“การทำแผนธุรกิจเท่ากับว่าก้าวเดินไปถึงเส้นชัยครึ่งทางแล้ว”
ประโยคที่ว่า “การทำแผนธุรกิจเท่ากับว่าก้าวเดินไปถึงเส้นชัยครึ่งทางแล้ว” ฟังดูแล้วบางคนอาจจะคิดว่าเกินจริงไปบ้าง แต่ถ้าย้อนไปศึกษาความสำเร็จของนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงของโลก คนกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่มีแผนธุรกิจกันทั้งนั้น บางรายอาจจะเขียนไว้อย่างเป็นระบบชัดเจนให้ผู้คนสัมผัสได้ ขณะที่บางคนมีอยู่ในสมองไม่ได้จดเป็นลายลักษณ์อักษร
ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องน่าสงสัยอะไรเลยที่ผู้ประกอบการหน้าเก่าหน้าใหม่ทั้งหลายล้วนให้ความสำคัญกับการทำแผนธุรกิจกันอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้ประกอบการ บรรดาซัพพลายเชน หรือกระทั่งลูกค้าเองก็ตาม
ทำไมถึงต้องทำแผนธุรกิจ? เป็นประโยคคำถามสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจ หรือผู้ประกอบการ บางส่วนอาจไม่เข้าใจว่ามีผลดีต่อธุรกิจมากน้อยแค่ไหน
ในโลกทุกวันนี้ซึ่งผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยจำเป็นต้องพึ่งพาสถาบันการเงินในการเริ่มต้นทำธุรกิจ หรือกระทั่งขยายกิจการที่ทำอยู่ เมื่อไปติดต่อขอวงเงินสินเชื่อกับทางธนาคาร ก่อนที่ทางธนาคารจะอนุมัติหรือไม่นั้น จะต้องขอดูแผนธุรกิจเพื่อประเมินให้แน่ใจว่าเงินที่กู้ไปเกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด ซึ่งในแผนธุรกิจจะมีข้อมูลค่อนข้างรอบด้านของธุรกิจ มีเป้าหมาย มีแผนการดำเนินงานทั้งทางด้านการผลิตและการตลาด ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงในอนาคต พร้อมกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อทำให้กิจการมีผลกำไรสูงสุด รวมถึงการวิเคราะห์คู่แข่งด้วย และปัจจัยต่าง ๆ ที่จะมีผลกระทบต่อธุรกิจ ซึ่งจะต้องมีแผนรองรับไว้เสร็จสรรพ
ที่องค์กรจะต้องก้าวไปสู่จุดนั้นอย่างมีเป้าหมายชัดเจน มีแผนมีโครงการจะทำอะไรก่อน-หลัง และถ้าเกิดเหตุหรือมีปัญหาอุปสรรคอะไรขึ้นก็สามารถแก้ได้ทันท่วงที เพราะมีการคาดการณ์และเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า
สรุปแล้วการทำแผนธุรกิจเป็นสิ่งจำเป็นในการทำธุรกิจยุคนี้ ซึ่งแม้จะเป็นธุรกิจที่ก่อตั้งมานานจนผลประกอบการไปได้ดีและองค์กรมีความเข้มแข็งแล้วก็ตามก็ควรจะต้องมีแผนธุรกิจ
หากเป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งด้วยแล้ว ยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นไปอีก เพราะนอกจากจะทำให้ผู้ประกอบการเข้าใจและเห็นภาพรวมของธุรกิจตัวเองได้อย่างรอบด้านและลึกซึ้งแล้ว ยังมองไปถึงกิจการของคู่แข่งด้วย ที่สำคัญยังสามารถตั้งรับกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรู้เท่าทัน รวมถึงสะดวกต่อการยื่นขอวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงิน