ในสมัยก่อนหากใครคิดที่จะซื้อน้ำหอมและเครื่องสำอางนำเข้าที่มีราคาถูก ก็มักจะคิดถึงร้านเจ้เล้ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินดอนเมือง พูดได้ว่าสาว ๆ สมัยก่อนไม่มีใครไม่รู้จักร้านชื่อดังแห่งนี้ ถึงแม้ร้านเจ้เล้งจะเป็นร้านค้าปลีกที่มีเพียงสาขาเดียว แต่ก็อยู่มาได้ถึง 50 ปีแล้ว หลายคนก็คงอยากจะทราบว่าร้านเจ้เล้งทำธุรกิจอย่างไรและใช้กลยุทธ์อะไรที่ทำให้ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบันนี้ Krungsri The COACH จะพาไปเจาะลึกสูตรลับความสำเร็จของอาณาจักรเจ้เล้ง ดอนเมืองด้วยกัน
ธุรกิจค้าปลีกคืออะไร
ร้านค้าปลีกหรือธุรกิจค้าปลีก คือ การขายสินค้าให้กับผู้บริโภคที่จะนำสินค้านั้นไปใช้ด้วยตัวเอง หรือซื้อเพื่อนำไปให้ครอบครัว เพื่อนฝูง คนรู้จัก ซึ่งลักษณะของร้านค้าปลีกจะนำเสนอขายสินค้าเป็นรายชิ้น โดยขายให้กับลูกค้าจะเป็นผู้ใช้โดยตรง ร้านค้าปลีกมีอยู่ 3 แบบคือ
- ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก : เป็นธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็ก ที่คนไทยเรียกว่าโชห่วย ขายของใช้ทั่วไปที่ลูกค้าในละแวกนั้นมักจะมาซื้อ เจ้าของจะเป็นผู้ดูแลทุกอย่างเพียงคนเดียว ตั้งแต่การสั่งของ การจัดการสต๊อก การขายสินค้าให้ลูกค้า
- ร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง : เป็นธุรกิจค้าปลีกที่เน้นขายสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่งโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น ร้านขายยา ร้านขายเครื่องสำอาง ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นร้านที่ลูกค้าจะนึกถึงเมื่อต้องการสินค้าเฉพาะอย่าง
- ร้านสะดวกซื้อ : เป็นธุรกิจขายปลีกที่ขายของใช้ที่จำเป็นต่าง ๆ ที่เราใช้ตามบ้าน เช่น สบู่ ยาสีฟัน ขนม น้ำดื่ม มักจะตั้งอยู่ตามชุมชนต่าง ๆ สามารถซื้อสินค้าได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันร้านประเภทนี้ก็มีการพัฒนาให้มีระบบเข้ามารองรับการบริหารงาน
รู้จักร้านเจ้เล้ง ดอนเมือง ตัวอย่างธุรกิจค้าปลีกที่ยอดขายไม่ธรรมดา
เจ้เล้งเกิดในครอบครัวของชาวจีนที่ทำธุรกิจตั้งแผงลอยขายของเล็ก ๆ ย่านตลาดสะพานใหม่ ดอนเมือง โดยขายของประเภทเสื้อผ้าคอกระเช้า ผ้าถุง ในวัยเด็กเจ้เล้งเองก็ไม่ได้เกิดมาอยู่บนกองเงินกองทอง จึงต้องออกจากโรงเรียนมาช่วยที่บ้านขายของ แต่ด้วยความที่เจ้เล้งเป็นคนหัวการค้า จึงเปลี่ยนเงินลงทุน 1,200 บาท เพื่อเปลี่ยนสินค้าหน้าร้านมาขายขนมและลูกอมของเด็ก ๆ และทำทุกอย่างที่สามารถสร้างโอกาสเพื่อที่จะหาเงินได้
จุดเปลี่ยนของชีวิตเจ้เล้งนั้นมาจากการสังเกตพฤติกรรมการแต่งหน้าของสาว ๆ บรรดาแอร์โฮสเตสที่ประจำอยู่สนามบินดอนเมืองและหันมาจับตลาดเครื่องสำอางและบรรดาสกินแคร์ โดยนำมาขายในร้านด้วยราคาที่ถูกมาก ๆ ทำให้ร้านเจ้เล้งได้รับการตอบรับดีจากบรรดาลูกค้า จนสามารถสร้างชื่อเสียงให้รู้จักได้อย่างแพร่หลาย สินค้านั้นขายดีเทน้ำเทท่า จนกลายเป็นเศรษฐินีที่มีธุรกิจขายปลีกมียอดขายในระดับ 600 ล้านบาท ในปี 2020
นอกจากนี้เจ้เล้งเองก็ยัง
มองหาโอกาสในการค้าขายและการลงทุนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำช่องทาง
ขายสินค้าทางออนไลน์ การลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ประเภทเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ เป็นต้น
ถอดกลยุทธ์ความสำเร็จจากการค้าปลีกของร้านเจ้เล้ง ดอนเมือง
น่าสนใจมากว่า กว่าจะเป็นร้านเจ้เล้งที่โด่งดังได้ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เจ้เล้งมีวิธีคิดและกลยุทธ์ในการทำธุรกิจค้าปลีกอย่างไร Krungsri The COACH ได้ถอดรหัสและสรุปมาเป็นข้อ ๆ ดังนี้
เอกลักษณ์แบรนด์
เจ้เล้งได้ใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อร้านค้าปลีก และมองว่าการเป็นเจ้เล้งนั้นไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ เพราะตัวเจ้เล้งนั้นก็มีแค่เพียงคนเดียวในโลกใบนี้ ซึ่งทำให้เป็นแบรนด์ที่มีความโดดเด่น เป็นตัวของตัวเอง และด้วยชื่อร้านเจ้เล้งที่แสนจะเรียบง่าย ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกคุ้นเคยกับภาพจำสินค้านำเข้าที่มีราคาถูก จึงทำให้เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
สินค้าหลากหลายและแตกต่าง
สินค้าในร้านเจ้เล้งจะมีของให้เลือกซื้อมากมาย ตั้งแต่น้ำหอม กระเป๋า ครีมกันแดด เครื่องครัว ยันขนมขบเคี้ยว และมีสินค้าบางอย่างที่อาจจะไม่ได้เป็นที่นิยมในกลุ่มคนไทย ซึ่งร้านอื่น ๆ อาจจะไม่กล้านำมาขาย เช่น บิสกิตรสนมกล้วย แปรงสีฟันที่มีขนาดต่าง ๆ จากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีสินค้าอีกหลายอย่างที่หาซื้อได้ยากในเมืองไทย ด้วยความที่มีสินค้าหลากหลาย ครบครัน ทำให้ร้านเจ้เล้งกลายเป็นแลนด์มาร์กของการชอปปิงเครื่องสำอางและน้ำหอมที่ใคร ๆ ก็มักจะนึกถึงเวลาไปแถวดอนเมือง
ไม่หยุดนิ่ง ปรับตัวตลอดเวลา รู้จักมองหาโอกาส แม้ในวิกฤต
ในปัจจุบันหลังจากที่ผ่านวิกฤตโรคระบาดโควิท 19 ร้านค้าต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นมากมายและมีผู้ผลิตสกินแคร์ราคาถูกเข้ามานำเสนอสินค้าใหม่ ๆ ให้ลูกค้าในตลาดโดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์ ร้านเจ้เล้งเองก็ต้องปรับตัวอยู่เหมือนกัน โดยเปิดเว็บไซต์ Ranjaeleng เพื่อเป็นช่องทางขาย และเจ้เล้งก็มีช่อง Tiktok ของตัวเองที่มีผู้ติดตามกว่า 1.08 แสนคน เพื่อพูดคุยกับแฟนคลับและประชาสัมพันธ์สินค้าต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
ขยัน ทุ่มเท และใส่ใจ
ก่อนที่จะนำของมาขายในร้าน เจ้เล้งจะศึกษาจนเข้าใจผลิตภัณฑ์ก่อนและสามารถให้ข้อมูลและเล่ารายละเอียดสินค้าได้อย่างคล่องปาก ตัวอย่างเช่น เจ้เล้งจะสามารถเล่าให้ฟังได้ถึงรสชาติ จุดเด่น และคุณสมบัติของลูกอมและขนมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้าเกิดความสนใจและอยากลองมาซื้อทาน และหากใครไปเดินที่ร้านเจ้เล้งจะเห็นป้ายที่แตกต่างจากร้านค้าปลีกทั่วไป เพราะมีป้าย “เจ้เล้งแนะนำ” ที่จะอธิบายข้อมูลของสินค้า เช่น เจ้เล้งจะบรรยายถึงรสสัมผัสของอาหาร เคล็ดลับต่าง ๆ ในการทำอาหารให้อร่อย และเชียร์ลูกค้าโดยการันตีว่าเจ้เล้งได้ชิมสินค้านี้มาแล้วจึงอยากแนะนำ
แม้ว่าในปัจจุบันประเทศไทยจะมีร้านค้าต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อที่สามารถชอปปิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีร้านขายของออนไลน์ที่เป็นทางเลือกมากขึ้น หลายธุรกิจก็ต้องปรับตัวเพื่อให้สอดรับต่อการแข่งขันนี้ ร้านเจ้เล้งก็เป็นอีกหนึ่งร้านค้าปลีกที่ยังสามารถปรับตัวและแข่งขันในตลาดได้ แถมยังขายดีเหมือนเดิม เรียกได้ว่าเก่าแต่เก๋าเกมธุรกิจเหนือใคร ๆ สำหรับใครที่กำลังเปิดร้านค้าปลีกก็สามารถนำกลยุทธ์ที่ทาง Krungsri The COACH บอกไปปรับใช้กันได้เลย ส่วนใครที่ทำธุรกิจอยู่ทางกรุงศรีก็มี
สินเชื่อ SME ยอดขายต่อปีไม่เกิน 20 ล้านบาท ที่ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของคุณให้เติบโตได้มากขึ้นและยั่งยืน
อ้างอิง