ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตและมีส่วนช่วยในการทำงานของเรามากยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในตอนนี้คงจะหนีไม่พ้น
“Google Gemini” เทคโนโลยี
AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยเติมไฟให้ความคิดสร้างสรรค์ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับเรา ซึ่งก่อนที่ทุกคนจะไปเริ่มใช้งาน Gemini AI กันนั้น น้องเพลินเพลินจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จัก Gemini AI ให้มากขึ้นกันก่อน รวมถึงจะขอพาไปดูตัวอย่างการใช้ Gemini AI ในการทำงานให้ง่ายขึ้นกันด้วย
Google Gemini คืออะไร
Google Gemini คือ AI หรือภาษาไทยเรียกกันว่า
“แชตบอต” ซึ่งถูกพัฒนาโดย Google ด้วยระบบ Large Language Model (LLM) ที่ถูกฝึกฝนให้มีความรู้จากการจัดเก็บข้อมูลมากมาย จึงมีความสามารถในการสื่อสารและสร้างข้อความเหมือนการตอบของมนุษย์จริง ๆ โดยปัจจุบันรองรับถึง 180 ภาษาทั่วโลก รวมถึงภาษาไทยเองก็สามารถพูดคุยผ่านแชตและเสียงพูดได้เช่นกัน โดย Gemini AI 1.0 ได้เปิดตัวออกมา 3 รุ่น ตามลักษณะการใช้งาน ดังนี้
- Gemini Ultra โมเดลขนาดใหญ่ที่ทำงานได้ต่อเนื่องและมีความซับซ้อนสูงได้ รวมถึงรองรับภาษาได้มากที่สุดใน Gemini AI ทุกรุ่น
- Gemini Pro โมเดลขนาดกลางที่สามารถใช้งานทั่วไปได้หลากหลาย เช่น การเขียนโค้ดและการสร้างงานศิลปะ
- Gemini Nano โมเดลขนาดเล็กที่สามารถใช้งานทั่วไปบนอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตได้
ซึ่งหลังจากที่เราได้ทำความรู้จัก Gemini AI กันไปในข้างต้นนั้น อาจทำให้หลายคนรู้สึกคุ้นเคยหรืออาจจะเคยใช้งาน AI ในลักษณะนี้มาก่อน ซึ่งต้องบอกว่าจริง ๆ แล้ว Google Gemini เคยมีชื่อเดิมว่า “Google Bard” มาก่อนนั่นเอง โดยภายหลัง Google ได้ทำการเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ AI ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ปรับราคาใหม่ให้เข้าถึงได้ และเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลให้มากกว่าเดิม
Google Gemini หรือ Google Bard ใช้ยังไงให้งานปัง
โดย Google Gemini หรือ Google Bard นี้ยังคงมีรูปแบบการทำงานคล้ายเดิมในการเป็นแชตบอต ซึ่งหากเรานำมาใช้งานได้หลากหลาย ก็จะช่วยให้งานที่เราทำอยู่มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปได้อีก และอาจจะช่วยการใช้ชีวิตในบางเรื่องง่ายขึ้นได้ ดังนี้
- Gemini AI ฝึกภาษาอังกฤษ การที่เราจะเก่งภาษาได้ต้องเกิดจากการใช้งานบ่อย ๆ แต่ถ้าเราไม่มีเพื่อนชาวต่างชาติไว้พูดคุยเลย Gemini AI ก็สามารถเป็นคู่สนทนาภาษาอังกฤษให้กับเราได้เช่นกัน ซึ่งเราสามารถเลือกชวนคุยในหัวข้อที่สนใจนานเท่าไหร่ก็ได้เลย เพราะ Gemini AI จะไม่รู้สึกรำคาญใจเหมือนกับมนุษย์นั่นเอง
- Gemini AI ช่วยสรุปข้อมูล โดยสามารถสรุปข้อมูลได้ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพื่อที่ให้เราได้นำข้อมูลไปต่อยอดทำงานต่อไปได้ง่ายขึ้น จึงช่วยประหยัดเวลาในการทำงานได้มากขึ้นนั่นเอง แต่เพื่อความถูกต้องเราควรตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลนั้นอีกครั้งจะดีที่สุด
- Gemini AI ช่วยหาข้อมูล การหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เรื่องที่ต้องค้นหลายรอบอีกต่อไป ไม่ว่าจะอยากพัฒนาตัวเอง หรือหาไอเดียในด้านไหน เพียงพิมพ์คำสั่งลงไป Gemini AI ก็จะช่วยเราเรียบเรียงข้อมูลมาไว้ในที่เดียว ซึ่งจะช่วยทำให้เราประหยัดเวลาในการศึกษาหาข้อมูลได้มากเลยทีเดียว
Google Gemini AI ฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ประโยชน์มากมาย
ซึ่งแม้ว่า Google Gemini จะยังคงมีรูปแบบการทำงานคล้ายเดิม แต่ก็มีฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้าใช้ร่วมกับเครื่องมือ Google อื่น ๆ ที่จะช่วยให้ประโยชน์กับการทำงานของเรามากขึ้นได้ ดังนี้
- ทำงานผ่าน Google Workspace อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเพิ่มการเรียนรู้ให้ Gemini AI ในการช่วยค้นหาข้อมูลวิจัย คิดค้นไอเดียใหม่ รวมถึงการช่วยบริการจัดการธุรกิจที่แค่เข้าสู่ระบบผ่านบัญชี Google Workspace ก็สามารถใช้งานได้เลย
- แชร์เนื้อหาไปยัง Google Docs และ Gmail อย่างง่ายดาย ช่วยให้เราสามารถส่งออกหรือแชร์ข้อมูลไปยัง Google Docs และ Gmail ได้อย่างง่ายดาย รวมถึงยังสามารถเข้าถึง Google Map, Google Drive, Google Sheets, Google Slides, Google Meet และสามารถทำงานร่วมกับ Google Search ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
- สามารถตอบกลับคำถามด้วยรูปภาพ ด้วยการเพิ่มการเรียนรู้ให้สามารถตอบกลับคำถามด้วยรูปภาพ และหากต้องการให้แสดงข้อมูลพร้อมภาพประกอบก็ทำได้เช่นกัน
- ช่วยเขียนอีเมลตอบกลับอย่างมืออาชีพ ได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถใช้ฟีเจอร์ Help me write ผ่านอีเมลได้เลยทันที เพียงแค่ใส่ข้อมูลที่ต้องการ เช่น ต้องการจะเขียนถึงใคร เกี่ยวกับอะไร วันที่ สถานที่ต่าง ๆ
- สร้างสรรค์งานนำเสนอให้สวยงาม ซึ่งรูปภาพที่เราจะได้รับจะมีความสวยคมชัด มีความละเอียดสูง และรูปภาพยังถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของเราเองอีกด้วย นอกจากนี้ ยังให้ Gemini AI ช่วยสร้างภาพพื้นหลังการประชุมได้ตามต้องการได้อีกด้วย
ตัวอย่างการใช้ Gemini AI ในการทำงาน
หลังจากที่เราได้ดูฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการใช้งานของ Google Gemini กันไปแล้ว แต่ยังนึกไม่ออกว่าเราจะใช้ Gemini AI ในการทำงานของตัวเองได้อย่างไรบ้าง เรามีตัวอย่างการใช้ Gemini AI ในการทำงานมาฝากกัน ดังนี้
1. งานขาย
Gemini AI ทำงานในแอปต่าง ๆ ของ Google Workspace เพื่อช่วยย่อยข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว และสร้างข้อความร่างฉบับแรกได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโปรไฟล์ลูกค้าไปจนถึงการช่วยเหลือในการส่งข้อความ Gemini AI ก็สามารถช่วยให้การบริการลูกค้าเป็นไปได้ฉับไวยิ่งขึ้น อีกทั้งใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของทีมของคุณได้มากขึ้น
- วิเคราะห์และสรุปข้อมูลเพื่อพัฒนางานบริการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพ โดยใช้ Gemini AI วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก ทั้งเอกสารและข้อความจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงการตอบคำถามให้ตรงกับปัญหาและความต้องการมากที่สุด จนสามารถเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้
- สร้างแชตบอตในการให้คำแนะนำสำหรับคำถามที่เกี่ยวกับการบริการได้อย่างรวดเร็ว ใช้ Gemini AI เพื่อใช้การตอบกลับลูกค้าโดยสามารถปรับให้เหมาะสมทั้งในเอกสารและ Gmail ซึ่งจะเป็นประโยชน์เมื่อมีการสอบถามข้อมูลเข้ามาเป็นจำนวนมาก และใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
- ถอดเสียงการโทรโดยอัตโนมัติ ใช้ Gemini AI เพื่อถอดเสียงการโทรผ่าน Google Meet ทำให้ตัวแทนสามารถจัดเก็บบันทึกได้ถูกต้องและช่วยสร้างคำขอแก้ปัญหา
Generative AI ใน Gemini สำหรับ Workspace คุณสามารถสร้างข้อความ ประเมินข้อมูลจำนวนมาก สรุปเอกสารหรืออีเมล และปรับงานที่ต้องทำเป็นประจำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้นักการตลาดสามารถโฟกัสในส่วนของงานที่ต้องใช้การวางแผนอย่างละเอียดและความคิดสร้างสรรค์ได้
- การปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญ ใช้ Generative AI เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญ ระบุขอบเขตที่ต้องปรับปรุง และสร้างการทำซ้ำสำหรับการทดสอบ A/B
- ลดค่าใช้จ่ายในการสร้างคอนเทนต์ ใช้ Generative AI เพื่อสร้างแบบร่างแรกอย่างรวดเร็วและเพิ่มผลลัพธ์ของคุณโดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้น
- ปรับแต่งตามความสนใจสำหรับกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ สร้างสรรค์ข้อความที่ตรงเป้าหมายและมีเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงไปตามความสนใจ ด้วยความสามารถของ Generative AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก
Tips by น้องเพลินเพลิน : มองการลงทุนในกองทุนเทคโนโลยีที่กำลังเติบโต หวังโอกาสสร้างผลตอบแทนในอนาคต ด้วย “กองทุน KFHTECH”
กองทุนที่ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำขนาดใหญ่ ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เพื่อค้นหาโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เป็นหุ้นเทคโนโลยียุคใหม่ เช่น AI, Cloud Computing เป็นต้น รวมถึงพยายามค้นหาบริษัทใหม่ ๆ ที่มีโอกาสก้าวขึ้นมาแทนที่ผู้เล่นรายเดิม เพื่อคว้าโอกาสลงทุน
- ธีมการลงทุน : ลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่มีธุรกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในหมวดเทคโนโลยี ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ BGF World Technology Fund (Class D2 USD) เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
- ระดับความเสี่ยง : 7 (เสี่ยงสูง) ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ≥ 90% ของเงินลงทุนในต่างประเทศ
*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
Gemini AI เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยให้เราทำงานง่ายขึ้น และยังช่วยงานด้านอื่น ๆ ที่เราไม่ถนัดได้อีกด้วย ซึ่งหากเรามีการเรียนรู้และปรับตัวได้ทันตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เราก็จะไม่เพียงแต่ใช้เทคโนโลยีเป็น แต่เรายังสามารถใช้เทคโนโลยีได้เกิดประโยชน์สูงสุดเหมือนการใช้ Gemini AI ได้อีกด้วย