ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีความผันผวนเกิดขึ้นมากมายในโลกของการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น
ภาวะเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงตลาดหุ้น และตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่ร่วงลงอย่างหนัก ผมคิดว่าคงมีนักลงทุนหลายคนที่เจ็บหนักจากการลงทุนในปีนี้
แต่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองเป็นเรื่องดี แต่จะดีกว่ามากถ้าเราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของคนอื่น” วันนี้ผมจึงอยากรวบรวมคำแนะนำจากผู้เป็นต้นแบบในการลงทุนสำหรับใครหลาย ๆ คนอย่าง Warren Buffett มาฝากทุกคน เพื่อให้เรียนรู้ ทำความเข้าใจ และนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับตนเองกันครับ
1. ลงทุนในสิ่งที่รู้
ก่อนอื่นต้องบอกอย่างนี้ว่า ในโลกของการลงทุนเราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้ แต่สิ่งที่ Warren Buffett เตือนนักลงทุนเสมอมาคือ “อย่าลงทุนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ” โดยเขาเล่าว่าตัวเขาเองก่อนที่จะลงทุนในหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เขาต้องทำความเข้าใจก่อนว่าบริษัทนั้นจะทำเงินได้อย่างไร และหากบริษัทไหนซับซ้อนเกินกว่าที่จะเข้าใจได้เขาก็เลือกที่จะไม่ลงทุนในบริษัทนั้น
ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย ๆ นะครับ เพราะแน่นอนว่าการลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่รู้แล้วลงทุนมีความเสี่ยงยิ่งกว่าเสียอีก หากเราลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้ไป สิ่งที่ได้กลับคืนมาก็อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย และเกิดความผิดพลาดได้ง่าย ๆ นั่นเอง
2. ลงทุนในตัวเอง
เราต่างก็รู้กันดีว่า Warren Buffett ถือเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ ในเรื่องการลงทุน ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนจะต้องสงสัยว่า ลงทุนอย่างไรให้รวย? Warren Buffett ก็ได้ตอบคำถามนี้แล้วว่า “การลงทุนที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือ การลงทุนในตัวคุณเอง”
ซึ่งการลงทุนในที่นี้ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียวนะครับ แต่ยังหมายถึงการพัฒนาทักษะ ไปจนถึงการดูแลสุขภาพกาย และใจ เพราะการพัฒนาทักษะจะสามารถเพิ่มมูลค่าของเราได้เป็นอย่างมาก ยิ่งรู้มาก ก็ยิ่งมีรายได้มาก
3. เมื่อซื้อหุ้นต้องวางแผนว่าจะถือในระยะยาว
ก่อนอื่นอยากชวนทุกคนมาตั้งคำถามว่า หากวางแผนที่จะ
ลงทุนในหุ้นแต่ละตัว ควรพิจารณาจากปัจจัยใด? แน่นอนว่าบางคนอาจจะเลือกหุ้นเด่น หุ้นดัง หรือเลือกบริษัทที่มีผลประกอบการดี ณ ขณะนี้ แต่สิ่งที่ Warren Buffett แนะนำคือ การให้พิจารณาว่าธุรกิจใดกำลังมีอำนาจอยู่แทน
“ไม่มีใครซื้อฟาร์มโดยคาดหวังว่าฝนจะตกในปีหน้า แต่เขาซื้อเพราะคิดว่าเป็นการลงทุนที่ดีหากมองในระยะเวลา 10 หรือ 20 ปี” Warren Buffett กล่าว
ผมขออธิบายง่าย ๆ คือ Warren Buffett ตัดสินใจว่าบริษัทใดควรค่าแก่การลงทุนผ่านการพิจารณาว่า “สิ่งนั้นจะยั่งยืนหรือไม่” ซึ่งจะเห็นได้จากการที่เขาซื้อ See's Candies กับ Charlie Munger เป็นหุ้นส่วนที่รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 1972 อีกทั้งยังใช้เงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในการซื้อหุ้น Coca-Cola ในปี 1988 ด้วย และแน่นอนว่าในปัจจุบันเขายังคงถือหุ้นทั้งสองอย่างนี้อยู่
Warren Buffett เลยให้คำแนะนำสำหรับนักลงทุนไว้แบบนี้ครับ “ถ้าคุณไม่ได้คิดจะถือหุ้นในมือไป 10 ปี ก็อย่าคิดที่จะถือมันแม้แต่ 10 นาที” ดังนั้นหากต้องการจะลงทุนอะไร ให้คิดภาพว่าเราจะถือสิ่งนี้ในระยะยาว เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปจะดีกว่า
4. อย่ากระจายความเสี่ยงมากจนเกินไป
ผมเชื่อว่านักลงทุนรายย่อยหลายคนให้ความสำคัญกับ
การกระจายความเสี่ยง (Diversification) โดยบางคนอาจจะถือหุ้นประมาณ 20 ถึง 60 ตัว กระจายกันไปในหลายอุตสาหกรรม แต่ในทางกลับกัน Warren Buffett กลับบอกว่าการกระจายความเสี่ยงมากเกินไป มันแสดงให้เห็นว่าคนที่ลงทุนนั้นไม่ได้ศึกษาการลงทุนของตัวเองให้ดี
ซึ่งเมื่อสังเกตการลงทุนของ Warren Buffett แล้วจะเห็นว่า ปัจจุบันเขาถือหุ้นกว่า 40 ตัว แต่เมื่อมองลึกลงไปแล้ว บริษัท Berkshire Hathaway ถือหุ้น Apple เพียงอย่างเดียวก็สูงถึง 40% ของพอร์ตหุ้นทั้งหมดแล้วครับ
นั่นหมายความว่า Warren Buffett ยังมีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากจนเกินไป ผมจึงอยากแนะนำให้ทุกคนลองถามตัวเองดูว่า “ตอนนี้ถือหุ้นอยู่กี่ตัว?” หากมากกว่า 60 คงถึงเวลาที่จะพิจารณาเรื่องการลดพอร์ตลงเพื่อหันมาเน้นการถือครองหุ้นที่มีคุณภาพแทนจะดีกว่า
5. อย่าหวั่นไหวกับข่าวและความผันผวนระยะสั้น
แน่นอนว่าเมื่ออยู่ในโลกของการลงทุน เราจะต้องเจอกับความตึงเครียดของตลาดที่อาจเข้ามากดดัน แต่อยากให้ทุกคนอย่าเพิ่งตื่นตกใจ และขายกองทุนหรือหุ้นไปเพียงเพราะข่าวล่าสุดที่เข้ามานะครับ
เพราะเราจะเห็นกันอยู่ว่าตลาดมีความผันผวนตลอดเวลา ข่าวการเงิน และเศรษฐกิจก็มีเข้ามาทุกวัน หากเราตัดสินใจอะไรลงไปในช่วงนี้อาจเป็นการตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาดได้ ดังนั้น ผมจึงอยากแนะนำให้อยู่ในแนวทางที่ตั้งไว้แต่แรก และเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราได้ลงทุนในบริษัทที่ดีแล้ว เราจะต้องฝึกที่จะเพิกเฉยต่อความกลัวของคนอื่น
โดยสิ่งที่สามารถทำได้ง่าย ๆ คือ “อย่าติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดเกินไป” ตามที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ในปี 2016 ช่วงที่ตลาดเกิดความผันผวนอย่างหนัก ตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่สามารถคาดเดาได้ยาก ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องเลือกบริโภคข่าวสารให้ดี
6. การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย
บางคนอาจเข้าใจผิดว่า ผู้ที่จะสามารถเลือกหุ้นได้อย่างประสบความสำเร็จคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การมีความรู้ดิบ ๆ เยอะ ไม่ได้หมายความว่าจะลงทุนแล้วประสบความสำเร็จ เพราะอย่างที่ Warren Buffett เคยบอกไว้นั่นเองว่า “การลงทุนไม่ใช่เกมที่คนที่มีไอคิว 160 จะสามารถเอาชนะคนที่มีไอคิว 130 ได้”
แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นคนเก่งขนาดนั้น แต่เราก็สามารถทำตามปรัชญาการลงทุนของ Warren Buffett ได้ แต่สิ่งที่ยากคือการเอาชนะตลาดมากกว่า นอกจากนี้ ผมยังเชื่อมาเสมอว่าการลงทุนนั้นไม่มีสูตรสำเร็จ ฉะนั้นอย่าหลงเชื่อใครก็ตามที่อ้างถึงโมเดลการลงทุนที่คนอื่นสร้างขึ้นจะดีกว่าครับ
7. รู้ความแตกต่างระหว่าง “ราคา” กับ “คุณค่า”
“ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย คุณค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ” เป็นอีกหนึ่งคำพูดจาก Warren Buffett ที่กินใจใครหลาย ๆ คน โดยเขาต้องการสื่อว่า ราคาหุ้นเป็นสิ่งที่วิ่งขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่แล้ว แต่นักลงทุนชอบจับตามองราคาขึ้นลงนี้ว่าตัวเอง “ได้” หรือ “เสีย”
ซึ่งในบางครั้งเมื่อเห็นว่าท่าทีไม่ดี บางคนก็จะรีบขายทันที โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของธุรกิจ และศักยภาพในการสร้างรายได้ในระยะยาว พูดง่าย ๆ คือ นักลงทุนบางคนรู้ราคาของทุกสิ่ง แต่ไม่เคยรู้คุณค่าของสิ่งใดเลย
แม้ว่าราคาหุ้นจะผันผวนไปตามอารมณ์ของนักลงทุน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ากระแสเงินสดของบริษัทในอนาคตจะเปลี่ยนไป นักลงทุนจึงต้องแยกความแตกต่างระหว่างราคา และมูลค่าให้ออก โดยการโฟกัสไปที่บริษัทคุณภาพสูงที่ซื้อขายในราคาที่เหมาะสมที่สุดในปัจจุบัน
8. จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว จงกลัวในยามที่คนอื่นโลภ
“จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว จงกลัวในยามที่คนอื่นโลภ” หลายคนคงคุ้นหูดีกับคำพูดนี้ของ Warren Buffett และก็อาจจะสงสัยว่า ทำไมนักลงทุนควรกลัวเมื่อคนอื่นโลภ?
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า เพราะโดยปกติแล้วนักลงทุนส่วนใหญ่ขับเคลื่อนการลงทุนด้วย “อารมณ์” ครับ เช่น ความกลัวและความโลภ หากราคาในตลาดเพิ่มขึ้น คนก็เริ่มมีความโลภในการซื้อ และเสนอขายสูงขึ้นตาม เพราะคาดหวังว่าจะได้ผลตอบแทน และผลกำไรที่มากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ภาวะฟองสบู่แตกได้
Warren Buffett จึงมองว่า ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การซื้อหุ้นมากที่สุดคือช่วงที่ทุกคนกำลังเทขาย เพราะจะทำให้ได้หุ้นราคาถูก ส่วนในช่วงที่คนกำลังแห่เข้ามาซื้อหุ้นเป็นช่วงที่เหมาะแก่การขายหุ้นมากที่สุด เพราะจะทำให้ขายได้ในราคาแพงนั่นเอง
9. กองทุนดัชนีเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุน
เมื่อพูดถึงการลงทุนแล้ว เราต่างก็รู้กันดีว่าในโลกนี้ไม่มีการค้ำประกันใด ๆ เหมือนกับการนำเงินไปฝากธนาคาร Warren Buffet จึงเน้นย้ำเสมอนะครับว่า ให้นำเงินไป
ลงทุนในกองทุนดัชนี (Index Fund) ที่รวมหุ้นเด่น ๆ ไว้
โดย Warren Buffett เคยพูดถึงเรื่องนี้ผ่านจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway ไว้ว่า หากเขาจากโลกนี้ไปเขาจะมอบหุ้น Berkshire Hathaway ให้กับองค์กรการกุศล และสิ่งที่เขาแนะนำให้ผู้จัดการมรดกบริหารจัดการทรัพย์สินเพื่อภรรยาของเขาคือ “ให้นำเงิน 10% ไปลงไว้ในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น และอีก 90% ให้ลงใน S&P 500 Index Fund ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ”
ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ Warren Buffett แนะนำเช่นนี้มีด้วยกัน 2 อย่าง คือ กองทุนดัชนีมีความหลากหลาย มูลค่าของพอร์ตการลงทุนจะไม่สัมพันธ์กับบริษัทใดมากเกินไป ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงไปในตัว อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่ากองทุนเพื่อการลงทุนประเภทอื่น ๆ อีกด้วย
ดังนั้น เป็นไปได้ว่าการลงทุนในกองทุนดัชนีอาจเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่นักลงทุนควรเก็บไปพิจารณา เพราะในระยะยาวแล้วการลงทุนเช่นนี้ จะให้ผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูง ๆ ให้กับผู้จัดการกองทุน
10. ฟังเฉพาะคนที่ไว้ใจได้
ขอเล่าย้อนกลับไปถึงจดหมายและการสัมภาษณ์ถึงผู้ถือหุ้นของ Warren Buffett ในหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าเขาได้เน้นย้ำเสมอว่าการลงทุนในทีมผู้บริหารที่เก่งและมีความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ Warren Buffett จึงมีความระมัดระวังอย่างมากในการเลือกหุ้นส่วนทางธุรกิจ รวมถึงผู้จัดการของตัวเขาเอง เพราะการกระทำของบุคคลเหล่านี้ล้วนจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในอีกหลายปีข้างหน้า
แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้มีทักษะในการลงทุนเทียบเท่ากับ Warren Buffett แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะต้องฟังใครเมื่อต้องเลือกการลงทุน และจัดพอร์ตการลงทุนของเรา เพราะโลกการเงินเต็มไปด้วยคนหลากหลายรูปแบบ มีทั้งดีและร้าย ฉะนั้นจึงต้องเลือกฟังเฉพาะคนรู้จักหรือคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนลงนั่นเอง
ในท้ายที่สุดนี้ ผมเชื่อว่า 10 คำแนะนำจาก Warren Buffett นี้จะช่วยให้เราลงทุนได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น หากใครไม่อยากพลาดติดกับดักในการลงทุน ก็อยากให้ลองนำคำแนะนำเหล่านี้ไปค่อย ๆ ปรับใช้ดูนะครับ
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็จงจำไว้เสมอว่า การลงทุนจะประสบความสำเร็จได้ต้องใช้เวลา วินัย และความอดทน