5 คำแนะนำทางการเงินเพื่อฐานะที่มั่นคง
เพื่อชีวิตสบาย
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

5 คำแนะนำทางการเงินเพื่อฐานะที่มั่นคง

icon-access-time Posted On 26 มิถุนายน 2558
By Krungsri Guru
การบริหารจัดการความมั่งคั่งเพื่อฐานะที่มั่นคง หรือ Wealth Management นั้น หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก และจะใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป นานวันเข้า หากเราไม่มีการบริหารจัดการความมั่งคั่งเพื่อฐานะที่มั่นคงเราอาจจบไม่สวย บางคนอายุมากแล้วไม่มีเงินเก็บ ซ้ำร้ายกลับมีหนี้สินรุงรัง อย่าดีกว่าครับ ลองดู 5 คำแนะนำทางการเงินเพื่อฐานะที่มั่นคง ดังต่อไปนี้ครับ
คำแนะนำที่ 1 สำรวจตัวเองก่อนวางแผนทางการเงิน
ก่อนที่เราจะวางแผนทางการเงินเพื่อฐานะที่มั่นคง เราจะต้องสำรวจตนเองก่อนว่าเรามีสินทรัพย์เท่าไร มีหนี้สินเท่าไร มีกระแสเงินสดต่อเดือนเท่าไร สินทรัพย์ที่เรามีนั้นเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มตามกาลเวลา หรือเป็นสินทรัพย์ที่ด้อยมูลค่าตามกาลเวลา หนี้สินที่เรามีมากกว่าสินทรัพย์หรือไม่ มากเกินกว่ากำลังจ่ายของเราหรือเปล่า เมื่อเราสำรวจตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์ที่ควรจะได้ก็คือ “เงินเหลือเก็บ” ในแต่ละเดือน เข้าสู่คำแนะนำที่ 2
คำแนะนำที่ 2 คำนวณกระแสเงินสดของเรา
เมื่อเราสำรวจตัวเองเพื่อวางแผนทางการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คำแนะนำต่อมาก็คือ ลองคำนวณกระแสเงินสดในแต่ละเดือนของเรา กระแสเงินสดที่นำมาคำนวณต้องเป็นตัวเลขที่เกิดจากการนำรายได้หักออกด้วยรายจ่ายทั้งหมด เป็นกระแสเงินสดเหลือเก็บ ยกตัวอย่างเช่น เรามีเงินเหลือเก็บเดือนละ 5000 บาท เท่ากับว่าปีหนึ่งๆ เราสามารถเก็บเงินได้อย่างน้อย 6 หมื่นบาทต่อปี จากนั้นเข้าสู่คำแนะนำที่ 3 กันเลยครับ
คำแนะนำที่ 3 จดบันทึกค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
เมื่อเรารู้ตนเองแล้วว่าเรามีสินทรัพย์เท่าไร มีหนี้สินเท่าไร มีเงินเหลือเก็บอยู่เท่าไร จากนั้นเราต้องจดบันทึกค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในปัจจุบัน และอนาคตของเราออกมา เช่น ค่าโปะบ้าน ค่าประกันชีวิต ค่าเทอมลูกในอนาคต ค่าเดินทางท่องเที่ยว เป็นต้น การจดบันทึกค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบัน และอนาคต จะทำให้เราต้องวางแผนล่วงหน้าเก็บเงินสะสม เวลาที่ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง จะได้ไม่เกิดอาการ “ช็อตเงิน” หรือหมุนเงินไม่ทันนั่นเองครับ จากนั้นให้เข้าสู่คำแนะนำที่ 4
คำแนะนำที่ 4 การจำลองแผนการลงทุน
เมื่อเราวิเคราะห์ตนเอง คำนวณกระแสเงินสดที่ควรจะเป็น และวางแผนครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นออกมาแล้ว เราจะมองเห็น “เงินเหลือเก็บ” ได้อย่างชัดเจน หน้าที่ของเราต่อจากนี้ก็คือ การวางแผนลงทุน ทำเงินเหลือเก็บให้งอกเงยครับ โดยแผนการลงทุนมีดังต่อไปนี้
 
  • นำเงินไปฝากประจำ ผลตอบแทนที่คาดหวัง 2-3%
  • นำเงินไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ผลตอบแทนที่คาดหวัง 3-5%
  • นำเงินไปซื้อกองทุนรวม ผลตอบแทนที่คาดหวัง 5-10%
  • นำเงินไปลงทุนในหุ้น ผลตอบแทนที่คาดหวัง 10-15%
เมื่อเราลองจำลองผลตอบแทนจากการลงทุนออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วขอให้เข้าสู่คำแนะนำสุดท้ายกันเลยครับ
คำแนะนำที่ 5 จัดพอร์ตการลงทุนเพื่ออนาคต
จากการจำลองผลตอบแทนจากการลงทุนเราจะพบว่า เราสามารถลงทุนและรับผลตอบแทนได้ตั้งแต่ 2-15% ต่อปี ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ หน้าที่ของเราก็คือ การแบ่งเงินเหลือเก็บมาลงทุน โดยการจัดพอร์ตการลงทุนเพื่ออนาคตนั้น จะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ครับ หากเราอายุยังน้อย และรับความเสี่ยงได้สูง ก็ควรนำเงินไปลงทุนในหุ้นในสัดส่วนที่มากหน่อย แต่ถ้าเรายอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ ก็ควรนำเงินไปฝากประจำ หรือซื้อพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนที่แน่นอน ความเสี่ยงที่ต่ำกว่าครับ วิธีการที่แน่นอนก็คือ เราต้องมี “วินัย” ในการออม การลงทุนระยะยาว หากเราสามารถลงทุน และทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ในช่วง 5-10% ต่อปี เราจะสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโตได้ 1 เท่าตัว ภายในระยะเวลา 5-7 ปีครับ
หากเราทำตามคำแนะนำทางการเงินง่ายๆ เหล่านี้ และไม่ออกนอกแผน โอกาสที่การบริหารจัดการความมั่งคั่งเพื่อฐานะที่มั่นคง หรือ Wealth Management ของเราจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูง และยั่งยืนอย่างแน่นอนครับ
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา