ใครว่าเป็น First Jobber หรือหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตทำงานแล้วจะเก็บเงินไม่ได้ เพราะการออมเงินด้วยการซื้อประกัน อาจทำให้คุณมีเงินเก็บมากกว่าที่คิด
ใครรีบคลิกเข้ามาอ่านนี่ต้องเป็นหนุ่มสาวชาว
First Jobber แน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ ก่อนอื่น ขอแสดงความยินดีและต้อนรับสู่โลกแห่งการทำงาน โลกอีกใบที่จะให้คุณตักตวงประสบการณ์และเรียนรู้ชีวิตไปอีกขั้น ทำงานที่แรกก็ต้องเตรียมความพร้อมให้มั่นใจใช่ไหมคะ ไหนลองมาเช็กสิว่า เสื้อผ้าหน้าผมโอเคไหม เช็กการเดินทางแล้วหรือยัง ทักทายเพื่อนร่วมงานข้าง ๆ แล้วใช่ไหม แล้วทำประกันให้ตัวเองแล้วหรือยังคะ
อย่าเพิ่งงงไปค่ะ การทำประกันนี่ก็ถือเป็นการเตรียมความพร้อมอย่างหนึ่งของพนักงานประจำหน้าใหม่เลยนะ เพราะอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้จริงไหม เราลองมาฟังเรื่องของออม หญิงสาวที่ทำประกันชีวิตกันค่ะ ออมเริ่มต้นทำงานได้ไม่ถึงเดือน เธอก็คิดอยากทำประกันชีวิต ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะการจราจรอันน่าปวดเศียรเวียนเกล้าน่ะสิ ออกจากบ้านนั่งสองแถวไปหน้าปากซอย สะพานลอยก็ไม่มี ต้องรอข้ามถนนไปขึ้นรถเมล์อีกฝั่ง พอลงรถเมล์ก็ต้องเดินไปบีทีเอส ถึงสถานีก็ต่อมอเตอร์ไซค์ถึงบริษัท ตอนที่ถามเธอว่า เหนื่อยไหม เธอก็ส่ายหัวนะ แต่บอกว่า “กลัว” มากกว่า เพราะเวลาขึ้นลงรถ ค่อนข้างวุ่นวาย ต้องระวังคน ระวังรถ ระวังล้ม จุดพีค คือ ตอนข้ามถนน เพราะมีทั้งรถทั้งมอเตอร์ไซค์ที่ฝ่าไฟแดง ประกันที่บริษัทให้ก็มีแต่ประกันสุขภาพ ซึ่งตามนโยบายแล้ว กว่าจะได้ใช้ก็ต้องผ่านโปรก่อน
กลับบ้านที เจอหน้าพ่อแม่ก็เป็นห่วง เพราะออมเป็นลูกคนเดียวของที่บ้าน เป็นกำลังหลักสำคัญในการหารายได้และดูแลครอบครัว ถ้าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น เธอจะไม่ยอมให้พ่อแม่เธอลำบากเด็ดขาด
การทำประกันชีวิต สิ่งที่ให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น และให้คนที่คุณรักอุ่นใจ
ออมกลับบ้านมาศึกษาแผนการประกันชีวิตหลายรูปแบบ แล้วก็มาลองมองที่
ประกันชีวิตแบบที่มีเงินปันผล เพราะเข้าใจง่าย จ่ายค่าเบี้ยแค่ 5 ปี แต่ได้รับการคุ้มครองถึง 11 ปี นอกจากนั้น ยังได้รับเงินคืนตั้งแต่ปีแรก และรับเงินก้อนใหญ่เมื่อครบสัญญา ยกตัวอย่าง ถ้าเธอซื้อเบี้ยประกันรายปี ปีละ 100,000 บาท ในปีที่ 1-10 เธอจะได้เงินคืน 1,407 บาท และในปีที่ 11 ก็จะได้รับเงินคืนถึง 502,515 บาท คิดเป็น 514% เชียวนะ
ที่ดีงามกว่านั้น คือ มีโอกาสได้รับเงินปันผลรายปีตั้งแต่ปีที่ 2 - 11 ซึ่งพอครบ 11 ปีก็จะได้เป็นเงินก้อนใหญ่อีกก้อนด้วย และที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า เรื่องภาษีไม่เข้าใครออกใคร ถ้าออมสมัครประกันชีวิตนี้ ก็สามารถนำเบี้ยประกันภัยมา
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี ตามกฎเกณฑ์ของกรมสรรพากร) แล้วถ้าเกิดมีเหตุด่วนเหตุร้ายที่ต้องใช้เงิน ออมก็สามารถกู้เงินกรณีฉุกเฉินถึง 50% ของวงเงิน ด้วยอัตราดอกเบี้ยทบต้น 5.9% ต่อปี ดีและครบขนาดนี้ สาวออมก็เลยสมัครเรียบร้อย
เราลองมาคิดกันเล่น ๆ นะคะว่า ถ้าชีวิตของออมราบรื่นดี ออมจะสามารถนำเงินออมจากการทำประกันชีวิตนี้ไปทำอะไรได้บ้าง ออมอาจจะออกเดินทางท่องเที่ยว เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต หรือเปิดธุรกิจจากงานอดิเรกของเธอ หรือนำไปเป็นต้นทุนในการเล่นหุ้น ซื้อกองทุน หรือแปลงไปเป็นเงินออมยามฉุกเฉินสำหรับครอบครัว หรือเก็บเป็นเงินต้น เอาไว้ใช้ตอนเกษียณ ฯลฯ
เห็นไหมคะว่า วิธีการออมเงินนั้นมีมากมาย แต่การซื้อประกันชีวิตก็ถือเป็นการออมเงินประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยม และน่าสนใจมาก ๆ เพราะในท้ายที่สุด เราก็จะได้เงินคืน แต่ระหว่างทางนั้น เราได้เงินจ่ายคืนตามกรมธรรม์ทุกปี และได้รับการคุ้มครองอีกด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็สามารถอุ่นใจได้แน่นอนค่ะ