ถอดกลยุทธ์ Butterbear สร้าง Branding อย่างไรให้เป็นที่จดจำ

หากใครได้ติดตามข่าวในช่วงเดือนที่ผ่านมา จะมีข่าวที่คนมุงรอถ่ายรูปกับใครสักคน ซึ่งตอนแรกหลาย ๆ คนก็คิดว่าน่าจะเป็นศิลปินจากต่างประเทศ แต่พอไปเห็นปุ๊ปกลับเป็นน้องหมีที่แสนน่ารัก ซึ่งดึงดูดให้คนไปขอถ่ายรูปจนห้างแทบแตก น้องหมีตัวนี้ชื่อ "Butterbear" หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกน้องว่า “น้องเนย” ซึ่งหลายคนก็อยากจะรู้ว่าเขาเป็นใคร วันนี้ Krungsri The COACH จะพาไปรู้จัก Butterbear กัน Butterbear นั้นไม่ใช่แค่ชื่อน้องหมีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นร้านขนมชื่อดังในเครือของ Coffee Beans By Dao ซึ่งใคร ๆ ก็รู้จัก เพราะเป็นร้านอาหารและขนมที่มีอายุเก่าแก่กว่า 28 ปี ของคุณดาว - ณัฐธยาน์ ปางพุฒิพงศ์ สำหรับไอเดียในการสร้าง Branding ของ Butterbear นั้นมาจากคุณบูม - ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ และ คุณเบล - ธนาภา ปางพุฒิพงศ์ ลูกสาวของคุณดาวที่เคยมีผลงานในการสร้างแบรนด์ขนมคลีนที่ชื่อว่า Skinnylicious ภายใต้สโลแกนที่ว่า อร่อยไม่รู้สึกผิด ที่เน้นขายขนมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โดนัท เค้ก คุ้กกี้ เป็นต้น

ในช่วงการแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งตอนนั้นคนส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน และขนมหวานก็เป็นสิ่งที่เยียวยาหัวใจของคนได้ในช่วงเวลานั้น แต่สินค้าของ Coffee Beans by Dao นั้นยังไม่มีคาเฟ่ที่ทำขนมหวานเลย จึงคิดถึงการทำร้าน Butterbear ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์วัยรุ่น ด้วยสินค้าประเภทขนมปังก้อน โดนัทผสมแป้งโมจิ และเครื่องดื่มกระป๋องอีกมากมายภายใต้สโลแกน A very buttery welcome to our world.

เป้าหมายของ Butterbear นั้น อยากให้คนกินขนมแล้วมีความสุข โดยในช่วงแรกนั้นมีการขายสินค้าผ่านเดลิเวอรี่ Butterbear ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และต่อมายอดขายต่อวันก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ถือว่าเป็นการทำ Branding ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก
  จุดเริ่มต้นของความโด่งดังนั้นเกิดจากการทำ Branding ให้กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ด้วยการเอาน้องเนย Butterbear ไปออกร้านในช่วงงานวันเด็ก ซึ่งน้องเนยนั้นก็ทำหน้าที่ได้ดี ทำให้กลายเป็นที่รู้จัก และด้วยความน่ารัก น่าเอ็นดูของน้องเนยนั้นก็ทำให้คนถ่ายรูป ถ่ายคลิปวิดีโอตอนที่น้องทำกิจกรรมต่าง ๆ แล้วแชร์กันจนกลายเป็นไวรัล ซึ่งทำให้เกิด Brand awareness เป็นวงกว้าง

ความน่ารักของ Butterbear ไม่ได้อยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังดังไปไกลถึงประเทศจีน จนทำให้มีอินฟลูเอนเซอร์ชาวจีนหลายคนได้บินมาเพื่อถ่ายรูปกับน้องหมีแล้วโพสลงในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทางออนไลน์ จนทำให้คนจีนได้รู้จักเป็นจำนวนมาก โดยคลิปไวรัลของ Butterbear ในประเทศจีนนั้นโด่งดังขนาดที่มีคนเข้ามาชมถึง 16 ล้านวิว และคนจีนก็ได้กลายมาเป็นแฟนคลับของน้องเนยกันเป็นจำนวนมาก แม้แต่เจ้าของแบรนด์ก็ไม่รู้ตัว เมื่อทางแบรนด์เปิดแอ็กเคานต์ในแพลตฟอร์มจีนก็มีผู้ติดตามกันอย่างล้นหลามกว่า 200,000 คน และแน่นอนว่าเมื่อนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวเมืองไทย ก็ย่อมอยากมาเจอน้องเนยเพื่อถ่ายรูปและซื้อสินค้ากลับไปฝากเพื่อน ๆ ในประเทศจีนด้วย

แน่นอนว่าเมื่อคนจีนได้รู้จักน้องเนย ก็ได้มีการตั้งชื่อเป็นภาษาจีนว่า 黄油小熊 อ่านว่า "ฮวงโยวเสี่ยวฉง" ซึ่ง "ฮวงโยว" แปลว่า เนย และ "เสี่ยวฉง" แปลว่า หมี รวมกันเป็นหมีเนยนั่นเอง และแน่นอนว่าเมื่อน้องเนยดังขนาดนี้ก็ย่อมจะมีผู้ที่ทำสินค้าลอกเลียนแบบเป็นธรรมดา อย่างในประเทศจีนนั้นได้มีการนำโมเดล Branding ของน้องเนยมาทำสินค้าลอกเลียนแบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำมาสคอตให้ผอมลง และขายสินค้าประเภทตุ๊กตา พวกกุญแจ อีกด้วย
  จากความโด่งดังของน้องเนยที่เป็นมาสคอตของร้านขนม Butterbear นี้ Krungsri The COACH ก็อยากจะชวนทุกคนมาถอดบทเรียนกลยุทธ์ในการทำธุรกิจและการสร้าง Branding ให้คนจดจำได้ โดยมี 4 เรื่อง ดังนี้
 

1. การสร้างคอนเทนต์

น้องเนย Butterbear มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น แถม Branding คือ การสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นหมีเรียบร้อย รู้กาลเทศะ แต่ก็แฝงไปด้วยความขี้เล่น ดูเปิ่น ๆ โก๊ะ ๆ และขี้อ้อน มีความสามารถและความชื่นชอบในการเต้น ไม่ต่างกับน้อง ๆ วัยรุ่นสมัยนี้ หากใครได้ดูคลิปของน้องเนยจะเห็นน้องเต้น Cover กับเพลงที่โด่งดังอย่าง Magnetic ของวง ILLIT ได้ด้วยนะ การสร้าง Branding แบบนี้จะไม่โดนใจวัยรุ่นในสมัยนี้ได้อย่างไร
 

2. จัดงานโชว์ตัวทุกสัปดาห์

น้องเนยจะมีการโชว์ตัวในช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ โดยจะมีการเปลี่ยนชุดเป็นธีมต่าง ๆ เช่น ชุดนักเรียน ชุดไปเที่ยว ชุดนางฟ้ามีปีก บางทีก็จะใส่กระโปรงสวย ๆ โดยทั่วไปแล้วน้องเนยจะมาโชว์ตัวที่ร้านสาขาเอ็มสเฟียร์ เพื่อให้แฟนคลับได้ใกล้ชิดและมีโอกาสในการถ่ายรูปด้วยกัน
 

3. เป็นเกสต์บนคอนเสิร์ตคนมีชื่อเสียง

หากใครชอบไปงานคอนเสิร์ตก็อาจจะได้เห็น น้องเนย Butterbear ยืนอยู่บนเวทีร่วมกับศิลปินด้วย เช่น ในคอนเสิร์ตของคุณมาย ภาคภูมิ ก็ได้มีการเชิญน้องเนยให้เป็นแขก ซึ่งน้องเนยก็ได้ขึ้นไปเต้นอย่างสนุกสนาน ทำให้แฟนคลับส่งเสียงเชียร์กันอย่างมีความสุข ซึ่งการร่วมเวทีดังกล่าวก็ทำให้น้องเนย Butterbear โด่งดังมากขึ้นไปอีก และกลยุทธ์การ Co-Branding แบบนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้เกิด Brand awareness มากขึ้นกับกลุ่มเป้าหมาย
 

4. มีสินค้าอื่น ๆ ต่อยอดให้แฟนคลับได้สะสม

แน่นอนว่า Butterbear นั้นไม่ได้ขายแค่ขนมเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีสินค้าที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของน้องเนยโดยเฉพาะ เช่น ที่ห้อยกระเป๋า กระเป๋าเป้ สติกเกอร์ สมุดโน้ต ซึ่งกลายเป็นสินค้าที่แฟนคลับของน้องเนยต่างคอยจับจองกันเป็นเจ้าของกันเลยทีเดียว การนำ Branding มาสร้างสินค้าใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าก็เป็นสิ่งที่ทำให้แบรนด์นี้ประสบความสำเร็จ
 
โดยสรุป น้องเนย Butterbear ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จของการสร้าง Branding ที่เริ่มมาจากการคิดค้นสินค้าที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้มาสคอตเป็นผู้เล่าเรื่องของแบรนด์ ผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ จนทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นแบรนด์ที่จับต้องได้และเข้าถึงตัวลูกค้าได้ง่าย ๆ เหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่งในชีวิต ซึ่งทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในไทยและต่างประเทศ


อ้างอิง

• www.sentangsedtee.com/exclusive/article_279448
• www.sanook.com/news/9444438/
• thestandard.co/storytelling-mascot-marketing-butterbear/
• www.matichon.co.th/news-monitor/news_4603843
• food.trueid.net/detail/wrqe8l10lzor
• shop.line.me/@butterbear.th