เพื่อคุ้มครองคุณและครอบครัว
ประกันสุขภาพหรือประกันชีวิต เป็นอีก 1 ปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบ้านที่มีคนในครอบครัวหรือพ่อแม่ที่อายุมากขึ้น สวนทางกับสุขภาพที่เสื่อมถอยลงในทุก ๆ วัน จนทำให้การใช้ชีวิตประจำวันต้องเสี่ยงกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ประกันสุขภาพและประกันชีวิตจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันมีรูปแบบประกันสุขภาพและประกันชีวิตที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้ผู้สูงอายุในวัย 60 ปีขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้เลือกมากมาย
รู้จักประกันชีวิตประกันสุขภาพ
ในอดีตหากพูดถึงการซื้อขายประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตก็จะมีตัวเลือกการคุ้มครองมากมายตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 60 ขึ้นไป ที่ทางตัวแทนจะต้องวิ่งเข้าหาผู้บริโภค เพื่อนำเสนอผลตอบแทนจากประกันที่ดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้ายอมซื้อประกัน เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนจะยอมรับฟังรายละเอียดของการซื้อขายประกัน แต่ ณ ปัจจุบันหลังจากเหตุโรคระบาดโควิด 19 ที่ทำให้ผู้คนในประเทศตระหนักถึงปัญหาสุขภาพมากยิ่งขึ้น จากประกันที่เคยวิ่งเข้าหาผู้บริโภค กลับกลายเป็นผู้บริโภคที่ต้องวิ่งเข้าหาบริษัทหรือตัวแทนประกันอย่างล้นหลาม จนถึงขนาดมีผู้ทำธุรกิจประกันบางรายต้องยุติการซื้อขายเนื่องจากมีผู้สนใจซื้อประกันมากเกินไปจนบริษัทไม่สามารถดูแลผู้บริโภคได้ทั่วถึง แล้วในสภาวะเช่นนี้เราควรจะ
เลือกประกันอย่างไร การซื้อประกันสุขภาพและประกันชีวิต เพื่อวางแผนเกษียณให้แก่พ่อแม่เมื่อถึงวัยอายุ 60 ปี ขึ้นไปยังจำเป็นอยู่หรือไม่?
ประกันสุขภาพและประกันชีวิตผู้สูงอายุ จำเป็นไหม?
ประกันชีวิตและประกันสุขภาพผู้สูงอายุตั้งแต่ 50-60 ปีขึ้นไป มีหลายแบบให้เลือก ยิ่งคุณทำไวเบี้ยประกันจะยิ่งถูกลงเพราะความเสี่ยงในการเกิดโรคภัยไข้เจ็บยังไม่สูงมาก ผู้ที่กำลังจะวางแผนเกษียณคงต้องมองหาแผน
ประกันสุขภาพผู้สูงอายุที่เหมาะกับตัวเรา หรือผู้ที่กำลังหาประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพให้แก่พ่อแม่ควรจะรีบศึกษาข้อมูลตั้งแต่วันนี้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต อย่างประโยคที่เราเคยได้ยินอยู่เป็นประจำว่า “เงินซื้อทุกอย่างได้แต่ซื้อสุขภาพที่ดีไม่ได้” จึงควรหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงินเก็บทั้งชีวิตไปกับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
ปัญหาสุขภาพที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ
ช่วงวัยสูงอายุจะมีการเสื่อมถอยทางด้านร่างกาย อวัยวะจะเสื่อมเมื่ออายุเลย 30 ปีขึ้นไป หากผู้สูงอายุไม่มีการดูแลสุขภาพร่างกายที่ดีตั้งแต่ในช่วงวัยกลางคนก็ทำให้โอกาสเกิดปัญหาสุขภาพนั้นมีมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งโรคที่มักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ มีดังนี้
- โรคเบาหวาน
- โรคอ้วน
- ความดันโลหิตสูง
- ไขมันในเลือดสูง
- โรคอัลไซเมอร์
- โรคที่เกิดจากการเสื่อมของอวัยวะ เช่น ต้อหิน ต้อกระจก โรคข้อเสื่อม ปัญหาทางการได้ยิน ปัญหาการย่อยอาหาร สุขภาพฟัน เป็นต้น
และอีกปัญหาที่คนมักมองข้ามและพบได้บ่อยในผู้สูงอายุโดยเฉพาะวัยเกษียณหรือ 60 ปีขึ้นไปคือปัญหาทางด้านจิตใจ เนื่องจากเมื่อเกษียณแล้วอาจทำให้ผู้สูงอายุที่เคยทำงานมาทั้งชีวิตมีเวลาว่างมากเกินไป จนรู้สึกโดดเดี่ยวและมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ เช่น หงุดหงิดง่าย ขี้โมโห ขี้น้อยใจ หรือบางรายอาจเกิดเป็นอาการซึมเศร้าขึ้นมาได้ ซึ่งเราก็สามารถช่วยเยียวยาสุขภาพทางด้านร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุในเบื้องต้นได้ โดยการอยู่ด้วยและพูดคุยกับผู้สูงอายุบ่อย ๆ ให้เค้ามีจิตใจที่แจ่มใส แนะนำให้เค้าออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวและไขมันเกินเกณฑ์ ซึ่งจะเป็นต้นเหตุของโรคต่าง ๆ ตามมา รวมถึงการมองหาอาหารเสริมเพิ่มเติมจากอาหารหลักเพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง เพราะยิ่งปัญหาสุขภาพมีน้อย เบี้ยประกันที่เราต้องจ่ายก็จะถูกลงตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการซื้อประกันสุขภาพประกันชีวิต เพื่อวางแผนสำหรับการเกษียณเมื่อถึงอายุ 60 ปี ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น
ประกันสุขภาพมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
ควรเลือกประกันสุขภาพ ให้เหมาะกับผู้ที่เราต้องการให้ได้รับผลประโยชน์ เช่น พ่อแม่หรือผู้สูงอายุในครอบครัวที่มีความเสี่ยงต่อโรคภัย ไข้เจ็บ หรืออุบัติเหตุที่ต้องเข้ารับการรักษาในอนาคต ซึ่งต่อให้ซื้อไว้แต่ไม่ได้ใช้ก็ถือว่าผู้ที่ได้ทำประกันนั้นมีสุขภาพที่ดี เป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นและค่าใช้จ่ายบานปลายที่ตามมา ยิ่งคนในครอบครัวของเรามีอายุมากขึ้นโอกาสที่จะเจ็บป่วยจนมีค่ารักษาตามมาก็คงไม่น้อย การได้ทำประกันสุขภาพประกันชีวิต เพื่อเตรียมความพร้อมในอายุ 60 ก็ถือเป็นการซื้อความสบายใจ ให้พ่อแม่หรือผู้สูงอายุไม่รู้สึกว่าตนเองเป็นภาระของลูกหลาน ซึ่งนอกจากจะได้ประโยชน์จากการดูแลรักษาแล้ว ยังสามารถลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้ที่ซื้อประกันได้อีกด้วย เช่น ในกรณีเบี้ยประกันสุขภาพสำหรับพ่อแม่ ผู้จ่ายประกันสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายให้ทั้งพ่อและแม่ไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง รวมสูงสุดปีละ 15,000 บาท
ประกันผู้สูงอายุ เลือกอย่างไร?
ผู้ที่จะทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพผู้สูงอายุให้ตัวเอง หรือทำให้พ่อแม่ในช่วงอายุ 50-60 ปีก็คงจะมีปัญหาคล้าย ๆ กัน คือไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหนดี เพราะตัวเลือกของประกันนั้นมีจำนวนมาก ทำให้เกิดคำถามว่าเราควรจะเลือกจากอะไร
เบี้ยประกัน
สิ่งสำคัญอย่างแรกคงไม่พ้นราคาของ “เบี้ยประกัน” ที่จะต้องมีความเหมาะสมกับผู้ที่จะทำประกัน หากทำประกันในราคาที่สูงเกินไป ก็อาจทำให้เสียค่าเบี้ยประกันเกินกำลังจ่าย จึงแนะนำให้ทำประกันที่เสียเบี้ยประกันไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ต่อปี
ความคุ้มครอง
ความคุ้มครองมักจะสอดคล้องกับเบี้ยประกัน ยิ่งเบี้ยมากความคุ้มครองมักจะมากตามไปด้วย แต่เราสามารถเลือกประกันสุขภาพและประกันชีวิตของผู้สูงอายุให้เหมาะกับพ่อแม่ในช่วงอายุ 50-60 ปีได้ โดยเลือกวางแผนหลังเกษียณด้วยประกันที่ครอบคลุมค่ารักษา ค่าห้อง ค่ายา ค่าอาหาร ค่าบริการทางการแพทย์ แต่ทั้งนี้ก็ต้องบริหารจัดการกับงบประมาณที่มีเพื่อให้เกิดความสมดุลในทางการเงินและการใช้ชีวิต
โรงพยาบาลที่ครอบคลุม
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการทำประกันสุขภาพหรือประกันชีวิต เพื่อวางแผนให้ผู้สูงอายุ 60 ปี หรือในวัยเกษียณ คือโรงพยาบาลที่หลากหลายครอบคลุมต่อการรักษา ที่ตั้งอยู่ใกล้บ้านหรือที่ทำงาน สามารถเดินทางได้สะดวก เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดจะได้รับการรักษาได้ทันท่วงที นอกจากนี้ยังมีเทคนิคในการเลือกสำหรับผู้ที่อยากทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตเพื่อวางแผนให้พ่อแม่ในวัยเกษียณ ที่มีอายุ 50-60 ปี โดยหากไม่ได้มีปัญหาด้านกำลังทรัพย์ควรจะเลือกทำประกันให้พ่อแม่ตั้งแต่ก่อนช่วงอายุ 50 ปี เพราะโอกาสในการเกิดปัญหาสุขภาพหรือโรคภัยไข้เจ็บจะยังมีน้อย ซึ่งหากรอเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ อาจเกิดปัญหาหรือโรคแทรกซ้อนที่ทำให้บริษัทประกันปฏิเสธการทำประกันสุขภาพได้ นอกจากนี้การทำประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้สามารถวางแผนจัดการการเงินได้ง่ายขึ้น เพราะการจ่ายเบี้ยประกันในระยะยาวจะเป็นการลดค่าเบี้ยประกันที่จะสูงขึ้นตามอายุของผู้ที่ได้รับประกันและลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้
ในอีกกรณีที่อยากทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพให้พ่อแม่ แต่พ่อแม่อายุเกิน 60 ปีไปแล้ว ก็อาจจะต้องมองหาตัวเลือกประกันสุขภาพและประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุสำหรับ 60 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี ซึ่งตัวเลือกประกันในช่วงอายุนี้อาจจะมีค่อนข้างน้อย เพราะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคค่อนข้างมาก ทำให้มีข้อจำกัดของประกันรวมถึงความครอบคลุมอย่างจำกัด และเบี้ยประกันจะมีราคาแพงกว่าปกติ แต่จะสามารถต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึงช่วงอายุ 70-80 ปี ซึ่งก็ยังดีกว่าการเสียค่ารักษาพยาบาลที่เราไม่สามารถคาดเดาค่าใช้จ่ายได้
สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตให้แก่พ่อแม่ ผู้สูงอายุตั้งแต่ช่วงก่อน 50 จนถึง 60 ปีขึ้นไป หรือคนที่คุณรัก เพื่อคุ้มครองด้านสุขภาพและเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในอนาคตเมื่อท่านก้าวเข้าสู่วัยชรา ให้มั่นใจได้ว่าคนที่คุณรักจะได้รับการรักษาและการดูแลอย่างดีที่สุด พร้อมความคุ้มค่าในการเซฟค่ารักษาที่คุณอาจต้องเป็นคนจัดการในอนาคต โดยทางธนาคารกรุงศรีมี
กรุงศรีประกันสุขภาพตามใจ พลัส ที่จะให้คุณทำประกันได้แบบตามใจชอบ โดยสามารถ
- ปรับวงเงินคุ้มครองต่อปีได้ตามใจ*
- ประหยัดค่าเบี้ยได้ตามใจ
- แบ่งจ่ายเบี้ยได้ตามใจ
- เลือกปรับความคุ้มครองเสริมได้ตามใจ*
ประกันสุขภาพ ตามใจ เลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับคนที่คุณรัก
กรุงศรีประกันสุขภาพตามใจ คุ้มครองถึงใจปรับแผนกำหนดความคุ้มครองได้ดั่งใจคุณในวงเงิน 5 แสน - 10 ล้าน พร้อมเสริมได้ตามใจด้วยความคุ้มครองโรคร้ายแรง OPD ค่าชดเชยรายวัน และสามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกันได้ตามใจ มีทั้งแบบรายปี รายครึ่งปี รายเดือน ให้คุณเลือกชำระได้ ให้เข้ากับความต้องการของคุณ
โดยทุกแผนนอกจากคุณจะได้ความคุ้มครองจากเบี้ยประกันสุขภาพแล้ว ยังสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ สูงสุดถึง 25,000 บาท/ปี (ทั้งนี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด)
ไม่ว่าจะเป็นประกันรูปแบบใดก็สามารถเลือกได้ โดยหากคุณพ่อคุณแม่ยังมีอายุไม่มาก หรือไม่มีปัญหาสุขภาพ ณ เวลานี้ การเลือกประกันสุขภาพจะตอบโจทย์ครอบคลุมการรักษาและคุ้มค่ากับเบี้ยประกันที่คุณต้องจ่ายไป แต่หากต้องการเลือกประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพเพื่อวางแผนหลังเกษียณให้ผู้สูงอายุในวัย 60 ปีขึ้นไป การเลือกประกันชีวิตสะสมทรัพย์หรือประกันบำนาญก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณมีแผนการเงินที่ชัดเจนแล้วยังสามารถนำไป
ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ซึ่งหากคุณศึกษาและวางแผนประกันในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้พ่อแม่หรือผู้สูงอายุที่เรารักอุ่นใจได้รับการคุ้มครองและยังเป็นการสร้างแผนการเงินที่มั่นคงไปตลอดชีวิต หากคุณต้องการปรึกษาหรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมในด้านวางแผนทางการเงิน ทางธนาคารกรุงศรีมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุนโดยเฉพาะ ที่สามารถปรึกษาผ่านช่องทางฮอตไลน์ได้ที่ 02-296-5959 จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00 น. - 17.00 น. หรือฝากข้อมูลเพื่อให้
ที่ปรึกษาทางด้านการเงินจากธนาคารกรุงศรีติดต่อกลับ
บทความโดย
สิรภัทร เกาฏีระ CFP®
กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา