ในปัจจุบัน มิจฉาชีพนั้นมีหลากหลายวิธีมาก ๆ ในการที่จะหลอกเอาเงินจากเรา ซึ่งนอกจากเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ที่เราต้องคอยหวาดระแวงกันในแต่ละวันแล้ว ก็ยังมีเหล่ามิจฉาชีพรูปแบบใหม่ ๆ หรือสแกมเมอร์ที่ทำแอปดูดเงินซึ่งมักจะปลอมเป็นตำรวจ บก. ปอท. โดยใช้ชื่อแอปฯ ว่า TCSD Protect ซึ่งหากใครที่ได้โหลดแอปฯ นี้ลงเครื่องแล้วก็จะทำให้ข้อมูลส่วนตัวรวมไปถึงข้อมูลทางการเงินถูกนำออกไปด้วย
ซึ่งอาจทำให้เกิดการเสียทรัพย์โดยไม่รู้ตัวได้นั่นเอง การเราที่ได้เห็นปัญหาของการที่โดนมิจฉาชีพหลอกให้เราโหลดแอปดูดเงินเหล่านี้ จึงอยากมาแนะนำและอัปเดตเกี่ยวกับการรู้ทันกลโกงของมิจฉาชีพเหล่านี้
สำหรับมิจฉาชีพในปัจจุบันมีวิธีการดูดเงินจากบัญชีธนาคารที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในตอนนี้มิจฉาชีพก็ได้ทำแอปดูดเงินจากบัญชีธนาคารของเรากันอีก นับว่าเป็นปัญหาที่หากใครที่รู้ไม่เท่าทันก็อาจถูกหลอกได้
วิธีเช็กแอปดูดเงินที่แฝงอยู่ในสมาร์ทโฟน
1. ตรวจเช็กแอปดูดเงินระบบ iOS
เข้าไปที่การตั้งค่าทั่วไป > ค้นหาคำว่า VPN และอุปกรณ์ > ตรวจสอบแอปฯ ที่น่าสงสัย หากไม่มั่นใจให้กดติ๊กแอปฯ เหล่านั้นออก ตัวอย่างเช่น แอปฯ ควบคุมจากระยะไกล เช่น Teamviewer เป็นต้น ให้ทำการถอนการติดตั้ง และทำการลบข้อมูล และทำการตั้งค่าอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด เพื่อความสบายใจ
2. ตรวจเช็กแอปดูดเงินระบบ Android
เข้าไปที่การตั้งค่าทั่วไป > กดสัญลักษณ์ 3 จุดไข่ปลาข้างๆ รูปฟันเฟือง > เลือกเมนูย่อย การเข้าถึงพิเศษ > ให้ถอนการติดตั้งแอปฯ ที่น่าสงสัยที่ทำให้สมาร์ทโฟนของเรามีอาการแปลก ๆ เช่น ค้าง รวน เป็นต้น หากไม่สามารถเปิดเมนูนี้ได้ แล้วมีการเด้งไปหน้า Home แสดงว่าเราถูกฝังแอปฯ ดูดเงินเข้าแล้ว เพราะส่วนใหญ่มิจฉาชีพมักจะเขียนสคริปต์ฝังเอาไว้ไม่ให้เราลบแอปดูดเงินได้ด้วยตัวเอง
(แหล่งข้อมูลจาก:
droidsans.com)
แต่การสังเกตอย่างเดียวก็คงจะไม่พอ เพราะบางทีแอปดูดเงินเหล่านั้นก็ทำออกมาได้เหมือนจริงมาก ๆ จนบางครั้งคนที่ตั้งใจจะดาวน์โหลดมาใช้งานก็เริ่มเกิดความสับสน สงสัยอยู่ไม่น้อยว่าแอปใช้งานได้หรือไม่ แล้วจะปลอดภัยกับข้อมูลเราหรือเปล่า อย่างในช่วงที่ผ่านมาจากข่าวโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่ทันไรก็มี
แอปดูดเงินเกิดขึ้นมาอย่างมากมาย ซึ่งทำให้คนที่ไม่รู้นั้นดาวน์โหลดแอปฯ เหล่านี้มาไว้ที่เครื่องเรียบร้อย
ซึ่งทางด้านบริษัท Kaspersky ที่เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต ได้ตรวจพบแอปฯ ที่มีมัลแวร์อันตราย ที่ไม่ควรโหลดลงเครื่องเอาไว้ถึง 13 แอปฯ ดังต่อไปนี้
- Battery Charging Animations Battery Wallpaper
- Classic Emoji Keyboard
- Battery Charging Animations Bubble -Effects
- Easy PDF Scanner
- Dazzling Keyboard
- Halloween Coloring
- EmojiOne Keyboard
- Smart TV remote
- Flashlight Flash Alert On Call
- Volume Booster Hearing Aid
- Now QRcode Scan
- Volume Booster Louder Sound Equalizer
- Super Hero-Effect
(Ref:
facebook.com)
โดยทางบริษัท Kaspersky ได้ให้วิธีการสังเกตแอปฯ ดูดเงินดังนี้
แอปฯ ที่เราใช้งานอยู่ดี ๆ แล้วมีการหยุดทำงานโดยอัตโนมัติโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ แอปฯ ที่เมื่อโหลดเข้ามาแล้วทำให้เครื่องเรามีปัญหา เช่น เครื่องร้อน ค้าง หรือรวน ก็อาจจะเข้าข่ายว่าเป็นแอปฯ ปลอม หรือเป็นแอปดูดเงินเราจากบัญชีธนาคารของเราได้นั่นเอง
ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีหลาย ๆ คน ที่อาจจะเคยใช้ แอปฯ เถื่อนกันมาบ้าง เนื่องจากในบางแอปนั้นอาจจะต้องเสียเงินจำนวนหนึ่ง จึงได้มีกลุ่มแฮ็กเกอร์ พัฒนาแอปฯ ก๊อบปี้ แต่สามารถทำงานได้เหมือนแอปฯ จริง
ที่ไม่ได้ผ่านการดาวน์โหลดผ่านทาง Official Store ไม่ว่าจะเป็น Google Play Store หรือ App Store ก็ตาม ซึ่งหากเราได้ทำการดาวน์โหลดแอปฯ ดังกล่าว แน่นอนว่าอาจจะมีการพบเจอกับปัญหาในการใช้งานแอปฯ กว่าเราจะรู้ตัว ก็อาจ
ถูกดูดเงินจากบัญชีธนาคารของเราได้ง่าย ๆ และอาจจะถูกนำข้อมูลธุรกรรมทางการเงินส่วนตัวของเราไปใช้งานอีกด้วย
วิธีรับมือหากเผลอดาวน์โหลดแอปฯ อันตรายเหล่านี้
หากใครที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ได้ทำการโหลดแอปดูดเงินเหล่านี้ มาติดตั้งกันเป็นที่เรียบร้อย และเกิดความผิดปกติกับทั้งโทรศัพท์ และบัญชีธนาคารของคุณเข้าแล้ว หากไม่สามารถลบแอปดูดเงินดังกล่าวได้ ทางออกที่ดีที่สุดเลย คือรีบปิด WIFI เพื่อตัดสัญญาณ Internet ถอดซิมการ์ด หรือลบ eSIM แล้วนำสมาร์ทโฟนของเราไปที่ศูนย์บริการเพื่อทำการล้างข้อมูล เพราะแอปฯ ดูดเงินมักเป็นมัลแวร์ฝังเครื่อง การล้างข้อมูลด้วยตัวเองอาจลบออกได้ไม่หมด
แต่ก่อนล้างข้อมูลอย่าลืมบันทึกข้อมูลของมิจฉาชีพ แล้วนำไป
แจ้งความมิจฉาชีพออนไลน์ โดยสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้เลย
- รวบรวมหลักฐานให้ครบ เช่น ชื่อแอปฯ ดูดเงิน ที่เราดาวน์โหลด รวมถึงภาพการใช้งานแอปฯ ดังกล่าว และนำเอกสารส่วนตัวของเรา เช่น สำเนาบัตรประชาชน
- เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อเอาใบบันทึกประจำวันไปติดต่อธนาคารของเรา เพื่อดำเนินขั้นตอนเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินของเรา
- ร้องทุกข์ได้ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) หากไม่สะดวกเดินทางไปด้วยตัวเองก็สามารถแจ้งความผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ https://www.thaipoliceonline.go.th/
- ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือสำนักงาน ปปง. เพื่อติดตามเส้นทางการเงินของเราที่ถูกแอปดูดเงินดูดออกไป เพื่อติดตามและจับกุมมิจฉาชีพ สแกมเมอร์ ที่หลอกลวงเงินผ่านทางแอปดูดเงิน
หากพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับบัญชีเงินฝาก หรือการทำธุรกรรมออนไลน์ เราสามารถติดต่อสอบถามมาได้ที่ Krungsri Call Center โทร 1572 ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าไม่อยากต้องมาร้อนใจภายหลัง ก่อนดาวน์โหลดแอปฯ อะไรเข้ามาติดตั้งในสมาร์ทโฟน ควรเช็กข้อมูลให้ชัวร์ก่อนใช้ จะดีกับตัวเราเองที่สุด
ได้ที่
https://www.thaipoliceonline.go.th/ หรือสอบถามมายังเบอร์โทรของธนาคาร อย่างธนาคารกรุงศรีก็สามารถติดต่อได้โทร 1572
(Ref:
droidsans.com)
และนอกจากนี้ทางธนาคารเองก็สามารถตามเรื่องให้กับเราได้อีกแรงหนึ่ง ซึ่งเมื่อพบว่า
ตัวเองถูกมิจฉาชีพดูดเงินจากบัญชีธนาคารของเราไปเรียบร้อยแล้ว ก็ควรที่จะทำการโทรไปถามทางธนาคารของเราเป็นอันดับแรกเลยว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์โดนแอปดูดเงินจากบัญชีธนาคารแบบนี้ขึ้นแล้วควรจะทำอย่างไรดี และหากทางธนาคารนั้นไม่ดำเนินการตามเรื่องหรือชี้แจงข้อควรปฏิบัติ และเพิกเฉยต่อลูกค้านั้น เราก็สามารถที่จะทำการฟ้องธนาคารในฐานละเลยหน้าที่ได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับมาตรการของแต่ละธนาคาร
และนี่ก็คือข้อสังเกตการณ์ตรวจสอบแอปดูดเงินเพื่อให้เราสามารถที่จะรู้ทันกลโกงของมิจฉาชีพ เพราะฉะนั้นหาก
อยากรู้ทันกลโกงของมิจฉาชีพต้องรู้จักวิธีป้องกัน และเอาตัวรอดให้ดี ที่สำคัญอย่าโหลดแอปฯ ที่ไม่ผ่านการพิจารณาต่าง ๆ เอาไว้ก่อน เพราะอาจทำให้คุณนั้นเป็นหนึ่งในคนที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้นั่นเอง