การทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ สิ่งที่ผู้ประกอบการ SME หรือ คนเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ จะต้องให้ความสำคัญอย่างมากหลังจากการพิจารณาเรื่องแผนการตลาด และต้นทุนในรูปแบบต่าง ๆ เสร็จแล้ว ก็คือ เรื่องของการตั้งราคาของออนไลน์นั่นเอง ซึ่งในเรื่องนี้มีปัจจัยที่ใช้ในการตัดสินใจหลายเรื่องมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบวกเพิ่มจากราคาต้นทุน, การเปรียบเทียบราคากับคู่แข่ง, การตั้งราคาของออนไลน์ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการดูสถานการณ์ของตลาดในเวลาปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถตั้งราคาสินค้าได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าต้นทุนการขายสินค้าออนไลน์ ไม่ได้มีแค่ค่าตัวสินค้าเพียงอย่างเดียว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่คุณต้องจ่ายไม่ว่าจะเป็น ค่าจัดส่ง, ค่าแพ็กสินค้า และค่าโฆษณา ดังนั้นคุณต้องคำนวณให้ดีว่า
ต้นทุนของสินค้ามีราคาอยู่ที่เท่าไรกันแน่
หลังจากที่ SME ทราบต้นทุนที่แท้จริงแล้ว ก็จะทำให้สามารถตั้งราคาของออนไลน์ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม อยู่บนพื้นฐานของการไม่ “ขาดทุน” นอกจากนั้นยังสามารถสร้าง “กำไร” จากการตั้งราคาสินค้าที่สามารถสร้างการแข่งขันได้ เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการตั้งราคาสินค้าออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ มาฝาก
ตั้งราคาตาม Positioning (จุดขาย) ของสินค้า
ก่อนตั้งราคาสินค้า SME ต้องรู้จักสินค้าของตัวเองก่อนหาจุดขายบนโลกออนไลน์ ว่าสินค้ามีต้นทุนต่อหน่วยเท่าไร รวมไปถึงต้องรู้ว่าสินค้านั้นเป็นสินค้าประเภทไหน เป็นสินค้าสำหรับคนทั่วไปที่ซื้อง่ายขายคล่อง หรือเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มีจำนวนคนซื้อที่จำกัด ซึ่งคุณสมบัติของสินค้าที่แตกต่างกันก็จะมีวิธีในการบวกกำไรในจำนวนที่มากน้อยไม่เท่ากัน จำเป็นต้องประเมินจากต้นทุน คุณสมบัติของสินค้า และความต้องการของผู้บริโภค จึงจะช่วยให้สามารถตั้งราคาขายของออนไลน์ที่เหมาะสมของสินค้าขึ้นมาได้
ตั้งราคาจากการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าอะไรก็ตามมักจะมีคู่แข่งอยู่เสมอ การศึกษาคู่แข่งว่ามีจุดอ่อนจุดแข็ง และมีจำนวนมากน้อยขนาดไหน จะเป็นข้อมูลสำหรับการนำเอากลับมาตั้งราคาสินค้าออนไลน์ของคุณเอง ถ้าสินค้าแบบเดียวกันกับของคุณมีคู่แข่งเยอะ ราคาสินค้าของคุณก็ควรจะเกาะกลุ่มไม่ให้ต่างกันมาก แต่ถ้าหากสินค้าของคุณไม่มีคู่แข่งเลย การตั้งราคาสินค้าก็อาจจะตั้งได้สูงในระดับที่คุณพอใจได้
ดังนั้นก่อนจะตั้งราคาของออนไลน์ทุกครั้งควรสำรวจตลาดเพื่อเช็กราคาสินค้าว่าส่วนใหญ่ขายกันราคาเท่าไร แล้วนำมาคำนวณต้นทุนของเราว่าจะบวกกำไรได้มากน้อยแค่ไหน ถึงจะเข้าไปแข่งขันในตลาดได้ ยกตัวอย่างเช่น หากลองไปสำรวจราคาสินค้าบางชนิด แล้วพบว่าสินค้าประเภทนี้ส่วนใหญ่ตั้งราคาบวกกำไรเอาไว้ในระดับ 90-120% ก็จะทำให้คุณทราบได้ว่าสินค้าของคุณควรจะตั้งราคาอยู่ที่ระดับไหน เพื่อให้มีกำไรและแข่งขันกับรายอื่น ๆ ได้
อย่าเริ่มต้นด้วยราคาที่ต่ำจนเกินไป
จริงอยู่ที่การตั้งราคาสินค้าต่ำอาจจะทำให้ขายสินค้าได้ง่าย โดยเฉพาะการตั้งราคาของออนไลน์ ซึ่งลูกค้าสามารถกดสั่งซื้อได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่เทคนิคนี้ไม่ได้ส่งผลดีเสมอไป เพราะหลายครั้งอาจทำให้ลูกค้าคิดหรือมองสินค้าของคุณไปในด้านลบ หรือทำให้ไม่มั่นใจในตัวสินค้า ทั้ง ๆ ที่คุณเองก็พยายามขายสินค้าคุณภาพดีในราคาถูกแล้วก็ตาม ส่วนข้อเสียของการตั้งราคาต่ำตั้งแต่เริ่มต้นก็คือ คุณจะไม่มีช่องว่างเหลือพอที่จะถอยหลัง ในกรณีที่เปิดตัวด้วยราคาถูกแล้วยังขายไม่ได้ จะลดราคาลงอีกก็เข้าเนื้อ ดังนั้น อย่าลืมตั้งราคาของออนไลน์โดยเผื่อช่องว่างเอาไว้ให้ลดราคาบ้าง
จัดราคาโปรโมชันเพื่อค้นหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
สําหรับการทำการตลาดโดยใช้กลยุทธ์สินค้าดีราคาถูกในช่วงโปรโมชัน เพื่อค้นหาความต้องการสินค้าของผู้บริโภค ก็สามารถทำได้ แต่ไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป เพราะมันอาจจะทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดว่า ราคาจริง ๆ ของสินค้าก็คือราคาโปรโมชัน ดังนั้น หากต้องการหาจุดขายบนโลกออนไลน์โดยการจัดโปรโมชัน ควรจะระบุระยะเวลาที่ชัดเจน และไม่ใช้บ่อยจนเกินไป และไม่ควรลดราคาสินค้ามากเกินไปจนหากำไรไม่ได้ ส่วนจะลดได้มากน้อยขนาดไหนก็อยู่ที่การตั้งราคาเริ่มต้นอย่างที่แนะนำกันไปแล้ว
จากรูปแบบที่หลากของวิธีการตั้งราคาสินค้าออนไลน์ คงจะพอทำให้ผู้ประกอบธุรกิจ SME มีแนวทางในการกำหนดราคาสินค้าของตนเองแล้ว ซึ่งการประยุกต์ใช้งานนั้นไม่จำเป็นจะต้องเลือกใช้เพียงวิธีใดวิธีหนึ่งในการตั้งราคา ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้วิธีการตั้งราคาของออนไลน์ในแบบต่าง ๆ มาใช้ร่วมกันได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้าและความต้องการของตลาด รวมถึงจำนวนคู่แข่งในช่วงเวลาต่าง ๆ
เมื่อคุณเข้าใจเรื่องของการตั้งราคาสินค้าออนไลน์แล้ว ก้าวต่อไปในธุรกิจของคุณก็หนีไม่พ้นเรื่องของการหาจุดขายบนโลกออนไลน์ให้ได้ และใช้ประโยชน์จากเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย ในยุคสมัยนี้คงต้องยอมรับว่า “LINE” กับ “Facebook” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้จริง ๆ แต่จะมีรายละเอียดอย่างไร ติดตามบทความต่อไปกันได้เลย