ออมแบบไหน...ให้ได้เงินเย็นมาลงทุน
เพื่อชีวิตสบาย
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

ออมแบบไหน...ให้ได้เงินเย็นมาลงทุน

icon-access-time Posted On 29 สิงหาคม 2561
By Krungsri The COACH
เมื่อเริ่มต้นวัยทำงาน หลายคนคงฝันอยากมีเงินเก็บสำหรับลงทุนทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกิจการร้านค้า ทำ ธุรกิจ เล่นหุ้น หรือเก็บเป็นค่าใช้จ่ายในอนาคต ซึ่งเงินที่จะใช้ลงทุนควรเป็น “เงินเย็น” หมายถึง เงินที่ไม่มีต้นทุน ไม่ต้องชำระดอกเบี้ยจากการกู้ยืม และเป็นเงินที่ไม่มีภาระ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในยามปกติ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการจะได้เงินเย็นมาลงทุน คือเราต้องเรียนรู้วิธีเก็บออมเงินที่สร้างผลกำไรได้เร็ว และมีความเสี่ยงต่ำนั่นเองครับ Plearn เพลิน by Krungsri Guru จึงขอแนะนำ 6 เทคนิค ที่จะเพิ่มจำนวนเงินออมของทุกท่านให้งอกเงย

จัดสรรเงินออมเป็นสัดส่วน

ก่อนจะเริ่มต้นออมเงิน คุณควรจัดสรรเงินออมออกเป็น 3 ส่วน ซึ่งจะมีภาระหน้าที่แตกต่างกัน ได้แก่ ส่วนแรก “เงินออมเพื่อใช้จ่าย” เป็นเงินเก็บที่ช่วยสร้างสภาพคล่องในการใช้จ่ายของคุณ เวลาอยากซื้อ อยากได้อะไร คุณสามารถหยิบเงินออมส่วนนี้ออกมาจ่ายได้ทันที ส่วนที่สอง “เงินออมเผื่อฉุกเฉิน” เมื่อคุณมีรายจ่ายเกินกว่าปกติ สามารถดึงเงินส่วนนี้ออกมาใช้ได้ ดังนั้น ควรสำรองเตรียมไว้ให้เพียงพอสำหรับใช้จ่ายอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนที่สาม “เงินออมเพื่อลงทุน” ควรเป็นเงินออมที่สร้างผลตอบแทนที่ดี และคุณไม่มีความจำเป็นต้องดึงเงินส่วนนี้ออกมาใช้ เหมาะแก่การเป็นเงินเย็นที่นำไปลงทุนต่อยอดกำไรได้ในระยะยาว หรือนำไปออมในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่าการออมแบบสะสมทรัพย์ทั่วไป

ออมด้วยทองคำ

การออมเงินด้วยการซื้อทองคำเก็บไว้ ถือเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย เพราะตามปกติทองคำมักจะมีมูลค่าสูงขึ้นในระยะยาว โดยคุณควรมองหาช่วงเวลาในการซื้อที่เหมาะสม คือ ต้องซื้อทองในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และสามารถเก็บเอาไว้เป็นเวลานาน ๆ ได้ ไม่ควรใช้วิธีซื้อเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น เพราะมีความเสี่ยงสูงว่าจะเสียมากกว่าได้กำไร

ออมผ่านกองทุนรวม

ใครตั้งใจจะฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์แบบไม่ถอน คุณอาจขยับขยายการเพิ่มผลตอบแทนที่ดีกว่า ด้วยการนำเงินออมไปไว้ใน กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีสภาพคล่องสูง เช่น กองทุนพันธบัตรระยะสั้น กองทุนรวมตลาดเงิน ฯลฯ โดยเลือกกองทุนรวมที่มีนโยบายรักษาเงินต้น แม้จะให้ผลตอบแทน 1.5-2% ต่อปี แต่ก็ยังสูงกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ปกติที่ให้กำไรเพียง 0.5% ต่อปี หรือเลือกกองทุนรวมที่มีเงินปันผล ซึ่งคุณจะได้รับทั้งเงินออมและมีเงินปันผลไว้ใช้จ่าย ส่วนอีกหนึ่งผลประโยชน์จากกองทุนรวม คือ กำไรที่ได้จากการขายกองทุนไม่ต้องเสียภาษี ยกเว้นเงินปันผลที่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 10% ซึ่งสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีในปีที่รับเงินได้ ถือเป็นรูปแบบการออมที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนมาก ๆ

ออมด้วยหุ้นกู้บริษัทเอกชน

หุ้นกู้ เป็นรูปแบบหนึ่งของ ตราสารหนี้ (Bond) ที่ออกโดยเอกชน ถือเป็นการลงทุนด้วยการให้บริษัทเอกชนกู้ยืมเงินในระยะยาว และผู้ให้กู้จะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยกู้ยืมตามจำนวนหุ้นกู้ที่ระบุไว้ในสัญญา สามารถซื้อขายผ่านธนาคารพาณิชย์ที่จัดตั้งให้เป็นตัวแทนบริษัทได้ ทั้งนี้ ความเสี่ยงมักขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ต้องการกู้ยืม ระยะเวลาครบกำหนด และอัตราดอกเบี้ยตลาด

ออมผ่านพันธบัตรรัฐบาล

พันธบัตรรัฐบาล เป็นตราสารหนี้ระยะยาวมากกว่า 1 ปีซึ่งออกโดยรัฐบาล เพื่อให้รัฐนำเงินที่ได้จากการขายพันธบัตรไปพัฒนาประเทศ และลงทุนในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ อายุการลงทุนประมาณ 5-10 ปี ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยกู้ยืมตามที่พันธบัตรรัฐบาลระบุไว้ คล้ายกับหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน เพียงแต่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

ออมผ่านประกันชีวิต (เน้นออมทรัพย์)

สุดท้ายคือ การออมทรัพย์ผ่านประกันชีวิตที่มีรูปแบบกรมธรรม์เน้นผลตอบแทนมากกว่าการคุ้มครอง ซึ่งจะมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ถือเป็นการฝากเงินในระยะยาว และคุณสามารถนำค่าเบี้ยประกันไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี หรือหากเป็นกรมธรรม์ที่ชำระผ่านบัตรเครดิต ก็อาจได้รับสิทธิประโยชน์จากบัตรเครดิตอีกต่อหนึ่ง เหมาะกับคนที่ต้องการวางแผนการออมเงินระยะยาวและได้รับผลตอบแทนก้อนโต สามารถซื้อขายผ่านตัวแทนประกันชีวิตหรือผ่านธนาคารพาณิชย์ได้
เพียงแค่คุณมุ่งมั่นกับการออมเงินอย่างมีวินัยและชาญฉลาด เป้าหมายในการสะสมเงินเย็นเพื่อนำไปใช้ลงทุนในอนาคตก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาการวางแผนทางการเงินเพิ่มเติมได้ที่ Krungsri Plan Your Money
 
ขอบคุณข้อมูลจาก: krungsri.com, set.or.th, longtunman.com
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา