคนอื่นอยู่เสมอ ขอแนะนำลองถอยออกมาสักนิด แล้วเปลี่ยน Mindset ว่าบางเรื่อง ไม่รู้ก็ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมาก แล้วเอาเวลาไปโฟกัสเรื่องที่สำคัญจริง ๆ ดีกว่า
3. รู้สึกด้อยค่าเมื่อเปรียบชีวิตตัวเองกับคนอื่นบนโลกโซเชียล
ทุกคนเมื่อเล่นโซเชียลมีเดียก็อยากจะโชว์มุมดี ด้านที่มีความสุขให้คนอื่นได้เห็น บางคนก็อัปเดตการไปเที่ยวพักผ่อน ปาร์ตี้ ช้อปปิ้งมีความสุขตลอดเวลา ซึ่งถ้ามากเกินไป อาจกลายเป็นการเสพติดชีวิตที่มีแต่ความสุข เกิดวันไหนจิตใจเศร้าหมองก็จะคิดเปรียบเทียบกับชีวิตของคนอื่น ๆ ทันที เป็นจุดเริ่มต้นของภาวะซึมเศร้า เพราะยิ่งเราเอาชีวิตของคนอื่นมาเปรียบเทียบมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเพิ่มความรู้สึกด้านลบในตัวเรา ลดทอนคุณค่าและความมั่นใจที่เรามี
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วใครที่มีอาการกลัวตกกระแสสังคมหรือ FOMO อยากจะลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง ก็สามารถเริ่มต้นได้ไม่ยาก แค่ลองทำตามทริคดี ๆ ด้านล่างนี้เลย
การจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ชีวิตกลับมามีความสุข ควรเริ่มจากเริ่มยอมรับก่อนว่าเราเสพติดโซเชียลมีเดีย แล้ววางแผนแก้ไข หากชอบเล่นโซเชียลเพราะไม่มีอะไรทำ ว่าง ให้ลองหางานอดิเรกทำ หรือใช้เวลาในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่น ลงคอร์สเรียนออนไลน์ ที่สามารถนำทักษะไปต่อยอดได้ เพื่อใช้เวลาในแต่ละวันให้คุ้มค่า ไม่เสียไปกับการเล่นสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว
เราเข้าใจที่คุณต้องเล่นโซเชียลมีเดีย เพราะมีหลายคนใช้ช่องทางนี้เป็นเครื่องมือหาเงิน แต่การจ้องหน้าจอทั้งวัน นอกจากจะทำให้เราเสพติดการใช้งานโซเชียล ยังทำให้สุขภาพร่างกายเสียอย่างไม่รู้ตัว ไหนจะแสงสีฟ้าจากหน้าจอ ทำให้มีปัญหาด้านสายตา ยังมีเรื่องของการคอมเมนต์บนโลกออนไลน์ หรือ Cyber bully ซึ่งหากเจอเรื่องที่กระทบจิตใจ ก็สามารถทำให้เราหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน จนถึงขั้นอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ ลองห่างจากโซเชียลมีเดียสักพัก อย่างน้อยทุก ๆ 2 ชั่วโมง ไปพักทำอะไรอย่างอื่นสัก 10-20 นาที ให้ร่างกาย สมองได้ผ่อนคลาย แล้วค่อยกลับมาเล่นใหม่ก็ได้
ลองชวนแก๊งค์เพื่อน หรือครอบครัวออกไปทำกิจกรรม นัดทานข้าว ขนมอร่อย ๆ โดยมีชาเลนจ์ว่าห้ามแตะโทรศัพท์มือถือเป็นอันขาด เพื่อตั้งใจใช้ชีวิตในโลกความจริง หรือจะรวมกลุ่มกันไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปแคมป์ปิ้งก็น่าสนุก ฟังดูอาจจะโอ้โหกิจกรรมเยอะจัง ต้องใช้เงินเยอะแน่ ๆ แต่ขอบอกเลย
สมัยนี้เค้ามีดีลดีฟรีๆ เพียบ ทั้งส่วนลดร้านอาหาร แลกขนม เครื่องดื่มต่าง ๆ ได้ฟรี หรือแม้แต่ส่วนลดเติมน้ำมันก็แลกได้ แค่มี Krungsri GIFT ของขวัญดี ๆ จากธนาคารกรุงศรี ที่ให้เราแลกของขวัญฟรีทุกเดือน ที่สำคัญของขวัญเค้าก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ รับรองไม่มีเบื่อ เหมาะกับทุกไลฟสไตล์แน่นอน วิธีการรับ Krungsri GIFT ก็แสนจะง่าย ๆ เพียงทำรายการโอน-เติม-จ่าย ให้ครบในแต่ละเดือน
สิ่งที่เราแนะนำให้ลองทำกันดู ในช่วงแรกอาจคิดถึงโลกโซเชียลมีเดีย แต่ถ้าทำบ่อย ๆ ฝึกให้เป็นนิสัย อาการติดโซเชียลมีเดียก็จะค่อย ๆ ลงลด ลองหายไปจากโซเชียลมีเดียสักวัน อาจพบความสุขในโลกความจริงมากขึ้นก็ได้นะ