ขายของออนไลน์ต้องเสียภาษีด้วยหรอ?? หลาย ๆ คนอาจจะไม่คุ้นหูกับคำว่า ภ.ง.ด. 94 เท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่แล้วมนุษย์เงินเดือนจะยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประเภท ภ.ง.ด 90 หรือ ภ.ง.ด. 91 แต่สำหรับ ภ.ง.ด.94 นั้นจะเป็นการ “
ยื่นภาษี” ของบุคคลธรรมดาที่มี “อาชีพอิสระนั่นเอง” เหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทั้งหลาย เรามาทำความรู้จักกับ ภ.ง.ด.94 กันดีกว่า
ภ.ง.ด.94 คืออะไร?
ภ.ง.ด.94 คือ แบบชำระ
ภาษีรอบครึ่งปี ซึ่งไม่ว่าจะเป็นในฐานะบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล (บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน) หากมีรายได้เข้ามาก็ต้องมีการเสียภาษีทั้งหมด โดยการยื่นภาษีกลางปีจะคำนวณจากการสรุปรายได้ทั้งหมดตั้งแต่เดือน 1 มกราคม – 30 มิถุนายน โดยหากมีรายได้เกิน 60,000 บาท (สำหรับคนโสด) หรือมากกว่า 120,000 บาท (สำหรับผู้ที่สมรส) จำเป็นต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ทั้งสิ้น ซึ่งไม่รวมจากรายได้จากงานประจำ
ทำไมพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ถึงต้องยื่น ภ.ง.ด.94
พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์นั้นมีรายได้จากการขายของไม่คงที่ บางวันขายได้มาก บางวันขายได้น้อย การชำระภาษีแบบ ภ.ง.ด.94 จะช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายได้คำนวณรายได้ของร้านตัวเองอย่างคร่าว ๆ และสามารถแบ่งจ่ายเฉพาะเงินได้จากการขายของออนไลน์ได้ก่อนตอนกลางปี ก่อนที่รายได้ทั้งหมดจะถูกนำไปรวมกันตอนปลายปี ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเสียภาษีแพง
ทำงานประจำด้วย ขายของออนไลน์ด้วย ต้องยื่น ภ.ง.ด.94 หรือไม่?
ผู้ที่มีรายได้จากงานประจำหรือมนุษย์เงินเดือนนั้น เป็นรายได้คงที่เหมือนกันทุกเดือน จึงเป็นการง่ายต่อการคำนวณรายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะต้องเสียภาษีโดยการยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 อยู่แล้วตอนปลายปี แต่หากมีรายได้จากการขายของออนไลน์ด้วย ซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่คงที่ มีรายรับเข้ามาไม่เท่ากันในแต่ละเดือน จึงต้องมีการนำส่ง ภ.ง.ด.94 เพื่อคำนวณภาษีจากรายได้ก่อนในช่วงครึ่งปี เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระการเสียภาษีในครั้งเดียวนั่นเอง เพราะหากพ่อค้าแม่ค้าไม่ยื่นภาษีกลางปี ภ.ง.ด. 94 รายได้ทั้งหมดจะถูกนำไปรวมกับภาษีบุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90 และต้องจ่ายภาษีหนักในครั้งเดียว
ภ.ง.ด.94 คำนวณภาษีอย่างไร?
สำหรับการ
คำนวณการเสียภาษีของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์นั้น สามารถแบ่งการหักค่า
ลดหย่อนภาษีออกเป็น 2 วิธี ได้แก่ การหักตามจริง และแบบเหมา 60% โดยการหักค่าใช้จ่ายตามจริงนั้น จะเหมาะกับผู้ที่มีต้นทุนของสินค้าที่สูง ซึ่งหากมีต้นทุนสูงแล้ว ค่าใช้จ่ายที่นำมาหักก็จะสูงตามไปด้วย ส่วนแบบเหมา 60% นั้นจะเหมาะกับผู้ขายที่มีต้นทุนของสินค้าต่ำ และมีกำไรสูง ซึ่งการหักแบบเหมานี้ ผู้ขายไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานค่าใช้จ่ายใด ๆ นั่นเอง ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ก็สามารถเลือกการคำนวณภาษีและหักค่าลดหย่อนได้ตามความเหมาะสมของธุรกิจของตัวเอง
ขายของออนไลน์ยื่น ภ.ง.ด.94 ตอนไหน?
หากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มีรายได้ตลอดทั้งปี จำเป็นต้องยื่นเสียภาษี 2 รอบใน 1 ปี โดยแบ่งเป็น
ตัวอย่าง การยื่นภาษีในปี 2565
- รอบที่ 1 ยื่นภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด.94) โดยรวมเงินได้ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 65 ยื่นภาษีได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย. 65
- รอบที่ 2 ยื่นภาษีปลายปี (ภ.ง.ด.90) โดยรวมเงินได้ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 65 ยื่นภาษีได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. 66
จะเห็นได้ว่าการยื่นภาษีกลางปี ภ.ง.ด.94 นั้นจะช่วยแบ่งเบาภาระการเสียภาษีหนักในครั้งเดียวตอนปลายปีได้มากเลยทีเดียว ทั้งนี้หากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์คนไหนที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี อาจต้องจ่าย “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” ด้วย โดยต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และยื่นภาษีทุก ๆ เดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป และมีหน้าที่ต้องออก “ใบกำกับภาษี” ให้กับผู้มาใช้บริการด้วยเช่นกัน
ยื่นภาษีช่องทางไหนได้บ้าง
สำหรับช่องทางการ “
ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” มี 2 ทางเลือก ช่องทางแรกคือ เตรียมเอกสารแบบกระดาษ เดินทางไปยื่นภาษีด้วยตัวเองที่กรมสรรพากร ในเวลาราชการ ช่องทางที่สองคือ การยื่นภาษีในช่องทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร (www.rd.go.th) สำหรับการยื่นแบบฯ ภ.ง.ด. 90/91/94 สามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ การยื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์นอกจากจะสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางแล้ว ยังจะได้รับสิทธิพิเศษให้ขยายเวลายื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีช้าออกไปกว่าการยื่นแบบกระดาษอีกด้วย ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับกรมสรรพากรประกาศในแต่ละปี
เป็นไงกันบ้างสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่อาจจะหวาดกลัวกับคำว่า “เสียภาษี” มาตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้วบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางใดก็ตาม ก็ควรจะมีหน้าที่ในการเสียภาษีด้วยกันทั้งนั้น ทั้งนี้การเสียภาษีแบบ ภ.ง.ด.94 จะช่วยเอื้อประโยชน์ให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้แบ่งเบาภาระการเสียภาษีหนักในครั้งเดียวได้อย่างดี และถือเป็นการประเมินการเติบโตของธุรกิจของเราเองได้อีกด้วย ซึ่งในการคำนวณภาษีนั้นเราสามารถนำรายจ่ายอย่างการซื้อกองทุนเพื่อการออม SSF (Super Saving Fund) หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF (Retirement Mutual Fund) มาเป็นตัวลดหย่อนภาษี ให้จ่ายภาษีน้อยลงและยังถือเป็นการออมเงินในระยะยาวได้อีกด้วย
หากท่านต้องการปรึกษาหรือขอคำแนะนำเพิ่มเติม ทางธนาคารกรุงศรีฯ มีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุนโดยเฉพาะ ที่สามารถปรึกษาผ่านช่องทางฮอตไลน์ได้ที่ 02-296-5959 จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 น. - 17.00 น. หรือฝากข้อมูลเพื่อให้
ที่ปรึกษาทางด้านการเงินจากธนาคารกรุงศรี ติดต่อกลับ และอย่าลืมติดตามข่าวสารได้ที่ Krungsri The COACH โค้ชเรื่องเงิน ให้เป็นเรื่องง่าย
บทความโดย
สิรภัทร เกาฏีระ CFP®
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา