แม้ความผิดพลาดจะนำความเสียใจและความผิดหวังมาสู่ความรู้สึกของเรา แต่หากเราก้าวข้ามความรู้สึกเหล่านั้นไปได้ เราจะได้บทเรียนและแง่คิดที่ดีในชีวิตคืนมาเสมอ ซึ่งบทเรียนดี ๆ จากความผิดพลาดเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ หากแต่เป็นเรื่องธรรมดา ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา แต่กลับถูกมองข้าม จนเราพลาดโอกาสดี ๆ ไป อย่างคาดไม่ถึง เหตุนี้เราจึงขอยก 10 บทเรียนดี ๆ จากข้อผิดพลาดที่เราไม่ควรพลาดที่จะเรียนรู้ไปด้วยกัน...
1. การตื่นสาย คือ การขาดทุน
หลายคนอาจมองว่าการตื่นสายเป็นเรื่องปกติ แต่การตื่นช้ากว่าคนอื่น ๆ ทำให้เรามีเวลาที่จะวางแผนต่อการกำหนดเป้าหมายของวันลดลง ซึ่งคล้ายกับ CEO ระดับโลกหลายคน ที่แม้จะมีภาระมากมายทั้งการประชุม และการตัดสินใจต่อเรื่องใหญ่ ๆ แต่พวกเขาก็บริหารจัดการได้เป็นอย่างดี เพียงแค่บริหารเวลาด้วยการตื่นเช้ามาออกกำลังกาย ดื่มกาแฟ ติดตามข่าวสาร และตั้งเป้าหมายที่จะทำ การตื่นเช้าจึงเป็นการลงทุนที่ให้ผลกำไรที่ดีที่สุดในยุคที่เต็มไปด้วยความรวดเร็ว
2. สื่อสิ่งพิมพ์ยังไม่ Out
แม้เราจะอยู่ในยุค Internet of Thing แต่การปฏิเสธโลกออฟไลน์ไปเสียทั้งหมดก็คงเป็นการตัดสินใจที่เร็วเกินไป โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ที่คนรุ่นใหม่อาจมองว่าเป็นสิ่งไม่จำเป็น แต่สิ่งหนึ่งที่สื่อสิ่งพิมพ์มอบความแตกต่างและยังอยู่ได้นั้น คือ การคิดวิเคราะห์เนื้อหาจากคอลัมนิสต์ที่ทำได้ลึกซึ้งและแตกต่างจากเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตที่ปราศจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง นั่นคือสิ่งที่ทำให้เรามีความคิดที่แตกต่างจากการอ่านเพื่อการรับรู้จากคนทั่วไป
3. การเดินทาง คือ บทเรียนที่ไม่มีสอน
เราอาจหาความรู้มากมายจากการอ่านได้ แต่ในแง่ของประสบการณ์แล้ว การเดินทาง คือ คำตอบที่จะเพิ่มมุมมอง ความรู้ และข้อระมัดระวังใหม่ ๆ ให้แก่ชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนวัยหนุ่มสาวที่มีเวลาและพละกำลังที่คนวัยอื่น ๆ ไม่มี คือ ต้นทุนที่สำคัญต่อการสร้างความได้เปรียบที่จะออกไปเผชิญโลก เพื่อเรียนรู้บทเรียนใหม่ ๆ ที่ในห้องเรียนไม่มีสอน
4. โมโหง่าย เสียเวลามาก
การควบคุมอารมณ์เป็นปัญหาสำหรับคนยุคใหม่ที่อยู่กับสิ่งเร้าอย่างเทคโนโลยีซึ่งคอยกระตุ้นตลอดเวลา ซึ่งการโมโหสามารถเกิดขึ้นได้ภายใน 1 นาที แต่กว่าอารมณ์โมโหจะหมดลงต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ เราควรเอาเวลาที่จะมานั่งโมโหไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์อีกมากมายดีกว่า
5. ไร้แผนการเงิน ไร้โอกาสชัยชนะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราอยู่ในยุคทุนนิยมที่มีสื่อกลางอย่าง ‘เงิน’ เป็นตัวแปรสำคัญแถมยังเป็นดัชนีชี้ถึงความมั่งคั่งของชีวิต เงินจึงเป็นสิ่งที่เราต้องการหามันมาใช้จ่ายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น แต่การหามาได้ก็ย่อมต้องวางแผนการใช้จ่ายและการออมเพื่อตัวเราและคนเคียงข้างในอนาคต เพื่อนำไปใช้ต่อยอดด้วยการลงทุนสร้างกิจการเล็ก ๆ หรือซื้อกองทุนเพื่อให้เงินทำงานควบคู่กับเวลาที่เดินอยู่ทุกนาที แค่นี้เราก็เพิ่มโอกาสให้แก่ชีวิตขึ้นมาได้บ้าง
เราสามารถบริหารรายได้รายจ่ายให้ดีเพื่ออนาคตข้างหน้า เช่น ทำบัญชี ออมเงิน (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้
ที่นี่)
6. ภาษาต่างประเทศ คือ วีซ่าของชีวิต
ถึงแม้จะบอกว่าการใช้ภาษาต่างประเทศจะสร้างความรู้สึกเขินอายและไม่มั่นใจทุกครั้งเมื่อพูดภาษาต่างประเทศผิด ๆ ถูก ๆ กับเจ้าของภาษาก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าการใช้ความกล้ามาริเริ่มฝึกฝนในวันนี้ จะส่งผลดีต่อวันข้างหน้าแน่นอน เพราะภาษาต่างประเทศจะเป็นใบเบิกทางให้ชีวิตได้พบเจออะไรใหม่ ๆ มากขึ้น
7. ไม่จดบันทึก คือ การหลงลืมอดีต
การไม่จดบันทึก คือ จุดเริ่มต้นของการหลงลืมรายละเอียดต่าง ๆ ในชีวิตที่สำคัญ โดยเฉพาะการบันทึกค่าใช้จ่าย แม้วันนี้อาจจะมองไม่เห็นความสำคัญ แต่หากเราต้องการตรวจสอบรายจ่ายที่หายไป การบันทึกค่าใช้จ่ายจะทำให้เรามองเห็นรายละเอียดและภาพรวมของพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ต้องปรับปรุงและแก้ไขก่อนที่จะสายเกินแก้
8. การสอบตก คือ การเรียนรู้ความผิดหวัง
การสอบตกหรือสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้นั้น แม้จะสร้างความผิดหวังให้แก่เรา แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง คือ การเปิดโอกาสให้เรามีอิสระที่จะเลือกเรียนคณะที่ชอบ ซึ่งความผิดหวังในอดีตจะช่วยเติมประสบการณ์ทางความรู้สึกให้เราสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรือความผิดหวังที่เกิดขึ้นในบางช่วงของชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง
9. สุขภาพทรุด ทรัพย์สินแย่
ร่างกาย คือ ส่วนประกอบที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนความฝันให้เป็นจริง หากร่างกายป่วยไข้ขึ้นมา เราคงได้นอนซมอยู่บนที่นอนอย่างเดียวแน่ ๆ นอกจากจะเสียเวลารักษาแล้ว ยังเสียทรัพย์สินที่สะสมมาควบคู่ไปด้วย การดูแลสุขภาพจึงเป็นแนวทางที่เราต้องหมั่นใส่ใจดูแลทั้งการกิน การนอน และการขยับตัว ให้เกิดความสมดุลไปด้วยกัน
10. การเห็นแก่ตัว คือ การปิดโอกาส
การเห็นแก่ตัวบ่อย ๆ จะทำให้คุณมองไม่เห็นโอกาสและแนวทางของชีวิตที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า เพราะมัวแต่คำนึงถึงความต้องการของตัวเองมากเกินไป และทำให้ชีวิตไม่รู้จักคำว่า 'การให้' อย่างแท้จริง ซึ่งความจริงแล้วการเป็นผู้ให้ คือ จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้รับโอกาสและสิ่งดี ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตอีกมากมาย