คนมากมายอยากรวยขึ้น เพื่อจะได้อิสรภาพทางการเงิน แต่รู้หรือไม่ว่าอิสรภาพที่แท้จริงไม่ได้หมายความถึงความร่ำรวย หลายคนมีเงินหลักล้านแต่ก็ไม่มีอิสระ เพราะอิสรภาพทางการเงินที่แท้จริงคือการที่คุณสามารถอยู่ได้แม้ว่าจะไม่ทำงานก็ตาม
โดยคุณสามารถรู้ได้ว่าอิสรภาพทางการเงินแล้วหรือยังด้วยสูตรด้านล่างครับ
สูตรแรกที่อยากแนะนำให้รู้จักก็คืออัตราส่วนความอยู่รอด ที่จะช่วยบอกว่ารายได้จากการทำงานและรายได้จากสินทรัพย์ที่มีอยู่เพียงพอต่อรายจ่ายหรือไม่ ถ้าผลลัพธ์ที่ได้มากกว่า 1 แสดงว่าคุณสามารถอยู่รอดได้ด้วยการทำงานและสินทรัพย์ที่มี สามารถเลี้ยงตัวเองได้สบายๆ
อัตราส่วนความอยู่รอด = (รายได้จากการทำงาน + รายได้จากสินทรัพย์) / รายจ่าย
รอดแล้วเมื่อไหร่จะรวย?? นั้นก็คือความมั่งคั่ง เป็นที่มาของสูตรที่สอง เกี่ยวกับการใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่มาทำให้เกิดรายได้ เช่น ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าลิขสิทธิ์ เป็นต้น ถ้าผลลัพธ์มากกว่า 1 แสดงว่าคุณมีอิสรภาพทางการเงินระดับหนึ่งแล้วครับ ไม่ต้องทำงานก็สามารถมีรายได้เพียงพอต่อรายจ่าย
อัตราส่วนความมั่งคั่ง = รายได้จากสินทรัพย์ / รายจ่าย
จากสูตรด้านบนเชื่อมั่นว่าหลายคนสามารถ “อยู่รอด” ได้ น้อยคนจะก้าวเข้าไปสู่ความ “มั่งคั่ง” อย่างถาวร อาจเพราะมีสินทรัพย์ไม่เพียงพอจะสร้างรายได้ หรือมีการใช้เงินมาก ดังนั้นเราจึงนำเส้นทางการเปลี่ยนชีวิตเพื่ออิสรภาพทางการเงินมาฝากครับ
- มีวินัยกับการเงินของตัวเอง
- ติดตามการใช้เงิน
- เปลี่ยนวิธีการเก็บเงิน
- ต่อยอดเงินออมด้วยการลงทุน
- เลือกลงทุนให้ passive income ดีที่สุด
หากคุณทำทั้ง 5 ข้อนี้ได้ครบล่ะก็รับรองว่าอิสรภาพทางการเงินไม่ใช่เรื่องห่างไกลอีกต่อไปแล้วล่ะครับ
มีวินัยกับการเงินของตัวเอง
ทุกสิ่งต้องเริ่มด้วยก้าวแรก อิสรภาพทางการเงินก็ไม่ต่างกัน และเพื่อที่จะก้าวเข้าไปสู่เส้นทางของอิสรภาพได้นั้นเราจำเป็นต้องมี “วินัย” เสียก่อน
วินัยทางการเงินคือความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงทำให้ตัวเองต้องจัดการเงินอย่างมีระบบ เช่น การฝากประจำ การออมเงินเป็นสัดส่วน ยิ่งมีวินัยมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งสามารถเก็บเงินง่ายขึ้นเท่านั้น และผลของวินัยทางการเงินที่เห็นได้ชัดที่สุดคือคุณจะสามารถเห็นเงินก้อนจากความพยายามที่สั่งสมมาอย่างชัดเจน
ตัวอย่างง่ายๆ คือคุณยอมออมเงินเดือนละ 3,000 บาททุกเดือน เป็นเวลา 1 ปี สิ้นปีคุณก็เห็นเงิน 36,000 บาทในบัญชีแล้ว
แต่คุณจะทำไม่ได้เลยหากขาดระเบียบการใช้จ่าย ขาดวินัยทางการเงิน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลง สร้างนิสัยและวินัยทางการเงินที่ดีได้ ด้วยการฝากประจำ เช่น การฝากกับผลิตภัณฑ์
ฝากประจำ 24 เดือนปลอดภาษีจากกรุงศรี เหมาะกับคนเพิ่งเริ่มต้นทางการเงินและต้องการต่อยอดอย่างเห็นผลเงินฝากประจำปลอดภาษี
ติดตามการใช้เงิน
การออมที่ดีต้องมาคู่กับการวางแผนที่รัดกุม หากต้องการอิสรภาพทางการเงินจริงๆ ควรมีการติดตามการใช้เงินของตัวเองครับว่า มีการใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองเกินไปหรือเปล่า เพื่อความสบายใจระยะยาว ซึ่งคุณสามารถติดตามการใช้เงินได้ด้วยการบันทึกรายรับรายจ่าย ที่ปัจจุบันทำได้ง่ายๆ ด้วยการใช้แอปพลิเคชั่น
ทว่าการติดตามการใช้เงินจะไม่แสดงประสิทธิภาพเลย หากคนบันทึกไม่ได้ใส่ใจการใช้เงิน ดังนั้นนอกจากติดตามแล้วควรมานำวิเคราะห์ดูว่าค่าใช้จ่ายส่วนใดที่ไม่จำเป็นหรือใช้เกินความจำเป็นก็ลองปรับลด แต่ถ้าทำแล้วไม่ได้จริงๆ ก็อาจต้องหารายได้เพิ่มแทน เพื่ออิสรภาพทางการเงินที่แท้จริงในอนาคตครับ
เปลี่ยนวิธีการเก็บเงิน
หลังจากติดตามการใช้เงินแล้วก็ได้เวลาการ “อัปเกรด” วิธีการเก็บเงินของเราเอง เพราะการเก็บเงินแบบธรรมดาๆ นั้นอาจไม่เพียงพอ
ลองคำนวณจากสมการ (รายได้ที่ต้องทำงาน + รายได้ที่ไม่ต้องทำงาน) - รายจ่าย = เงินออม ก็จะพบว่าหากเก็บเงินแบบปกติ เช่น ฝากออมทรัพย์ หรือหยอดกระปุกเป็นหลัก เงินออมนั้นก็อาจไม่ค่อยจะเพิ่มขึ้นสักเท่าใดนัก
คุณสามารถเปลี่ยนวิธีการเก็บเงินให้ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นกว่าธรรมดาได้ โดยออมก่อนใช้จ่ายทีหลัง วิธีนี้จะช่วยให้เราเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว
แต่ถ้าอยากให้เงินเติบโตที่สุด มีอิสรภาพทางการเงินได้จริง สิ่งที่เราหนีไม่พ้นเลยคือการลงทุนครับ
ต่อยอดเงินออมด้วยการลงทุน
อิสรภาพทางการเงินจะเกิดไม่ได้ถ้าไม่มีการลงทุน...ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
หากย้อนกลับไปที่สมการช่วงต้นบทความแล้ว
อัตราส่วนความมั่งคั่ง = รายได้จากสินทรัพย์ / รายจ่าย จะเห็นได้ว่าคุณต้องมี “รายได้จากสินทรัพย์” ระดับหนึ่งเสียก่อนครับ และรายได้เหล่านั้นจำเป็นต้องลงทุน
ยิ่งอยากได้
Passive Income มาก ยิ่งต้องมี Active Income มากด้วยเช่นกัน ทั้งสองอย่างต้องทำงานสอดประสาน การหมุนเวียนของเงินจึงมีประสิทธิภาพมากที่สุด
อีกประการคือการลงทุนมีความเสี่ยง จึงแนะนำให้กระจายการลงทุนไปหลากหลายสินทรัพย์ เช่น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น แต่ถ้าเรามีเงินไม่มากพอ ก็สามารถหาตัวช่วยอย่างกองทุนรวมที่แต่ละบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มีจัดจำหน่ายอยู่ โดยเลือกนโยบายตามที่ต้องการได้ ขั้นต่ำในการลงทุนขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละกองทุน ถ้ายิ่งมีเงินออมมาก โอกาสที่จะลงทุนได้หลากหลายและกระจายความเสี่ยงในการลงทุนยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
อนึ่ง คุณสามารถดูรูปแบบการลงทุนตามความเสี่ยงได้ที่บทความ
เคล็ดลับ ‘ให้เงินทำงาน’ เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงิน ครับ
เลือกลงทุนให้ได้ Passive Income เหมาะสมที่สุด
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนครับว่า Passive Income คือ รายได้ที่ไม่ต้องใช้เวลาทำงานเพื่อแลกเงิน แต่กลับสร้างรายได้ให้กับเราเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก แต่การสร้างรายได้ทางนี้ก็ควรลงทุนนั้นเข้ากับ Lifestyle หรือความชอบส่วนตัวของเรามากที่สุด ซึ่งบางคนเน้นเรื่องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ได้ค่าเช่า ลงทุนในหุ้นเพื่อต้องการผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือลงทุนในหุ้นกู้ให้ได้รับดอกเบี้ยสม่ำเสมอ จะลงทุนแบบใดนั้นก็ขึ้นกับความชอบและความเสี่ยงที่เรารับได้
หลายคนเลือกลงทุนแบบความเสี่ยงสูงแบบทุ่มไปเต็มตัว ชนิด High Risk High Expected Return โดยหลงลืมไปว่าในชีวิตประจำวันยังจำต้องใช้เงินเป็นระยะๆ เพื่อหมุนเวียนในธุรกิจ ซึ่งการลงทุนแบบนี้อาจส่งผลเสียในระยะยาว แบบนี้ไม่นับว่าเหมาะสมนะครับ
รู้จักตัวเอง รู้จักลงทุน ศึกษาและใช้ระยะเวลาในการลงทุนให้ดีที่สุด นั่นล่ะครับคือการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกคน
สรุป
ทุกๆ คนล้วนอยากได้อิสรภาพทางการเงิน แต่อย่าลืมนะครับว่าไม่มีสิ่งใดที่สามารถได้มาฟรีๆ ทุกอย่างล้วนต้องมีการศึกษา ทำความเข้าใจ และลงทุนอย่างเหมาะสม นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จระยะยาวล้วนต้องผ่านการอดทนและความผิดพลาดทั้งนั้น แต่ก่อนจะก้าวไปหาอิสรภาพ คุณต้องเริ่ม “เปลี่ยน” ตัวเองเสียก่อน เพื่อก้าวสู่สิ่งที่ดีกว่าในอนาคต
หากคุณมีข้อสงสัยด้านการลงทุนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับที่ปรึกษาทางด้านการลงทุนได้ที่เบอร์ 02-2965959 วัน จ.-ศ. เวลา 9.00 – 17.00 น.
ขอให้ทุกคนสามารถเปลี่ยนชีวิตสู่อิสรภาพทางการเงินได้ตามต้องการนะครับ
บทความโดย
ขวัญชัย รุ่งเรืองกอสว่าง AFPT™
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา