เมื่อเริ่มต้นวัยทำงาน หลายคนคงฝันอยากมีเงินเก็บสำหรับลงทุนทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นกิจการร้านค้า ทำ
ธุรกิจ เล่นหุ้น หรือเก็บเป็นค่าใช้จ่ายในอนาคต ซึ่งเงินที่จะใช้ลงทุนควรเป็น “เงินเย็น” หมายถึง เงินที่ไม่มีต้นทุน ไม่ต้องชำระดอกเบี้ยจากการกู้ยืม และเป็นเงินที่ไม่มีภาระ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ในยามปกติ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการจะได้เงินเย็นมา
ลงทุน คือเราต้องเรียนรู้วิธีเก็บออมเงินที่สร้างผลกำไรได้เร็ว และมีความเสี่ยงต่ำนั่นเองครับ Plearn เพลิน by Krungsri Guru จึงขอแนะนำ 6 เทคนิค ที่จะเพิ่มจำนวนเงินออมของทุกท่านให้งอกเงย
จัดสรรเงินออมเป็นสัดส่วน
ก่อนจะเริ่มต้นออมเงิน คุณควรจัดสรรเงินออมออกเป็น 3 ส่วน ซึ่งจะมีภาระหน้าที่แตกต่างกัน ได้แก่ ส่วนแรก “เงินออมเพื่อใช้จ่าย” เป็นเงินเก็บที่ช่วยสร้างสภาพคล่องในการใช้จ่ายของคุณ เวลาอยากซื้อ อยากได้อะไร คุณสามารถหยิบเงินออมส่วนนี้ออกมาจ่ายได้ทันที ส่วนที่สอง “เงินออมเผื่อฉุกเฉิน” เมื่อคุณมีรายจ่ายเกินกว่าปกติ สามารถดึงเงินส่วนนี้ออกมาใช้ได้ ดังนั้น ควรสำรองเตรียมไว้ให้เพียงพอสำหรับใช้จ่ายอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนที่สาม “เงินออมเพื่อลงทุน” ควรเป็นเงินออมที่สร้างผลตอบแทนที่ดี และคุณไม่มีความจำเป็นต้องดึงเงินส่วนนี้ออกมาใช้ เหมาะแก่การเป็นเงินเย็นที่นำไปลงทุนต่อยอดกำไรได้ในระยะยาว หรือนำไปออมในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่าการออมแบบสะสมทรัพย์ทั่วไป
ออมด้วยทองคำ
การออมเงินด้วยการซื้อทองคำเก็บไว้ ถือเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย เพราะตามปกติทองคำมักจะมีมูลค่าสูงขึ้นในระยะยาว โดยคุณควรมองหาช่วงเวลาในการซื้อที่เหมาะสม คือ ต้องซื้อทองในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และสามารถเก็บเอาไว้เป็นเวลานาน ๆ ได้ ไม่ควรใช้วิธีซื้อเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น เพราะมีความเสี่ยงสูงว่าจะเสียมากกว่าได้กำไร
ออมผ่านกองทุนรวม
ใครตั้งใจจะฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์แบบไม่ถอน คุณอาจขยับขยายการเพิ่มผลตอบแทนที่ดีกว่า ด้วยการนำเงินออมไปไว้ใน
กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีสภาพคล่องสูง เช่น กองทุนพันธบัตรระยะสั้น กองทุนรวมตลาดเงิน ฯลฯ โดยเลือกกองทุนรวมที่มีนโยบายรักษาเงินต้น แม้จะให้ผลตอบแทน 1.5-2% ต่อปี แต่ก็ยังสูงกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ปกติที่ให้กำไรเพียง 0.5% ต่อปี หรือเลือกกองทุนรวมที่มีเงินปันผล ซึ่งคุณจะได้รับทั้งเงินออมและมีเงินปันผลไว้ใช้จ่าย ส่วนอีกหนึ่งผลประโยชน์จาก
กองทุนรวม คือ กำไรที่ได้จากการขายกองทุนไม่ต้องเสียภาษี ยกเว้นเงินปันผลที่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย 10% ซึ่งสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีในปีที่รับเงินได้ ถือเป็นรูปแบบการออมที่เหมาะกับ
มนุษย์เงินเดือนมาก ๆ
ออมด้วยหุ้นกู้บริษัทเอกชน
หุ้นกู้ เป็นรูปแบบหนึ่งของ
ตราสารหนี้ (Bond) ที่ออกโดยเอกชน ถือเป็นการลงทุนด้วยการให้บริษัทเอกชนกู้ยืมเงินในระยะยาว และผู้ให้กู้จะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยกู้ยืมตามจำนวนหุ้นกู้ที่ระบุไว้ในสัญญา สามารถซื้อขายผ่านธนาคารพาณิชย์ที่จัดตั้งให้เป็นตัวแทนบริษัทได้ ทั้งนี้ ความเสี่ยงมักขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ต้องการกู้ยืม ระยะเวลาครบกำหนด และอัตราดอกเบี้ยตลาด
ออมผ่านพันธบัตรรัฐบาล
พันธบัตรรัฐบาล เป็นตราสารหนี้ระยะยาวมากกว่า 1 ปีซึ่งออกโดยรัฐบาล เพื่อให้รัฐนำเงินที่ได้จากการขายพันธบัตรไปพัฒนาประเทศ และลงทุนในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ อายุการลงทุนประมาณ 5-10 ปี ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยกู้ยืมตามที่พันธบัตรรัฐบาลระบุไว้ คล้ายกับหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน เพียงแต่มีความเสี่ยงน้อยกว่า
ออมผ่านประกันชีวิต (เน้นออมทรัพย์)
สุดท้ายคือ การออมทรัพย์ผ่านประกันชีวิตที่มีรูปแบบกรมธรรม์เน้นผลตอบแทนมากกว่าการคุ้มครอง ซึ่งจะมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ถือเป็นการฝากเงินในระยะยาว และคุณสามารถนำค่าเบี้ยประกันไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี หรือหากเป็นกรมธรรม์ที่ชำระผ่านบัตรเครดิต ก็อาจได้รับสิทธิประโยชน์จากบัตรเครดิตอีกต่อหนึ่ง เหมาะกับคนที่ต้องการวางแผนการออมเงินระยะยาวและได้รับผลตอบแทนก้อนโต สามารถซื้อขายผ่านตัวแทนประกันชีวิตหรือผ่านธนาคารพาณิชย์ได้
เพียงแค่คุณมุ่งมั่นกับ
การออมเงินอย่างมีวินัยและชาญฉลาด เป้าหมายในการสะสมเงินเย็นเพื่อนำไปใช้ลงทุนในอนาคตก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาการวางแผนทางการเงินเพิ่มเติมได้ที่
Krungsri Plan Your Money