Double Income No Kids คืออะไร? ทำไมถึงเป็นเทรนด์ในยุคนี้
เพื่อชีวิตสบาย
icon-Facebook icon-Twitter icon-line

Double Income No Kids คืออะไร? ทำไมถึงเป็นเทรนด์ในยุคนี้

icon-access-time Posted On 12 กันยายน 2565
by Krungsri The COACH
ช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาจำนวนเด็กเกิดใหม่ในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สำรวจไว้ว่าปี 2555 ที่มีเด็กน้อยเกิดใหม่ลืมตาดูโลกมากถึง 820,000 คนต่อปี แต่ในปี 2564 ที่ผ่านมามีเด็กน้อยลืมตาดูโลกเพียง 540,000 คนต่อปีเท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าการที่คู่รักจะมีลูกน้อยสักคนอาจเป็นเรื่องใหญ่ เพราะไหนจะเรื่องค่าอาหาร ค่าเรียนหนังสือ รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ทำให้เราต้องใช้เงินเป็นจำนวนที่มาก
 
Double Income No Kids (DINKs) เทรนด์ของคู่รักที่ต้องการรายได้สองเท่าและไม่มีลูก

ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็น Double Income No Kids (DINKs) เทรนด์ของคนคู่รักที่มุ่งหน้าทำงานและไม่ได้ตั้งใจที่จะมีลูก ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีโอกาสที่จะมีเงินออมหรือเงินเก็บมากกว่า จากรายรับที่มี 2 ทาง ค่าใช้จ่ายที่ถูกหารครึ่ง พวกเขาจึงมีโอกาสออมเงินได้มากกว่ากลุ่มคนที่มีลูกหรือครอบครัวที่ทำงานเพียงคนเดียว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้จ่ายของคู่รักแต่ละคู่ด้วยนะ

ดังนั้นหากใครที่กำลังสนใจ และอยากรู้จัก Double Income No Kids หรือ DINK ที่เป็นคำแสลง นิยาม คู่รักที่ทำงานทั้งคู่ มีรายได้สองทาง ฐานะดี แต่ไม่มีลูก ซึ่งรวมถึงคู่รักเพศเดียวกันหรือคู่เพื่อนที่ใช้ชีวิตร่วมกันด้วย
 
Double Income No Kids (DINKs) เทรนด์ของคู่รักที่ต้องการรายได้สองเท่าและไม่มีลูก

เอาล่ะ เริ่มแรกเราอาจจะต้องตกลงกับคู่รักของเราให้แน่ชัดว่าเราเองต้องการที่จะเป็นกลุ่มเทรนด์ Double Income No Kids หรือเปล่า?

จุดสังเกตง่าย ๆ โดยส่วนใหญ่ทุกคู่ที่เป็น DINK “จะมุ่งมั่นไปที่เรื่องการทำงาน ขยันทำแบบสุดตัว”

ดังนั้นสำหรับมุมมองนายจ้างแล้วก็มีโอกาสที่จะจ้างกลุ่มเทรนด์นี้มากขึ้นเช่นกัน เพราะพวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องให้เวลากับลูก นำเวลาส่วนนั้นมาทุ่มเทกับงานได้อย่างเต็มที่ จึงอาจเป็นส่วนหนึ่งที่คู่ของเราสามารถสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น

อีกทั้งกลุ่มคู่รักเหล่านี้เน้นไปทางความสุขของชีวิตคู่มากขึ้น แต่ก็มีเพียงเป้าหมายเล็ก ๆ ร่วมกัน เช่น ท่องเที่ยวต่างประเทศบ่อย ๆ ซื้อสินค้าตามใจชอบ หรืออื่น ๆ เรียกได้ว่าใช้เงินโดยไม่คำนึงถึงอนาคตข้างหน้าสักเท่าไหร่

แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ควรมองข้าม เพราะอย่าลืมว่าเราไม่มีทายาท ในช่วงวัยเกษียณเราอาจจำเป็นที่จะต้องวางแผนการเงินให้ดีไปพร้อม ๆ กันด้วย

เรามาเริ่มวางแผนการเงินฉบับ Double Income No Kids (DINKs) ด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้กัน
 
วางแผนการเงินชีวิตคู่แบบ Double Income No Kids (DINKs) คู่รักที่ต้องการรายได้สองเท่าและไม่มีลูก
 

5 ขั้นตอนวางแผนการเงินฉบับ Double Income No Kids (DINKs)

1. กระเป๋าเงินเธอ + กระเป๋าเงินฉัน = กระเป๋าเงินของเรา

หลาย ๆ คู่รักที่ยังแยกกระเป๋าเงินกันอยู่อาจจะลองเปิดอกคุยกันให้ชัวร์ ๆ เรื่องเงินของแต่ละคน โดยอาจจะเริ่มจากเรื่องของภาระหนี้สิน ต่างคนต่างมีหรือเปล่า ถ้าใครสักคนมีอยู่เราสามารถรับผิดชอบร่วมกันได้ไหม หรือเคลียร์ส่วนตัวให้เรียบร้อยเสียก่อน และลองตกลงร่วมกันว่าแต่ละคนจะมีเงินใช้ส่วนตัวเท่าไหร่ พร้อมนำเงินที่เหลือมารวมเป็นกระเป๋าเงินของเรา
 

2. วางแผนเป้าหมายระยะสั้นเพื่อให้ทำได้ตามเป้าหมาย

เราอาจจะลองวางแผนเป้าหมายระยะสั้นร่วมกับคู่ของเราเพื่อการแบ่งเงินสู่ความสุขผ่านเป้าหมายระยะสั้น เช่น การวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศในปีนี้ ไปประเทศไหน ระยะเวลาเท่าไหร่ ใช้เงินสำหรับท่องเที่ยวเท่าไหร่ โดยเราก็แบ่งเงินจากกระเป๋าเงินของเรามาใช้ในส่วนของเป้าหมายระยะสั้น ผ่านการพูดคุย และตกลงกันให้ดี ทำให้เป้าหมายนี้ไม่เป็นเพียงเป้าหมายของคนใดคนหนึ่ง
 

3. วางแผนเป้าหมายระยะยาว

แน่นอนว่าเทรนด์ Double Income No Kids ยามเข้าสู่วัยเกษียณเราอาจมีญาติ หรือหลานที่ดูแลก็ได้ แต่มันคงจะดีกว่าถ้าหากคู่ของเราดูแลกันเองได้ คู่ของเราจึงจำเป็นที่จะต้องคิดถึงชีวิตหลังเกษียณเอาไว้ด้วย เราจะไปอยู่อาศัยกันที่ไหน ต้องการใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ เพื่อที่จะทำให้การเก็บเงินในอนาคตของคู่เราเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น

ตัวอย่าง คู่ของเราอายุ 25 ปี วางแผนจะเกษียณทั้งคู่ร่วมกันตอนช่วงอายุ 60 ปี คาดว่าตัวเองจะเก็บเงินใช้หลังเกษียณถึงอายุ 85 ปี และทั้งคู่ต้องการมีเงินใช้เดือนละ 50,000 บาท

โดยเราจะลองคำนวณจากสูตร ค่าใช้จ่ายต่อเดือน x 12 เดือน x ระยะเวลาหลังเกษียณ = จำนวนเงินที่ต้องใช้หลังเกษียณ (ยังไม่ได้รวมเรื่องของเงินเฟ้อ)
(50,000 x 12 x 25) = 15,000,000 บาท

หากเราสามารถคำนวณจำนวนเงินที่คู่ของเราจำเป็นต้องเก็บได้แล้ว ก็จะทำให้เราสามารถแบ่งเงินออมเฉลี่ยแต่ละเดือนออกมาได้ชัดเจนขึ้นนั่นเอง
 

4. กระเป๋าเงินคู่สู่การลงทุนร่วมกัน

แม้ว่า Double Income No Kids จะหาเงินได้มากเท่าไหร่ก็ตาม มันคงจะดีกว่าหากคู่ของเราให้เงินได้ทำงานผ่านการลงทุน แต่อย่าลืมว่าเมื่อเรารวมกระเป๋าเงินเป็นของกันและกันแล้ว เราก็ต้องมาระดมความคิดเรื่องการลงทุนไปพร้อม ๆ กันด้วย โดยเราอาจจะนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวม หรือหุ้น ตามความถนัดและความชอบของคู่เรา แต่อย่าลืมที่จะพิจารณาความเสี่ยงที่เราทั้งคู่รับไหวด้วยล่ะ
 

5. มองหาประกันที่ทำร่วมกัน

ในอนาคตเราไม่รู้ว่าคู่ของเราจะเป็นเช่นไร จะเจ็บป่วย หรือพบโรคร้ายต่าง ๆ หรือไม่ ทั้งคู่ควรเริ่มมองหาประกันที่สามารถคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล และชดเชยยามขาดรายได้ รวมไปถึงยังมองในส่วนผลประโยชน์ที่มีต่อผู้รับในกรณีถ้าหากเราไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว โดยเราอาจจะเริ่มสำรวจตัวเองกันทั้งคู่ก่อนเลือกทำประกัน เช่น คู่ของเราป่วยบ่อย เราอาจจะมองหาประกันสุขภาพที่คุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาลและชดเชยรายได้ต่อวันไว้ หรือถ้าหากคู่ของเราไม่ค่อยป่วย แต่ต้องการประกันที่สามารถคุ้มครองไว้ให้อุ่นใจ เราอาจจะเลือกประกันชีวิตที่สามารถระบุผู้รับผลประโยชน์ไว้ได้

อ่านมาถึงตรงนี้เราคงรู้จัก Double Income No Kids กันไปพอสมควรแล้ว ท้ายที่สุดแล้วหากเราสามารถวางแผนการเงินให้ดี แม้เราจะไม่มีทายาทก็ไม่เป็นไร เพียงแค่เรามีความรักให้กันและกันในแบบของเรา ขยันเติมความสุข มองหาอนาคต เพราะ “ความรักมิได้เป็นการก้าวนำหรือก้าวตาม แต่เป็นการก้าวไปพร้อม ๆ กัน”
pym logo
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้อง
พิมพ์สิ่งที่ต้องการค้นหา