หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าไอติมไผ่ทอง หรือที่เรียกกันว่า “ไผ่ทองไอสครีม” นั้นเป็นหนึ่งในตำนานความอร่อยของคนไทยมานานกว่า 70 ปี เพราะเป็นไอติมที่หาทานได้ไม่ยาก มีรถเข็นออกจำหน่ายไปทุกตรอกซอกซอยในประเทศไทย รสชาติเป็นเอกลักษณ์ ไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) จึงเป็นที่รักของคนทุกเพศทุกวัย สามารถเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน คนวัยทำงาน คนสูงวัย ที่อยากทานของหวาน หรือนักท่องเที่ยวที่อยากจะคลายร้อนเวลาเดินเที่ยว
ในปัจจุบันไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) ได้ขยายธุรกิจแฟรนไชส์ พลิกโฉมภาพลักษณ์จากไอติมรถเข็นที่คุ้นเคยให้ตอบโจทย์กับคนยุคใหม่มากยิ่งขึ้น Krungsri The COACH จะพาทุกคนมารู้จักธุรกิจแฟรนไชส์ของไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) และมาดูว่าเขาทำอย่างไรให้กลายเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จยืนยาวมาถึงยุคปัจจุบัน
เปิดตำนาน ไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) ความอร่อยกว่า 70 ปี
ตำนานของไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) นั้นเริ่มจาก กิมเซ้ง แซ่ซี ชาวจีนอพยพมาอยู่ที่ประเทศไทยและได้มาทำงานเป็นลูกจ้างในโรงงานขายไอติม ซึ่งในสมัยก่อนไอติมจะอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ทำให้รสชาติในแต่ละวันยังไม่ค่อยคงที่แบบในปัจจุบัน
กิมเซ้งเกิดความคิดอยากพัฒนาไอติมให้ดีกว่านี้จึงตัดสินใจลาออกมาสร้างธุรกิจของตัวเอง และได้ทำไอติมกะทิเนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่หาง่ายแถมคนไทยมีความคุ้นเคยกับรสชาตินี้เป็นอย่างดี โดยแรกเริ่มมีการตั้งชื่อแบรนด์ว่า “หมีบิน” เพราะคนสมัยนั้นนิยมตั้งชื่อแบรนด์ที่เป็นสัตว์ต่าง ๆ ให้บินได้ และอีก 20 ปีต่อมาได้มีการออกแบบโลโก้ใหม่ มีรูปไผ่ ซึ่งเป็นต้นไม้มงคลของจีน และนำชื่อภาษาจีนคำว่า “กิมเต็ก” มาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ว่า “ไอติมไผ่ทองคุณธรรม” แต่ชื่อยาวไปจึงย่อเหลือแค่คำว่า
“ไอติมไผ่ทอง หรือ ไผ่ทองไอสครีม” และมีการใช้ชื่อนี้จนถึงปัจจุบัน
ไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) ในยุคแรก ๆ นั้นจะถูกแช่อยู่ในตู้ที่หาซื้อได้ตามร้านค้า ต่อมาก็ได้ปรับเปลี่ยนช่องทางการขายเป็นรถเข็นหรือรถพ่วง ซึ่งหากเราสังเกตจะเห็นได้ว่าไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) นั้นมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลาผ่านการส่งต่อธุรกิจไปยังรุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 แม้อายุของแบรนด์จะเก่าแก่ถึง 70 ปีแต่ก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว
จากไอติมรถเข็นสู่ธุรกิจแฟรนไชส์
เวลาที่เราพูดถึงไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) เราอาจจะคุ้นเคยกับไอติมที่มากับ “รถเข็น” แต่ในปัจจุบันทางบริษัทก็มีการให้บริการในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “ไผ่ทองสเตชัน” เป็น
ธุรกิจแฟรนไชส์ ที่เหมาะกับคนกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเริ่มธุรกิจด้วยการเปิดร้านไอติมของตัวเองโดยการขายแบบ “มีหน้าร้าน” หรือสั่งผ่าน “แอปพลิเคชัน” บนทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชนหรือสามารถส่งตามบ้านได้
เมื่อเราซื้อแฟรนไชส์มาแล้วจะได้รับลิขสิทธิ์ของแฟรนไชส์เป็นเวลา 2 ปี เป็นการขายไอติมแบบสำเร็จที่บรรจุออกมา 3 ขนาด คือ ถ้วย ไพน์ และกล่อง สามารถขายให้กับลูกค้าได้เลย นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่น ๆ อย่างท็อปปิ้ง โคน ขนมปัง ที่เราสามารถจัดเป็นเซ็ตให้กับลูกค้าตามที่ต้องการ แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์ในการสร้างศูนย์กระจายสินค้าของทางไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) ทางบริษัทจะสามารถวิเคราะห์ แนะนำ และเป็นที่ปรึกษาในการทำธุรกิจให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ได้
จะเห็นได้ว่าไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) นั้นสามารถหาโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายธุรกิจได้ตลอดเวลา นอกเหนือจากการขายผ่านดีลเลอร์แล้ว ก็ยังขยายโอกาสไปสู่การทำธุรกิจแบบแฟรนไชส์อีกด้วย
รู้จักธุรกิจแฟรนไชส์
แฟรนไชส์เป็นรูปแบบธุรกิจที่เจ้าของแบรนด์อนุญาตให้ผู้อื่นนำแบรนด์ของตัวเองไปใช้ในการประกอบธุรกิจได้ โดยผู้ที่
ซื้อแฟรนไชส์จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์และปฏิบัติตามข้อกำหนดของแบรนด์เพื่อให้เกิดเป็นมาตรฐาน ไผ่ทองก็เป็นอีกหนึ่งแฟรนไชส์ที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการ โดยแบรนด์จะเป็นผู้สนับสนุนในเรื่องของการทำธุรกิจ เราสามารถแบ่งประเภทของแฟรนไชส์ ดังต่อไปนี้
1. Product or Brand Franchise
เป็นการให้สิทธิ์ในสินค้าหรือแบรนด์กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ ซึ่งมักจะเป็นธุรกิจแนวการสร้างอาชีพ ที่เจ้าของแบรนด์จะขายอุปกรณ์ วัตถุดิบ และรูปแบบร้านให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ ส่วนใหญ่จะเป็นการจ่ายครั้งเดียวแล้วเปิดร้านได้เลย
2. Business Format Franchise
เป็นการนำระบบของธุรกิจทั้งหมดของเจ้าของแฟรนไชส์ ตั้งแต่สินค้า บริการ ระบบการชำระเงิน กระบวนการให้บริการ แผนการตลาด รวมถึงแนวทางปฏิบัติงาน มีการฝึกอบรมให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยการเก็บค่าแฟรนไชส์นั้นจะเป็นรายปีตามสัญญา
3. Conversion Franchise
เป็นอีกรูปแบบของแฟรนไชส์ที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการขนาดเล็ก โดยจะมีการฝึกอบรมให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์และใช้เครื่องหมายการค้าร่วมกัน ซึ่งเป็นการประกอบธุรกิจที่เป็นลักษณะเครือข่าย เช่น การให้บริการซ่อมเครื่องปรับอากาศ บริการจัดดอกไม้ บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
แน่นอนว่าการซื้อแฟรนไชส์นั้นมีข้อดีหลายอย่าง เช่น ได้เรียนรู้ระบบการทำงานจากแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง นอกจากนี้แบรนด์ต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จจนสามารถขายแฟรนไชส์ได้นั้น ลูกค้ามักจะรู้จักชื่อเสียงเป็นอย่างดี ทำให้เราไม่ต้องลงทุนไปกับการสร้างแบรนด์อีกด้วย เรียกได้ว่าแค่เริ่มทำธุรกิจก็ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ได้เลย
เทคนิคการทำธุรกิจแฟรนไชส์ให้ปัง ฉบับไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม)
การเปิดขายแฟรนไชส์ของไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) นั้น เกิดจากการปรับตัวของยุคสมัยและ
พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากเดิมเราจะต้องเดินออกมาซื้อไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) จากรถเข็นที่หน้าบ้าน แต่ในปัจจุบันเราสามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์หรือค้นหาร้านที่อยู่ใกล้บ้านเพื่อเดินทางไปซื้อสินค้าได้เลย นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น โดยเทคนิคที่น่าสนใจของไผ่ทองมีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
- รองรับช่องทางออนไลน์ สามารถค้นหาตามแอปพลิเคชัน Delivery ได้เลยว่า ไผ่ทองสเตชันใกล้บ้านอยู่ที่ไหน และก็ทำการสั่งได้เลย
- มีความยืดหยุ่นในการทำงานเพราะมองผู้ซื้อแฟรนไชส์เหมือนคนในครอบครัว ไม่ได้มีการกำหนดข้อปฏิบัติอย่างคุมเข้ม แต่เราสามารถคิดค้นไอเดียใหม่ ๆ ในการขายและนำเสนอกับทางบริษัท เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการร่วมกันได้
- มีบริการช่วยเหลือผู้ซื้อแฟรนไชส์มือใหม่ในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อแอปพลิเคชัน Delivery และใส่ภาพเมนูต่าง ๆ สอนจัดเซ็ต และมีระบบหลังบ้านที่ช่วยเหลือในการให้บริการ รวมถึงช่วยร้านที่เปิดใหม่ในการโปรโมตผ่านโซเชียลมีเดียให้
จะเห็นได้ว่าไอติมไผ่ทอง (ไผ่ทองไอสครีม) นั้นเป็นธุรกิจที่ไม่เคยหยุดนิ่งแม้จะเป็นแบรนด์ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีแล้ว การขยายตลาดด้วยการขายแฟรนไชส์ไผ่ทองสเตชันที่สามารถขายผ่านแอปพลิเคชันได้นั้น ถือเป็นการปรับตัวให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และยังช่วยสร้างอาชีพให้คนสมัยใหม่ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยบริษัทจะให้การสนับสนุนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การฝึกอบรม การตลาด และการจัดการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์สามารถสร้างรายได้และเติบโตไปพร้อม ๆ กับแบรนด์ได้อีกด้วย
และสำหรับใครที่อยากพัฒนาธุรกิจแต่ยังขาดทุนทรัพย์เพื่อนำมาต่อยอดกิจการให้ก้าวหน้ามากขึ้น ธนาคารกรุงศรีมีบริการสินเชื่อพร้อมคำแนะนำไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก SME ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
สินเชื่อเพื่อสร้างธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจได้ไปต่อ เติบโตอย่างไม่มีสะดุด
อ้างอิง