สำหรับวัยทำงานในแต่ละวันเราใช้
ร่างกายในการทำกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดวัน หรือประชุมตลอดเวลาไม่มีเวลาให้
พักผ่อน ส่งผลต่อร่างกายให้เกิดความอ่อนล้า เครียดสะสม ไม่มีเวลา
ออกกำลังกายหรือทานอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ร่างกายของเราเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น และหากใครที่เริ่มมีอายุมากขึ้น แล้วยังมีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตแบบนี้ คงจะไม่ดีนัก คงถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องบำรุงตัวเองด้วย “วิตามินเสริม” เพื่อดูแลร่างกายให้หายโทรม จะต้องกินวิตามินอาหารเสริมอะไรดี ให้เหมาะสมกับวัยทำงานในยุคนี้ ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับวิตามินแต่ละชนิดที่เหมาะกับตัวเรา มาเข้าใจเรื่องวิตามินเสริมก่อนเลย
วิตามินอาหารเสริม คือ อาหารที่มีไว้ทานเสริมจากอาหารมื้อหลัก เพื่อทดแทนสารอาหารบางชนิดที่ขาดหายไปในร่างกาย ให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างครบถ้วน จริงอยู่การรับประทานผักผลไม้ ก็ได้วิตามินเหมือนกัน แต่การจะได้วิตามินที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันอาจต้องทานผักผลไม้จำนวนมาก เราคงไม่อาจทานผักผลไม้ได้ครบทุกชนิด แต่วิตามินอาหารเสริมสามารถทดแทนสารอาหารในตรงนี้ได้เพียงทานวิตามินเสริมไม่กี่เม็ดร่างกายก็ได้รับสารอาหารครบถ้วน แต่ต้องเน้นย้ำเสมอว่าวิตามินอาหารเสริม ≠ อาหารจานหลัก ดังนั้นจึงไม่สามารถทานวิตามินอาหารเสริมเพียงอย่างเดียวได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดกับร่างกายควรรับประทานมื้อหลัก และเสริมด้วยวิตามินที่ขาดหายไปให้ครบถ้วน ถึงแม้วิตามินอาหารเสริมจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังเป็นเพียงอาหารชนิดหนึ่ง ไม่สามารถรักษาโรคได้เหมือนยา แต่ทานเพื่อบำรุงร่างกายเท่านั้น
เมื่อเราเข้าใจความหมายของวิตามินอาหารเสริมกันแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าจะมีวิตามินอาหารเสริมอะไรบ้างที่เหมาะกับคนวัยทำงาน ห้ามพลาดเลย!
1. วิตามิน A ช่วยบำรุงสายตา จากการจ้องจอตลอดวัน
สำหรับคนทำงานที่ต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนตลอดวัน คงหนีไม่พ้นต้องเพ่งสายตา จนดวงตาเมื่อยล้า ตาแห้ง ตาแดง หรือแสบตาเป็นประจำ ควรบำรุงด้วยวิตามินเอ เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นให้ดีขึ้น และยังช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคต้อกระจก หรือโรคกระจกตาเสื่อม เราสามารถทานวิตามินเอ เสริมภูมิร่างกายได้จากอาหารประเภทผักสีส้ม สีเหลือง และเนื้อสัตว์ อย่างเช่น แครอท, ฟักทอง, น้ำมันปลา หรือจะเสริมภูมิด้วยวิตามินแบบเม็ด ที่มีขายทั่วไปตามร้านขายยา ก็ช่วยได้อีกทางหนึ่ง แต่ก่อนรับประทานวิตามินเอแบบเม็ดทุกครั้ง ควรปรึกษาเภสัชกรให้ละเอียด เพราะวิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน อาจต้องกินแล้วพักตามคำแนะนำของเภสัชกร เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเอง
2. วิตามิน B เปลี่ยนสมองล้า จากงานหนักให้สดชื่น
หากใครมีปัญหาคิดงานไม่ออก รู้สึกสมองไม่ค่อยปลอดโปร่ง หลงลืมเรื่องต่าง ๆ ในชีวิต นี่อาจเป็นสัญญาณของร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน ลอง
บำรุงสมองให้กลับมาสดชื่นด้วยวิตามินบี ที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของร่างกาย ช่วยบำรุงสมองให้กลับมาสดชื่นอย่างเก่า โดยเราสามารถหาวิตามินบีได้จากผลไม้ หรือธัญพืช เช่น กล้วยหอม, ถั่วลิสง และอัลมอนด์ เป็นต้น หรือจะเสริมด้วยวิตามินบีรวมชนิดเม็ด แต่สุดท้ายหากสมองเหนื่อยล้าจากการทำงานนอกจากกินอาหารเสริม การดูแลตัวเอง ทั้งการ
พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง หากทำได้ก็จะช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้เหมือนกัน
3. วิตามิน C ฟื้นฟูร่างกายที่เหนื่อยล้า ให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย
อากาศเปลี่ยนแปลง นอนหลับไม่เพียงพอ แถมยังมีการแพร่กระจายของโรคระบาด วิตามินซีคือตัวช่วยที่ไม่ควรมองข้าม เพราะถ้า
ร่างกายได้รับวิตามินซีอย่างพอดี จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เราสามารถหาวิตามินซีมาบำรุงร่างกายได้ง่าย ๆ ทั้งจากในผักผลไม้อย่างเช่น ส้ม, แอปเปิล, มะละกอ, กะหล่ำปลี หรือผักโขม เพราะร่างกายของเราควรได้รับวิตามินซีในแต่ละวันอยู่ที่ 1,000 มิลลิกรัม หรือจะทานวิตามินซีแบบเม็ด ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใครหลายคนนิยมทานเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินที่เหมาะสมควรทานวิตามินแบบเม็ดควบคู่กับผักผลไม้ ในมื้ออาหาร ก็ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้แล้ว
4. วิตามิน D ช่วยลดการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ จากโรคออฟฟิศซินโดรม
นั่งทำงานระหว่างวันก็ปวดตามร่างกาย ไม่ว่าจะทำอะไรก็เจ็บไปทั้งตัว หนึ่งในปัญหาของคนทำงานก็คือ
โรคออฟฟิศซินโดรม เพราะวิถีชีวิตเราต้องทำงานตลอดทั้งวัน ไม่ค่อยได้ขยับเปลี่ยนท่าทางมากนัก หากปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ ลองบำรุงตัวเองด้วยวิตามินดี ที่ได้จากเนื้อปลา, ไข่ต้ม, อะโวคาโด หรือนม นอกจากสารอาหารจะไปช่วยลดอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ จากการหักโหมใช้ร่างกายจากการทำงาน ยังช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงในวันที่อายุเริ่มมากขึ้น หรืออาจทานวิตามินดีแบบเม็ดเสริมให้ร่างกายอีกทางหนึ่ง นอกจากการรับประทานอาหารและวิตามินเสริม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระหว่างทำงาน เช่น การเปลี่ยนท่าการทำงานทุก ๆ 20 นาที หรือการออกกำลังกายเบา ๆ หลังเลิกงานเป็นประจำ ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคออฟฟิศซินโดรมเช่นกัน
5. โอเมก้า-3 เสริมสร้างความจำ ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน
ทำงานทั้งวัน ต้องใช้สมองในการจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ว่าจะคิดงาน หรือประชุม พฤติกรรมการทำงานที่หนักหน่วงแบบนี้ ส่งผลให้ร่างกายทรุดโทรม มาทำให้
ร่างกายกลับมาแข็งแรงได้ไม่ยาก ด้วยการบำรุงร่างกายด้วยโอเมก้า-3 ที่เราจะได้จากการทานอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือปลาซาร์ดีน เป็นต้น เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบประสาท ลดอาการอัลไซเมอร์ ช่วยลดความเมื่อยล้าจากการทำงานระหว่างวัน นอกจากรับประทานอาหาร ยังมีอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มโอเมก้า-3 ให้กับร่างกายคือการทานน้ำมันปลาในแบบแคปซูล ก็ช่วยให้ได้รับโอเมก้า-3 ในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน
ถึงแม้เราจะใส่ใจร่างกายมากแค่ไหน ทานของดีอย่างไร ร่างกายก็มีโอกาสที่จะเจ็บป่วย แต่การมีตัวช่วยดี ๆ นอกเหนือจากอาหารเสริม ก็ควรมีประกันสุขภาพติดตัวเอาไว้บ้าง อย่างเช่น
ประกันสุขภาพตามใจ มีแผนการคุ้มครอง 3 แบบปรับได้ตามใจ จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้รักษาพยาบาลได้สูงสุด 10,000,000 บาทต่อปี ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในชีวิต ก็ช่วยสร้างความมั่นใจว่าป่วยขึ้นมา ก็ไม่ต้องห่วง เพราะมนุษย์เงินเดือนที่ใช้ร่างกาย ใช้สมองในการหาเงิน หากล้มขึ้นมา จะได้ไม่ลำบากนั่นเอง