กองทุน Thai ESG ซื้อก่อนคุ้มกว่า ไม่ต้องรอปลายปี
รอบรู้เรื่องภาษี
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

กองทุน Thai ESG ซื้อก่อนคุ้มกว่า ไม่ต้องรอปลายปี

icon-access-time Posted On 22 กรกฎาคม 2567
By Krungsri The COACH
นับตั้งแต่ปลายปี 2566 จนถึงวันนี้ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thai ESG ได้กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว ควบคู่ไปกับการได้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วหลายคนมักจะรอซื้อกองทุนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในช่วงปลายปี แต่รู้หรือไม่ว่า การลงทุนกองทุน Thai ESG ในระหว่างปีนั้นมีความคุ้มค่ามากกว่าที่คิด วันนี้ Krungsri The COACH จะชวนคุณมาดูว่าการลงทุนกองทุน Thai ESG ในระหว่างปีไม่ต้องรอซื้อปลายปีทีเดียวคุ้มกว่าอย่างไร พร้อมแนะนำ Thai ESG กองไหนดี กองไหนน่าลงทุนกัน

แต่ก่อนอื่น เราขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกองทุน Thai ESG ให้มากขึ้นกันก่อนอีกหน่อย

กองทุน Thai ESG คืออะไร

กองทุน Thai ESG คือ กองทุนที่รัฐบาลไทยได้หันมาส่งเสริมกลุ่มธุรกิจยั่งยืนในประเทศอย่างจริงจัง ด้วยการผลักดันและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนกับธุรกิจที่มีแนวคิด ESG หรือแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) นอกเหนือจากการสร้างผลตอบแทนทางการเงิน

โดยกองทุน Thai ESG มีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการออมเงินในระยะยาวอย่างยั่งยืน มีนโยบายลงทุนในประเทศผ่านสินทรัพย์ เช่น หุ้นหรือตราสารหนี้ ที่มีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือความยั่งยืน และต้องได้รับการรับรอง SET ESG Ratings ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่น้อยกว่า 80% ของทรัพย์สินสุทธิ (NAV) นอกจากนี้ กองทุน Thai ESG ยังสามารถเป็นตัวช่วยลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
 
การลงทุนในกองทุน thai esg

ถึงแม้ว่ากองทุน Thai ESG นี้ จะเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีน้องใหม่ของไทย แต่ก็มีข้อดีที่น่าลงทุนมากมาย ให้เราได้พิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุนในระหว่างปีนี้กัน

3 ข้อดี ของการลงทุนในกองทุน Thai ESG

1. ลดความเสี่ยงในการลงทุน

กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มมูลค่าของผู้ถือหุ้น (Shareholder Value) ได้ดีขึ้น ทำให้การลงทุนไม่ว่าจะเป็นทั้งตราสารหนี้ในลักษณะของการเป็นเจ้าหนี้ หรือตราสารทุนในลักษณะของการเป็นเจ้าของร่วมก็จะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่น้อยกว่า โดยเฉพาะเมื่อเกิดความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน และตลาดทุนขึ้น ก็จะทำให้การลงทุนในตราสารยั่งยืนเหล่านี้มีมูลค่าที่เด่นชัดมากขึ้น
 

2. ลดความเสี่ยงจากการลงทุนในบริษัทที่อาจมีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลในอนาคต

หากบริษัทปล่อยของเสียสู่อากาศ ปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ ลำคลอง ไม่ปลูกต้นไม้ ไม่ดูแลชุมชนโดยรอบบริษัท ไม่ดูแลพนักงาน ใช้แรงงานเด็ก หรือมีการติดสินบนและทุจริตคอร์รัปชัน จนถูกฟ้องร้อง ย่อมเกิดผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธุรกิจ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับความอยู่รอดและความสามารถในการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาวได้
 

3. โอกาสสร้างการเติบโตในระยะยาว

ปัจจัยด้านความยั่งยืนจะเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญไม่แพ้ปัจจัยด้านธุรกิจอื่น ๆ ที่จะเป็นตัวช่วยกำหนดทิศทางของธุรกิจ ผลประกอบการ อัตราการเติบโต รวมถึงมูลค่าของกิจการด้วย ซึ่งหากมีการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนก็มีโอกาสจะส่งผลโดยตรงต่อการสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนของบริษัทตามไปด้วย และที่สำคัญการลงทุนในกองทุน Thai ESG ยังเป็นตัวช่วยลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
 
กองทุน thai esg สามารถลดหย่อนภาษีได้
 
  • ตัวช่วยลดหย่อนภาษี นักลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีระหว่างปี เมื่อลงทุนใน Thai ESG ตั้งแต่วันที่วันที่ 1 ม.ค. 67 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 69 ได้ 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท โดยต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งถ้าถือหน่วยลงทุนไว้ครบ 5 ปี จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่รวมกับการลดหย่อนภาษีจากกองทุนลดหย่อนภาษี RMF, SSF หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท

ซึ่งจากข้อดีของการลงทุนในกองทุน Thai ESG นี้ อาจทำให้หลายคนเกิดความสนใจกองทุนนี้กันมากขึ้น แต่ยังไม่รู้ว่าควรจะลงทุนตอนนี้เลยดีไหม หรือจะรอปลายปีเพื่อคำนวณสิทธิการลดหย่อนภาษีก่อนดี เรามีเหตุผลว่าการซื้อกองทุน Thai ESG ก่อนคุ้มกว่าอย่างไรมาให้ลองพิจารณากัน
 
กองทุน thai esg ซื้อก่อนคุ้มกว่าอย่างไร

กองทุน Thai ESG ซื้อก่อนคุ้มกว่าอย่างไร

ได้ลงทุนแน่นอน

การที่เรารอใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อกองทุน Thai ESG ในช่วงปลายปี ถ้าเราไม่แบ่งเงินที่รับมาแต่ละเดือนไว้ เราอาจมีเงินไม่พอที่จะซื้อกองทุน Thai ESG ได้เต็มจำนวนที่ตั้งใจไว้ แถมช่วงปลายปีมักจะมีรายจ่ายพิเศษ อย่างของขวัญคริสต์มาส ปาร์ตี้ปีใหม่ หรือทริปส่งท้ายปี ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าจะลงทุนปลายปีก็ต้องเตรียมเงินไว้อย่างดี แต่หากเราลงทุนตั้งแต่ระหว่างปี เงินของเราก็มีโอกาสเติบโตได้มากกว่าการเก็บไว้ในบัญชีเงินฝากเฉย ๆ ไปจนถึงปลายปีนั่นเอง
 

ใช้กลยุทธ์การลงทุนด้วยเทคนิค DCA ได้

เนื่องจากตลอดทั้งปีราคากองทุนรวมมีการปรับตัวขึ้นลงตลอด หากเราทยอยซื้อทุกเดือนก็จะทำให้ต้นทุนราคาเฉลี่ยถูกกว่าเก็บเงินซื้อเป็นก้อนในบางเดือนได้ แถมยังไม่ต้องคอยจับจังหวะการลงทุนให้ยุ่งยากอีกด้วย นอกจากนี้ในช่วงปลายปีราคากองทุนรวมอาจมีแนวโน้มสูงกว่าปกติเพราะมีความต้องการในการซื้อขายสูง

ตารางเปรียบเทียบการลงทุนแบบ DCA และการลงทุนแบบครั้งเดียวปลายปี
 
เดือน มูลค่า
หน่วยลงทุน (บาท)
ลงทุนแบบ DCA ลงทุนแบบครั้งเดียวปลายปี
เงินลงทุน (บาท) จำนวน
หน่วยลงทุน
เงินลงทุน (บาท) จำนวน
หน่วยลงทุน
มกราคม 15.0425 10,000 664.78 0 0
กุมภาพันธ์ 15.0124 10,000 666.12 0 0
มีนาคม 15.6852 10,000 637.54 0 0
เมษายน 15.7725 10,000 634.01 0 0
พฤษภาคม 15.3046 10,000 653.40 0 0
มิถุนายน 15.2485 10,000 655.80 0 0
กรกฎาคม 14.9328 10,000 669.67 0 0
สิงหาคม 14.4612 10,000 691.51 0 0
กันยายน 13.9715 10,000 715.74 0 0
ตุลาคม 14.4275 10,000 693.12 0 0
พฤศจิกายน 15.1200 10,000 661.38 0 0
ธันวาคม 16.2357 10,000 615.93 120,000 7,391.12
รวม 120,000 7,959 120,000 7,391.12
ต้นทุนเฉลี่ย DCA ต่อหน่วย
15.1012
ต้นทุนการลงทุนครั้งเดียว ต่อหน่วย
16.2357
จากตารางการลงทุนจะเห็นได้ว่าต้นทุนเฉลี่ยแบบ DCA นั้นถูกกว่า ทำให้เราสามารถได้จำนวนหน่วยลงทุนที่มากกว่าการลงทุนแบบครั้งเดียวปลายปี เห็นอย่างนี้แล้วผู้ที่สนใจลงทุนก็สามารถเริ่มทุนกันได้ตั้งแต่วันนี้เลย แต่หากยังไม่รู้ว่าจะลงทุนกองทุน Thai ESG กองไหนดี เรามีประเภทของกองทุน และระดับความเสี่ยงมาแนะนำให้รู้จักเพิ่มเติมกันก่อน

ประเภทของกองทุน Thai ESG

  • กลุ่มที่ 1 กลุ่มตราสารหนี้ เช่น Green Bond หรือ Social bond โดยจะมีระดับความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง และอยากได้ผลตอบแทนที่มากกว่าฝากเงินในธนาคาร
  • กลุ่มที่ 2 กลุ่มผสม เช่น กองทุน Flexible ที่มีบางส่วนลงทุนในหุ้น ESG และบางส่วนลงทุนในตราสารหนี้ ESG โดยมีระดับความเสี่ยงปานกลาง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง และต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้น และเพื่อกระจายความเสี่ยง
  • กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มหุ้นล้วน ที่ลงทุนในกลุ่มหุ้น ESG เท่านั้น โดยมีระดับความเสี่ยงสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น และยอมรับความเสี่ยงสูงได้
 
แนะนำกองทุน thai esg กองไหนดีน่าลงทุน

Krungsri The COACH ขอแนะนำกองทุน Thai ESG กองไหนดี น่าลงทุน พร้อมสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนไปกับหุ้น ESG พร้อมสิทธิลดภาษี

กองทุนหุ้น KFTHAIESG

  • นโยบาย : สำหรับกองทุนหุ้น KFTHAIESG จะลงทุนในตราสารทุนเป็นหลัก โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยสินทรัพย์หลักที่ลงคือ หุ้นที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET หรือ MAI ซึ่งคัดเลือกมาแล้วว่ามีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม หรือความยั่งยืน โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนดให้ลงทุนได้ รวมถึงโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนในกลุ่ม ESG ด้วย
  • ความเสี่ยง : ระดับ 6 เสี่ยงสูง โดยมีความเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศ
  • เหมาะกับใคร : นักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นไทย รับความเสี่ยงได้ในระดับสูง
 

กองทุนตราสารหนี้ KFGBTHAIESG

  • นโยบาย : ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทยในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับด้านความยั่งยืนเป็นหลัก โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดย
    • ประมาณ 80% ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มความยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับ ThaiBMA Government Bond ESG Index
    • ประมาณ 20% ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เงินฝาก เพื่อสร้างสภาพคล่อง
  • ความเสี่ยง : ระดับ 3 เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ
  • เหมาะกับใคร : นักลงทุนที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทยในกลุ่มความยั่งยืน
 
เปรียบเทียบกองทุน thai esg แต่ละตัว

อย่างไรก็ตาม แม้การลงทุนในกองทุน Thai ESG มีข้อดีที่สำคัญหลายประการ ทั้งด้านโอกาสในผลตอบแทนระยะยาว รวมทั้งการลดหย่อนภาษี แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและข้อควรระวังที่นักลงทุนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การทำความเข้าใจในปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการลงทุนได้

*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
*Thai ESG เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออมระยะยาวและสนับสนุนการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน


อ้างอิง
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา