เรื่องเงิน และเรื่องทอง เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและสำคัญกว่าที่คิด พูดในแง่
การลงทุนสองสิ่งนี้มีทั้งความคล้าย และความแตกต่างกัน มาดูกันดีกว่า
เรื่องของเงิน
เรื่องของเงินนั้นเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องใช้เงินในการใช้จ่ายซื้อสินค้า และบริการต่าง ๆ สำหรับค่าของเงินนั้นเรารู้กันดีอยู่ว่า มันลดลงตามกาลเวลา หรือที่เราเรียกว่า “เงินเฟ้อ” นั่นเอง ด้วยค่าของเงินที่ลดลงทำให้เราต้องซื้อของแพงขึ้น จ่ายค่าบริการต่าง ๆ แพงขึ้น ดังนั้นการที่เราใช้เงินเท่าเดิมในปัจจุบันมันจะด้อยค่าลงในอนาคตน ดังนั้นการที่เราใช้เงินเท่าเดิมในปัจจุบันมันจะด้อยค่าลงในอนาคต
วิธีการป้องกันการด้อยค่าของเงินจากอัตราเงินเฟ้อก็คือ การนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อ แล้วอะไรคือสินทรัพย์ที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อ ถ้าเรานำเงินไปฝากธนาคารกินดอกเบี้ยจะสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้หรือไม่ ข้อเท็จจริงก็คือ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารยุคปัจจุบันไม่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้เลย เพราะธนาคารก็ต้องประกอบกิจการให้มีกำไร หากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงกว่าเงินเฟ้อธนาคารก็จะขาดทุน แพ้เงินเฟ้อได้เหมือนกัน แต่ก็ยังมีการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ ที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ ยกตัวอย่างต่อไปนี้
- ลงทุนในพันธบัตร หรือหุ้นกู้: สำหรับการลงทุนในพันธบัตรโดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลแต่ละยุคสมัยนั้นมีแนวโน้มที่สามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อได้ ยกตัวอย่างเช่น อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 3% ถ้าเราซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีดอกเบี้ยจ่ายเกิน 3% หมายความว่า พันธบัตรรัฐบาลนี้มีความสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ ถ้าเงินเฟ้อไม่ขยับปรับตัวขึ้นเร็วจนเกินไป แนวคิดการนำเงินไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ แต่สำหรับบางคนที่อาจซื้อไม่ทันเนื่องจากมีโควตาที่จำกัด ก็สามารถนำเงินไปซื้อ “หุ้นกู้” ซึ่งอาจจะออกโดยบริษัทเอกชนที่เป็นบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หุ้นกู้บางแห่งให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าพันธบัตรเสียอีก แต่เราต้องพิจารณาเงื่อนไขที่มากับหุ้นกู้ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อนั่นเอง
- ลงทุนในกองทุนรวม: การนำเงินไปฝากไว้กับกองทุนรวมเพื่อหวังที่จะชนะเงินเฟ้อถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ควรพิจารณาประกอบ การซื้อกองทุนรวมเราต้องศึกษานโยบายการลงทุนของกองทุนนั้น ๆ ให้ดี ต้องดูว่า กองทุนนั้นมีนโยบายลงทุนในหุ้น หรือในตราสารหนี้ เป็นขั้นต้น และต้องดูผู้จัดการกองทุนประกอบด้วยก็จะดีมาก การซื้อกองทุนรวมเหมือนเราซื้อ “ทีมงาน” ที่คอยบริหารเงินให้กับเรา ผู้จัดการกองทุนเก่ง ๆ บางคนสามารถทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเติบโตได้มากมาย ทำให้มูลค่าของกองทุน หรือ NAV (Net Asset Value) นั้นเติบโตขึ้น ราคาต่อหน่วยก็เพิ่มสูงขึ้นตามกาลเวลา หากเราซื้อได้ในราคาต่ำ และขายคืนในราคาที่มีส่วนต่าง นั่นคือกำไรจากการลงทุน อีกแนวคิดหนึ่งของการลงทุนก็คือ การซื้อถือระยะยาวเพื่อรับเงินปันผล กองทุนรวมบางกองมีนโยบายปันผลเป็นเงินสด หากเราไม่คิดจะขายคืนหน่วยลงทุนเมื่อครบกำหนดก็สามารถถือเพื่อรับเงินปันผลได้เช่นกัน ทั้งนี้ต้องศึกษาจากหนังสือชี้ชวนของกองทุนรวมแต่ละกองก่อนตัดสินใจลงทุน
- ลงทุนในหุ้น: การนำเงินสดไปซื้อหุ้น การลงทุนในหุ้นนั้นถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงในสายตาของคนทั่วไป แต่ข้อเท็จจริงก็คือ การลงทุนในหุ้นถ้าเราทำถูกวิธีโอกาสที่ผลตอบแทนจะดีกว่าการลงทุนในรูปแบบที่กล่าวมาก็มีสูงเช่นกัน สำหรับการลงทุนในหุ้นนั้นมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอายุของนักลงทุนประกอบด้วย หากยังอายุไม่มาก การที่เลือกลงทุนในหุ้นด้วยตัวเองถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะเราจะได้ประสบการณ์จริงจากการลงทุน กำไรจริง เจ็บก็เจ็บจริง ในขณะที่เราอายุยังไม่มากเมื่อเราพลาดก็ยังมีโอกาสแก้ตัว ผิดกับคนที่มีอายุพอสมควร ต้องเน้นรักษาเงินต้นเป็นหลัก เพราะโอกาสแก้ตัวของคนที่มีอายุมีน้อยกว่า และเงินก้อนที่มีก็สำคัญยิ่ง ไม่ควรประมาท
เรื่องของทองคำ
สำหรับเรื่องของทองคำนั้น ถ้าเราดูแนวโน้มยาว ๆ เราจะพบว่า มูลค่าของทองคำปรับตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา ถ้าเราดูภาพใหญ่ในระยะยาวเราจะพบว่า การซื้อทองคำเพื่อลงทุนสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้เช่นกัน แต่จุดสำคัญของการลงทุนในทองคำ คือ จังหวะซื้อที่ถูกต้อง ถ้าเราซื้อทองคำราคาสูงเกินไป ไปซื้อที่ยอดดอย โอกาสที่เราจะขาดทุนก็มีสูงมาก
ผู้ใหญ่หลายคนนิยมเก็บทองคำเอาไว้เป็นมรดก เวลาซื้อทองคำแล้วติดที่ราคายอดดอยบางครั้งก็ทำใจได้ เนื่องจากเห็นทองคำเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ได้หายไปไหน สำหรับคนที่ทำใจได้การซื้อทองคำสะสมก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่แพ้การลงทุนในรูปแบบอื่น เพราะถ้าเราลงทุนในหุ้นด้วยตนเอง แล้วโชคร้ายซื้อหุ้นผิดตัว ติดดอย หรือบริษัทเหล่านั้นล้มหายตายจากไป เราก็จะมีแต่ใบหุ้นไว้ดูต่างหน้า ผิดกับการที่เราซื้อทองคำสะสมเอาไว้ ยังไงก็ไม่หายไปไหน
ข้อเสียสำคัญของการซื้อทองคำสะสมเอาไว้ก็คือ เราต้องเก็บรักษาให้ดี เพราะการเก็บรักษาทองคำในที่ปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องที่เราต้องสนใจ สำหรับคนที่มีทองคำสะสมเอาไว้ในจำนวนที่ค่อนข้างมาก จะเลือกเก็บไว้กับตู้เซฟของธนาคาร และต้องมีค่าใช้จ่ายในการเช่าตู้เซฟเพื่อเก็บรักษาทรัพย์สินของเราเอาไว้อย่างปลอดภัย