3 เรื่องภาษีน่ารู้สำหรับคนทำธุรกิจ E-Commerce
รอบรู้เรื่องภาษี
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

3 เรื่องภาษีน่ารู้สำหรับคนทำธุรกิจ E-Commerce

icon-access-time Posted On 09 มีนาคม 2558
By TaxBugnoms
มีคำกล่าวไว้ว่า “โลกเรานั้นช่างเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมากมาย” ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากเราต้องการจะซื้อสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่าง ก็ต้องออกขับรถไปตามร้าน ค้นหาข้อมูลจากหนังสือ สื่อต่างๆ อย่างวิทยุ โทรทัศน์ หรือติดต่อสอบถามผ่านทางโทรศัพท์ แหม่.. มันช่างเหนื่อยเสียจริงเชียว
มีคำกล่าวไว้ว่า “โลกเรานั้นช่างเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมากมาย” ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากเราต้องการจะซื้อสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่าง ก็ต้องออกขับรถไปตามร้าน ค้นหาข้อมูลจากหนังสือ สื่อต่างๆ อย่างวิทยุ โทรทัศน์ หรือติดต่อสอบถามผ่านทางโทรศัพท์ แหม่.. มันช่างเหนื่อยเสียจริงเชียว
แต่เผลอแป๊บเดียว เมื่อมาถึงวันนี้ คำกล่าวนั้นก็เป็นจริงเสียแล้ว เพราะโลกใบเดิมที่เราเคยรู้จักมันกลับกลายเป็นโลกใบใหม่ที่ผู้คนสามารถติดต่อกันได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส อยากซื้ออะไรก็ซื้อ อยากได้อะไรก็ Search หา อยากพบเจอติดต่อใครก็ทักแชทไปในพริบตา เพราะเราจัดได้หมดทุกอย่างตามที่ใจต้องการด้วยการสื่อสารแบบออนไลน์นั่นเอง
 
"สิ่งหนึ่งที่ส่งผลต่อเจ้าของธุรกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คือ การปรับตัวตามโลกออนไลน์เช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นหน้าร้านขายของออนไลน์เปิดบริการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต"
รู้ไหมครับว่า ทุกวันนี้ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ที่เรียกว่า “Digital Economy” อย่างเต็มตัวแล้ว ซึ่งเห็นได้จากจำนวนคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นถึง 31 ล้านคน รวมถึงการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือสูงขึ้นถึง 77% และเป็นที่แน่นอนว่า สิ่งหนึ่งที่ส่งผลต่อเจ้าของธุรกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คือ การปรับตัวตามโลกออนไลน์เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้านขายของออนไลน์ เปิดบริการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต ใช้ Social Network เป็นตัวช่วยในการค้าขาย อย่าง Facebook Instagram แถมยังมีบริการตอบคำถาม Hot Line อีกต่างหาก
แต่… สำหรับคนที่กำลังทำธุรกิจที่เรียกว่า E-Commerce หรือกำลังสนใจที่จะเริ่มต้นธุรกิจ E-Commerce มักจะมีข้อสงสัยในเรื่องราวเกี่ยวกับภาษีมากมาย ว่าเอ๊ะ.. การที่เราทำธุรกิจแบบนี้ เราจะต้องเสียภาษีแบบไหนและอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นคำถามที่ผมได้รับบ่อยมากๆ ผ่านทางแฟนเพจ @TAXBugnoms
วันนี้เลยถือโอกาสอธิบายเรื่องภาษีน่ารู้สำหรับคนทำธุรกิจ E-Commerce ทุกคนครับว่า แท้ที่จริงแล้วธุรกิจ E-Commerce นั้นจะต้องเสียภาษีอย่างไรและแบบไหน โดยแยกออกเป็นคำถาม 3 ข้อดังนี้ครับ
 

1. รายได้จากธุรกิจ E-Commerce ต้องเสียภาษีหรือไม่



สำหรับคำถามแรกนั้น ขอตอบตรงนี้แบบชี้ชัดฟันธงเลยครับว่า “ต้องเสีย” แหม่.. เรามีรายได้จากการทำธุรกิจแบบนี้ จะไม่เสียภาษีได้ยังไงล่ะครับ (ข้อกฎหมายเพิ่มเติม : มาตรา 39 แห่งประมวลรัษฏากร)
 

2. จะต้องเสียภาษีประเภทไหนและอย่างไรบ้าง



คำถามต่อมาหลังจากที่เรารู้ตัวว่าต้องเสียภาษีแล้ว นั่นคือ เราจะต้องเสียภาษีประเภทไหนและอย่างไรบ้าง เรามาตรวจสอบจากรูปแบบของธุรกิจและรายได้กันต่อเลยครับ

รูปแบบธุรกิจ

หมายถึง ธุรกิจ E-Commerce ของเรานั้นอยู่ในรูปแบบของ บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล
  • บุคคลธรรมดา จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามการคำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิ และเงินได้พึงประเมิน ตามวิธีการดังต่อไปนี้ครับ
    วิธีคำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิ (รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน)
    • รายได้: ถือเป็นเงินได้จากการขายสินค้าและบริการ (เงินได้ประเภทที่ 8)
    • ค่าใช้จ่าย: สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ในอัตราเหมาและหักตามค่าใช้จ่ายจริง โดยขึ้นอยู่กับอัตราค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนดของธุรกิจแต่ละประเภท
    • ค่าลดหย่อน: สามารถใช้สิทธิหักค่าลดหย่อนตามกฎหมายได้ เช่น คู่สมรส บุตร ประกันชีวิต LTF RMF ฯลฯ
    • คำนวณภาษี: ด้วยอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบก้าวหน้า
    วิธีคำนวณภาษีจากเงินได้พึงประเมิน
    ในกรณีเราที่มีเงินได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินเดือนจำนวนมากกว่า 60,000 บาท ให้นำยอดเงินได้คูณด้วย 0.005 และถ้าภาษีที่คำนวณได้ตามวีธีนี้ มีจำนวนไม่เกิน 5,000 บาท ได้รับยกเว้นภาษี แต่ถ้าคำนวณได้ภาษีเกินกว่า 5,000 บาท ให้เปรียบเทียบต่อครับว่า ภาษีที่คำนวณได้จากทั้งสองวิธีนั้น วิธีไหนได้จำนวนภาษีสูงกว่า ให้เลือกเสียตามวิธีนั้น
  • นิติบุคคล ถ้าเป็นรูปแบบนิติบุคคล (ห้างหุ้นส่วน หรือบริษัท ที่จดทะเบียนในประเทศไทย) จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลโดยคำนวณตามเกณฑ์ที่เรียกว่า “กำไรสุทธิตามกฎหมายภาษีอากร” (ข้อกฎหมาย : มาตรา 65 ทวิ และ 65 ตรี แห่งประมวลรัษฏากร) ซึ่งสำหรับการเลือกเสียภาษีตามรูปแบบนี้นั้น จะมีเงื่อนไขที่ซับซ้อนในการคำนวณกำไรสุทธิ ซึ่งผมแนะนำให้หาผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชีเป็นผู้ดูแลจะสะดวกกว่าครับ

รายได้

อีกประเด็นหนึ่ง คือ จำนวนของรายได้ เพราะมีภาษีอีกประเภทหนึ่งที่ต้องเสียนอกจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นั่นคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยเมื่อไรก็ตามที่ธุรกิจ E-Commerce ของเรามีรายได้เกินกว่า 1,800,000 บาทต่อปี รู้ตัวได้เลยครับว่า เรามีหน้าที่จะต้องจดทะเบียนเป็น ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงมีหน้าที่จัดทำรายงานภาษีขาย รายงานภาษีซื้อ และยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมชำระภาษี อีกด้วยครับ
สำหรับข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลการเสียภาษีคร่าวๆ ที่เราต้องรู้ และสำรวจตัวเองให้ชัดครับว่า เราประกอบธุรกิจในรูปแบบไหนและมีรายได้เท่าไรบ้าง เพื่อที่จะได้จัดการเรื่องภาษีให้แน่ชัด ถ้าใครยังสงสัยเรื่องนี้ จะสอบถามผมที่แฟนเพจ @TAXBugnoms หรือหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของกรมสรรพากรเพิ่มเติมได้ครับ
 

3. ไม่เสียภาษีได้ไหม



คำตอบคือไม่ได้ครับ เพราะจะถือว่าธุรกิจของเราทำผิดกฎหมาย และต้องมีการรับโทษ โดยการเสียค่าปรับและดอกเบี้ย ที่เรียกว่า “เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม” ที่จะต้องเสียในอัตราแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของภาษี แต่รับรองว่าข้อนี้ไม่สนุกแน่นอนครับ ยังไงการทำถูกต้องย่อมดีกว่าอยู่แล้วครับ
โดยเมื่อไรก็ตามที่ธุรกิจ E-Commerce ของเรามีรายได้เกินกว่า 1,800,000 บาทต่อปี รู้ตัวได้เลยครับว่า เรามีหน้าที่จะต้องจดทะเบียนเป็น ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงมีหน้าที่จัดทำรายงานภาษีขาย รายงานภาษีซื้อ และยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมชำระภาษี อีกด้วยครับ
สำหรับคนเคยได้ยินใครกระซิบแนะนำมาว่า แอบๆ ทำก็ได้ ไม่ต้องไปเสียภาษีหรอก ก็ขอแนะนำนะครับว่า อย่าไปเสี่ยงดีกว่านะครับ เพราะว่าทางสรรพากรเคยออกข่าวประชาสัมพันธ์ไว้ว่า ถ้าใครคิดหลีกเลี่ยงหลบหนีภาษี มีสิทธิติดตามเจออย่างแน่นอน เพราะกรมสรรพากรมีข้อมูลจากทุกแหล่งซึ่งทำการค้าอยู่แล้วครับ
E-Commerce ได้อย่างถูกต้องโปร่งใส และเสียภาษีให้กับรัฐได้อย่างสบายใจ โดยที่ไม่โดนเบี้ยปรับและเงินเพิ่มนะครับ
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา