Business Disruption คืออะไร
Business Disruption คือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกธุรกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค โดย disruption แปลว่า การหยุดชะงักหรือการถูกขัดขวาง ซึ่งในบริบทของธุรกิจหมายถึง การที่บริษัทหรือองค์กรต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด Business disruption จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะตั้งแต่โลกของเรามีเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ทุกอย่างก็ดูรวดเร็วไปหมด หลายธุรกิจที่เคยเป็นผู้ประสบความสำเร็จในอดีตที่ทำกำไรมาอย่างยาวนาน เมื่อเผชิญกับยุค disruption นี้ อาจไม่สามารถรักษาผลกำไรได้เหมือนเดิม ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องมีทักษะใหม่ ๆ เพื่อให้สามารถปรับตัวและ “เปลี่ยนแปลงธุรกิจ” ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ในประเทศญี่ปุ่นก็มีธุรกิจที่ประสบกับ Business Disruption เช่นกันไม่ว่าจะเป็นจากเทคโนโลยีใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจเดิมต้องปรับตัว หรือแม้กระทั่งต้องสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจเดิม ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจมาก บริษัทต่าง ๆ ที่ไม่สามารถปรับตัวได้ก็จะถูกแทนที่ด้วยบริษัทที่มีวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ
ในบทความนี้ ผมจะแนะนำวิธีการรับมือ Business Disruption พร้อมยกตัวอย่างบริษัทญี่ปุ่นที่น่าสนใจคือ Sony Corporation ที่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองให้รอดพ้นจากสภาวะ Business Disruption จนอยู่รอดมาถึงปัจจุบัน เผื่อเป็นไอเดียให้กับใครก็ตามที่ต้องการแนวทางในการจัดการกับเรื่องนี้
Sony Corporation เป็นผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องเล่นเกม และเครื่องเล่นเสียงบันเทิงระดับโลก สินค้าที่เป็นที่รู้จัก เช่น เครื่องเล่นเกม PlayStation และเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา Sony Walkman ที่เปลี่ยนพฤติกรรมการฟังเพลงของคนทั่วโลก รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบเครื่องเสียง หูฟัง กล้องถ่ายภาพดิจิทัล เรียกได้ว่า Sony ติดลมบนมาอย่างยาวนาน แต่มาถึงจุดหนึ่ง Sony เองก็ต้องเผชิญกับ business disruption จากการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมและการมาของเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ผลกระทบจาก Business Disruption ที่เห็นได้ชัดมีต่อไปนี้
1. รายได้ลดลงมหาศาล
จากธุรกิจกล้องถ่ายภาพดิจิทัล โดยเฉพาะในช่วงปี 2010-2019 Sony ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดกล้องดิจิทัลต้องเผชิญกับ business disruption ที่มาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค มียอดขายกล้องดิจิทัลลดลงจาก 17.5 ล้านเครื่องเหลือเพียง 6.1 ล้านเครื่อง เนื่องจากพฤติกรรมของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงจากความนิยมในการใช้งานจากกล้องดิจิทัล เปลี่ยนไปใช้กล้องถ่ายรูปจากสมาร์ทโฟนที่ง่าย และสะดวกกว่า
Photo credit : Statista
ยอดขายกล้องถ่ายภาพดิจิทัลทั่วโลกก็ลดลง 87% ตั้งแต่ปี 2010
สถิติจากสมาคมผู้ค้ากล้องและผลิตภัณฑ์ด้านภาพ (CIPA) ที่ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำ เช่น Olympus, Casio, Canon, Kodak, Sony และ Nikon เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่ได้รับผลกระทบจาก business disruption ครั้งนี้
2. การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเกมออนไลน์
การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมเกมก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนของ disruption แปลว่าการเปลี่ยนแปลงที่มาจากการปรับตัวทางเทคโนโลยี ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา คู่แข่งของ Sony ในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องเกมอย่าง Microsoft ได้เปิดตัว Xbox Live ในปี 2002 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเล่นเกมออนไลน์หลายผู้เล่นได้ บริษัท Nintendo อีกคู่แข่งคนสำคัญของ Sony ก็ได้เปิดตัว
Nintendo Switch Online ในปี 2018 ทำให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงการเล่นเกมออนไลน์ได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้เป็น disruption คือตัวอย่างของการปรับตัวทางเทคโนโลยีที่เข้ามาทำลายตลาดเครื่องเล่นเกมดั้งเดิมอย่าง PlayStation ของ Sony
นอกจากนี้ ยังมีบริษัท Tencent บริษัท IT สัญชาติจีนที่เป็นเจ้าของเกมออนไลน์หลายตัว เช่น ROV และ PUBG ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ business disruption ที่สำคัญ การเติบโตของ Tencent เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเล่นเกมของผู้คนจากการเล่นเกมเครื่องเล่นเกมแบบคอนโซลสู่การเล่นเกมออนไลน์มากขึ้น จน Tencent กลายเป็นบริษัทผลิตเกมออนไลน์อันดับ 1 ของโลก และรายได้แซงหน้าธุรกิจผลิตเกมของบริษัท Sony ไปแล้ว
3. การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสื่อบันเทิง
หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนของ business disruption คือการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสื่อบันเทิง พฤติกรรมการรับชมสื่อบันเทิงของลูกค้าจากเดิมที่เคยดูภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์เป็นหลัก ได้เปลี่ยนแปลงไปสู่การรับชมผ่านระบบ
ระบบสตรีมมิงออนไลน์ มากขึ้น เช่น Netflix, Amazon Prime, Disney+ ทำให้บริษัท Sony Pictures ต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้า เช่น การเซ็นสัญญากับ Netflix เพื่อให้สิทธิการสตรีมมิงหนังใหม่ในระหว่างปี 2022-2026 นอกจากนี้ก็ยังได้เซ็นสัญญาร่วมกับ Disney+ ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Netflix ในการนำ Spider-Man และแฟรนไชส์อื่นๆ ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ Sony Pictures มาอยู่ใน Disney+ หลังจากหมดสัญญากับ Netflix ในปี 2026 เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า disruption คือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ และบริษัทจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในยุคสมัยนี้
สิ่งที่ Sony ลงมือทำเพื่อให้ผ่านพ้น Business Disruption
1. เมื่อเห็นว่ายอดขายกล้องถ่ายภาพดิจิทัลลดลง Sony ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการกับ business disruption และเริ่มพัฒนาปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจใหม่ ด้วยการผลิตสินค้าใหม่ที่ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน เช่น กล้องถ่ายรูป Sony ZV-E10 ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของการรับมือกับ disruption ในตลาดกล้องถ่ายรูป กล้องรุ่นนี้มีความสามารถที่เหนือกว่ากล้องจากสมาร์ทโฟน มีขนาดกะทัดรัดและเปลี่ยนเลนส์ได้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทำสื่อ (Creator) เป็นของตัวเอง โดยกล้องรุ่นนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Sony คว้าแชมป์อันดับ 1 ยอดขายกล้อง Mirrorless จากสถิติครึ่งปีแรกของ 2023 ในญี่ปุ่นมาได้สำเร็จ
2. อีกหนึ่งการตอบสนองต่อ disruption คือ การลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพและเทคโนโลยีใหม่ เช่น Cogitai ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI ปัญญาประดิษฐ์ Sony ได้ดึงผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกมาช่วยงาน พร้อมกับการเปิดยูนิตธุรกิจใหม่อย่าง Sony Startup Acceleration Program (SSAP) จุดประสงคของโปรแกรมนี้คือการใช้ความรู้ความสามารถเชิงธุรกิจของ Sony ที่สะสมมาเป็นเวลานาน เพื่อเป็นพี่เลี้ยงให้กับผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่มีความฝันอยากผลักดันไอเดียให้ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่ก่อตั้งมาปี 2014 โครงการนี้ได้ช่วยผลักดันสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดได้มากมาย
3. Sony ยังพัฒนาแพลตฟอร์มสตรีมมิงออนไลน์อัจฉริยะ คือ PlayStation Network ซึ่งรวมระบบการสตรีมมิงเกม รายการทีวี และเนื้อหาความบันเทิงอื่น ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้ในยุคดิจิทัล นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่สามารถเอาชนะ Business Disruption และต่อยอดผลิตภัณฑ์มาได้จนถึงปัจจุบัน
ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างบางส่วนของ Sony ที่รับมือต่อสถานการณ์ Business Disruption ที่เกิดขึ้นในยุคที่มีความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้เล่นขนาดใหญ่อย่าง Sony ก็จำเป็นต้องปรับตัว เพื่อคงความได้เปรียบในอุตสาหกรรมที่ทำอยู่
Guideline เพื่อการเอาตัวรอดในยุคที่มี Business Disruption ตลอดเวลา
ในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วย Business Disruption การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีโอกาสเพิ่มความเร็วมากขึ้นด้วย ดังนั้น ฐานะเจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการควรจะมีแนวทางการรับมือกับ Business Disruption ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า disruption คืออะไร และวิธีการเตรียมตัวรับมือกับมันอย่างมีประสิทธิภาพ
1. Outsource การจ้างผู้เชี่ยวชาญภายนอกเพื่อช่วยพัฒนาเทคโนโลยีให้กับบริษัท เป็นวิธีที่ดีในการรับมือกับในการรับมือกับ Business Disruption ที่อาจจะเกิดกับเราได้ทุกเมื่อ โดยสาเหตุที่ควรให้จ้างผู้เชี่ยวชาญภายนอก เป็นเพราะว่าบริษัทส่วนใหญ่จะยึดติดกับความสำเร็จในอดีต และไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอะไรที่ดูเสี่ยงจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้พลาดโอกาสในการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ให้กับบริษัท
2. การพัฒนาและนำเทคโนโลยี IT มาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงอย่าง Business Disruption ที่เกิดขึ้นรวดเร็วของเทคโนโลยี เช่น
การนำ Big Data, AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของบริษัท ซึ่งการเปิดรับเอาเทคโนโลยีเหล่านี้ จะทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่นต่อ Business Disruption ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
3. พยายามค้นหาตลาดใหม่ ๆ โดยใช้ความรู้ที่มีอยู่ขององค์กร เช่น บริษัท Sony ที่ใช้ความรูhด้านการพัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างไอเดียใหม่ และพัฒนาให้กลายเป็นสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ จนเกิดเป็น Sony Startup Accelaration Program (SSAP) การค้นหาตลาดใหม่ โดยใช้ความรู้ที่มีอยู่เดิมนั้น จะช่วยลดต้นทุนต่ำและสามารถทำได้โดยการ Brainstorm จากพนักงานในบริษัทที่ใกล้ชิดกับลูกค้า ซึ่งเข้าใจความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ Business Disruption คืออะไร และมีวิธีการรับมือกับ Business Disruption อย่างมีประสิทธิภาพ การเตรียมตัวรับมือกับ Disruption ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณปรับตัวได้เร็วแล้ว แต่ยังช่วยสร้างเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจได้ด้วย