ปัจจุบัน ทุกคนมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน ไปจนถึงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า นั่นส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยีและ
กองทุนเทคโนโลยี จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต ซึ่งจะดีกว่าหรือไม่ถ้าเรารวมการบริหารภาษีไว้ในการลงทุนระยะยาวด้วยเลย
เราจะลงทุนอย่างไรให้ตอบโจทย์และประหยัดภาษีไปในตัว ทีมที่ปรึกษาด้านการลงทุนได้เตรียมข้อมูลมาให้คุณแล้วในบทความนี้!!
ลงทุนกองทุนเทคโนโลยีดีอย่างไร
- เป็นกองทุนแห่ง “โอกาส”
การลงทุนในเทคโนโลยีมีขึ้นอยู่ตลอด เราสามารถเห็นได้จากบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอย่าง Apple Google และ Microsoft ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และล่าสุด Tesla ที่เพิ่งทะยานสูง ดันเจ้าของบริษัทอย่าง Elon Musk ให้กลายเป็นเศรษฐีเบอร์ต้นๆ ของโลก
ทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะ “โอกาส” จากการสร้างและผลักดันเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงเว็บไซต์และแอปพลิเคชันต่างๆ
นั่นหมายความว่า การลงทุนจะมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สอดคล้องกับ “เทรนด์” ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่เต็มไปด้วยการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย กองทุนนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเติบโตไปพร้อมกับบริษัทและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก
- การลงทุนส่วนใหญ่ลงทุนในบริษัทที่เติบโตเร็ว
สำหรับการลงทุนในอดีต บริษัทที่มีอยู่ยาวนานย่อมการันตีถึงการเติบโตที่สม่ำเสมอและมั่นคง แต่ในปัจจุบันเมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง การเติบโตเป็นร้อยเท่าพันเท่าในช่วงเวลาเพียงสิบปีกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับบริษัทเหล่านี้
เราลองมาดู “ปีที่ก่อตั้ง (Founded)” ของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่กองทุนใหญ่ๆ มักเข้าไปลงทุนกัน
- Apple Inc. ปีที่ก่อตั้ง 1976
- Microsoft Corporation ปีที่ก่อตั้ง 1975
- Alphabet Inc. ปีที่ก่อตั้ง 2015*
- Amazon.com, Inc. ปีที่ก่อตั้ง 1994
- Facebook, Inc. ปีที่ก่อตั้ง 2004
- Tesla, Inc. ปีที่ก่อตั้ง 2003
*Alphabet Inc. เป็นบริษัทแม่ของ Google ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1998
ข้อสังเกตของบริษัทส่วนใหญ่ คือ การเติบโตทั้งหมดล้วนแล้วแต่พุ่งทะยานขึ้นในช่วงหลังตามเทรนด์ของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปแทบทั้งสิ้น นั่นทำให้การลงทุนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีมีโอกาสมากที่จะเติบโตสูงและรวดเร็วตามบริษัทเหล่านี้ด้วย
- เทคโนโลยีจะกลายเป็น “การลงทุนระยะยาว” ของทุกคน
หากย้อนไปราว 20-30 ปีก่อน คงไม่มีใครเชื่อว่าคนสมัยใหม่จะมีคอมพิวเตอร์กันแทบทุกบ้าน ยังไม่นับรวมไปถึงสมาร์ทโฟนที่เพิ่งจะเกิดมาไม่นานนักหากเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ แต่เมื่อมองไปในปัจจุบัน แทบทุกคนต้องมีสมาร์ทโฟนติดตัว หากสงสัยอะไรก็ค้นหาใน Google หรือต่างส่งข้อความเพื่อสื่อสารกันผ่าน Line
เรื่องนี้ทำให้เห็นว่านอกจากเทคโนโลยีจะสามารถเติบโตอย่างรวดเร็วแล้ว ยังมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการฝังรากลึกลงในพื้นฐานของสังคม กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันตราบเท่าที่ไม่มีสิ่งใดมา Disrupt
การลงทุนในเทคโนโลยีจึงไม่ใช่แค่การหวังให้เงินงอกเงยเพียงชั่วขณะ แต่เป็นการลงทุนในระยะยาวแทบทั้งสิ้น
ทำไมควรมีกองทุน Tech ติดพอร์ตเอาไว้
นักลงทุนหลายท่านอาจมีคำถามถึงการจัดพอร์ตของตนเอง และอยากทราบว่าสาเหตุที่ควรมีกองทุน Tech ติดพอร์ตเอาไว้คืออะไรกันแน่
ดังที่มีการอธิบายข้างต้นว่ากองทุนเทคโนโลยีเป็นกองทุนแห่ง “โอกาส” และ “การเติบโต” ที่หากเรามองดุสัดส่วนย้อนหลังแล้ว บรรดาบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Microsoft, Intel, AMD ไปจนถึง Alphabet Inc. ต่างมีศักยภาพการพุ่งทะยานที่ทิ้งห่างบริษัทแบบเก่าแบบไม่เห็นฝุ่น ทำให้การแบ่งสัดส่วนเลือกกองทุนดังกล่าวมาติดพอร์ตราว 20-30% จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่มมูลค่าของกองทุนที่ถืออยู่ได้มากขึ้น ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
อีกทั้งผลกระทบจาก Digital Disruption รวมถึงการแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้ความต้องการในการใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ล้วนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ และกระตุ้นให้การลงทุนในหมวดหมู่ Tech นี้เพิ่มสูงขึ้นไปอีก
ซึ่งกองทุนที่น่าสนใจ มีการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยียุคใหม่อย่าง Cloud, AI และมีการผสานวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการเติบโตของบริษัทชัดเจนก็ไม่มีน้อย เช่น
KFHTECH-A และ
KFGTECH-A ที่ลงทุนในบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Apple Microsoft และ Alphabet และปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมอยู่เรื่อยๆ
อนาคตที่น่าสนใจของกองทุน Tech
เทคโนโลยีต่างๆ ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และไม่ใช่ทุกคนที่จะตามข่าวสารการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยี อนาคตของกองทุน Tech จึงมีโอกาสได้รับความนิยมอย่างสูง จากความตื่นตัวด้านเทคโนโลยีจากคนรุ่นเก่าและเทรนด์ด้านการลงทุนจากคนรุ่นใหม่
กองทุน Tech จะทำให้เราไม่จำเป็นต้องติดตามข่าวสารการลงทุนมากจนเกินไป เนื่องจากมีผู้ดูแลกองทุนมืออาชีพคอยจัดสรรการลงทุนให้
สำหรับอนาคต ยังมีบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีอีกมากที่น่าจับตาและมีโอกาสเข้ามาอยู่ในกองทุน Technology ไม่ว่าจะเป็น
- Metaverse
- Blockchain
- Edge Computing
- Electronic Vehicle
- Smart City
ซึ่งสามารถคาดหวังได้เลยว่าการลงทุนในกองทุน Tech ระยะยาว จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับพอร์ตกองทุนของคุณมากยิ่งขึ้นไปอีก
หากคุณสนใจลงุทนในกองทุน Tech ระยะยาว พร้อมวางแผนลดหย่อนภาษี
KFGTECHRMF ก็เป็นอีกตัวเลือกที่คุ้มค่า เนื่องจากกองทุนหลักลงทุนในบริษัทที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง รวมถึงเน้นการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เงินที่นำไปลงทุนก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกต่างหาก
สรุป
หากต้องการประหยัดภาษีร่วมกับการลงทุนอย่างมีคุณภาพ กองทุนเทคโนโลยีคืออีกตัวเลือกสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากการลงทุนหลักๆ จะเน้นให้ความสำคัญกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีโอกาสกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในอนาคต ทำให้มีโอกาสเติบโตสูงมาก
กองทุนเทคโนโลยีที่น่าสนใจยังมีอีกไม่น้อย หากคุณต้องการวางแผนการเงิน ซื้อกองทุนอย่างมีคุณภาพสามารถพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินของเราเพื่อทำให้เป้าหมายของคุณเป็นความจริงได้ที่เบอร์ 02-296-5959 จันทร์ - ศุกร์ 9.00 น. - 17.00 น.
บทความโดย
สิรภัทร เกาฏีระ CFP®
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา