Generation Z หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า Gen Z หรืออีกชื่อคือ
"ชาวดิจิทัล" เป็นยุคหลังมิลเลนเนียล หรือไม่ว่าจะเรียกยุคนี้ว่าอะไรก็ตาม คน Gen Z เป็นกลุ่มคนช่วงอายุไล่เลี่ยกับยุคมิลเลนเนียล ซึ่งมักจัดอยู่ในกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 1995 ถึงปลายยุค 2000 หรือในช่วงอายุ 18–23 ปี ล้วนแล้วแต่ถูกหลอมรวมด้วยโลกดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย มุมมองของพวกเขาถูกหล่อหลอมให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งในวัฒนธรรม ความไม่มั่นคงทางการเงินที่เกิดจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาครั้งใหญ่
ไม่ว่าจะเจอวิกฤตการณ์การเงินครั้งร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจซบเซาครั้งใหญ่ในคริสต์ทศวรรษ ซึ่งเป็นภาวะขาลงในช่วง ปี 2007-2008 ที่พวกเขาประสบเมื่อเป็นเด็กหรือความมั่นคงของงานที่น่าเป็นห่วงในตลาดปัจจุบัน Gen Z มีนิสัยการเงินบางอย่างที่คนทุกรุ่นควรสังเกตและสามารถนำมาปรับใช้ได้ จะมีอะไรบ้างไปดูกัน
5 เคล็ดลับการเงินน่าเรียนรู้จาก Gen Z
1. ใช้เงินไปกับประสบการณ์ ไม่ใช่สิ่งของ
ความแตกต่างอย่างมากระหว่าง Gen Z และ Gen อื่น ๆ คือนิสัยการใช้จ่าย Gen Z ใช้จ่ายเงินน้อยลงมากกับสิ่งของต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า หรือรถยนต์ แต่เอาไปลงทุนกับประสบการณ์ชีวิตแทนนั่นเอง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การเก็บเงินไปดูคอนเสิร์ตศิลปินที่ชื่นชอบ การไปท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่าง ๆ รอบตัว อีกทั้งยังมีความชอบที่จะโชว์ Lifestyle ต่าง ๆ ลงบน Instagram โดยที่ Gen Z กำลังเตือนเจนอื่น ๆ ว่าสิ่งต่าง ๆ รอบตัวนั้นล้วนผ่านไปเร็วเหลือเกินแต่ความทรงจำและประสบการณ์ที่ได้รับนั้นจะคงอยู่ตลอดไป
2. เริ่มเก็บออมเงินตั้งแต่เนิ่น ๆ
เราทุกคนเคยได้ยินมาก่อนว่า
“มันไม่เร็วเกินไปที่จะเริ่มออม แต่ก็ไม่สายเกินไปที่จะออม” แต่ Gen Z อาจเป็นคนรุ่นเดียวที่ทำตามคำแนะนำนั้นจริง ๆ เมื่ออิงจากพื้นฐานการโตมาในเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้ Gen Z มีแนวโน้มที่จะออมเงิน และมี
แผนการเงินเพื่อการเกษียณอายุแล้วนั่นเอง
มากกว่าครึ่งของ Gen Z ได้เลือกลงทุนในหุ้น โดย 73% ของคนในช่วงอายุนี้ลงทุนในตลาดหุ้น อ้างอิงจาก The Motley Fool และแน่นอนว่า Gen Z ค่อนข้างที่จะมั่นใจในความรู้ความสามารถและพร้อมที่จะอธิบายให้กับเพื่อนหรือคนรอบข้างฟังได้เป็นอย่างดี
จากภาพประกอบจะเห็นได้ว่า Gen Z มีแบบแผนการเงินที่ค่อนข้างน่าสนใจโดยส่วนใหญ่มากถึง 85% พวกเขามักที่จะออกเดินทางไปสำรวจโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการไปท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต และอีก 69% มักที่จะเก็บเงินเพื่อไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งพวกเขาจะมีแนวคิดที่ว่าอยากให้เงินทำงานแทนโดยที่จะสร้างให้เป็น Passive Income นั่นเอง และอีก 69% อันดับที่สามมักที่จะลงทุนเพื่อการศึกษาในระดับสูง Gen Z นั้นเติบโตมากับสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างที่กล่าวไป ซึ่งนั่นนำไปสู่แนวคิดที่ว่าพวกเขาจะต้องพึ่งพาตนเองและจะต้องขวนขวายหาความรู้ให้ได้มากที่สุด เพราะความรู้คือสมบัติอันล้ำค่าที่ไม่มีใครเอาไปจากตัวได้นั่นเอง
3. สร้างแผนทางการเงินที่มั่นคง
บางคนอาจจะโทษว่าค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นหรือการหางานนั้นยากลำบาก แต่ Gen Z เป็นนักวางแผนการเงินที่ไม่ยอมใครง่าย ๆ เนื่องจากกลุ่มประชากรในยุคนี้ส่วนใหญ่ต้องการประหยัดเงินจำนวนมากสำหรับเอาไว้เป็นการศึกษา หรือเอาไป
ลงทุน ไม่ว่าจะเป็นในหุ้น อสังหาฯ หรือแม้แต่ประสบการณ์ชีวิต เพราะฉะนั้นการวางแผนการเงินจึงเริ่มเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก โดยที่ Gen Z กำลังเตรียมแผนการเงินในอนาคตก่อนที่คนรุ่นมิลเลนเนียลจะเริ่มวางแผนเสียอีก
4. การตัดสินใจเรื่องเงิน
เราทุกคนต้องตัดสินใจในเรื่องที่เราใช้จ่ายเงิน เพราะเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2008 Gen Z หลายคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเลือกและการเสียสละตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Gen Z ได้รับการขนานนามว่าเป็น "รุ่นที่อนุรักษ์นิยมทางการเงินมากที่สุด" ในรอบหลายปี เนื่องจากแนวโน้มของคนรุ่นนี้ที่จะค่อนข้างประหยัดเมื่อต้องใช้จ่ายเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสิ่งที่ไม่จำเป็น อย่างเช่น เรื่องสังสรรค์, งานสังคม, ค่าช้อปปิ้ง และอื่น ๆ ที่เป็นค่าใช้จ่ายเกินตัว
5. คำนึงถึงประโยชน์และคุณภาพของสิ่งของ
แม้ว่า Gen X รุ่นพ่อแม่ของพวกเขาจะมีความชอบ และหลงใหลในแบรนด์เนม แต่ Gen Z นั้นจะใช้การพิจารณามากเป็นพิเศษ ซึ่งเมื่อพวกเขาต้องการที่จะซื้อสิ่งของเหล่านี้ จะคิดทบทวนว่าสิ่งที่ซื้อมานั้นมีประโยชน์มากน้อยขนาดไหน และได้ใช้จริงรึป่าว Gen Z จะคำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งานมากกว่าโลโก้แบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก เพราะพวกเขาเติบโตขึ้นมาในยุคดิจิทัล และมีสื่อออนไลน์ให้ติดตามอยู่มากมาย เพราะฉะนั้นคนในยุคนี้จึงให้ความสำคัญกับคุณภาพ และความรวดเร็วมากกว่าราคา หรือการซื้อเพื่อสนองความต้องการ หรือเพื่อเป็นที่ยอมรับในสังคม Gen Z คาดหวังให้สิ่งต่าง ๆ ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดายกับชีวิตพวกเขาอีกด้วย
สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะอยู่ใน Generation ไหนการที่รู้จักปรับตัวไปกับสถานการณ์ปัจจุบัน และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ นั้นย่อมมีผลดีต่อการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่าลืมที่จะเติมความรู้ และข้อมูลข่าวสารอยู่เป็นประจำกันนะทุกคน