ทำไมเราถึงต้องเข้าใจตัวเองก่อนที่จะเข้าใจการลงทุน ก็เพราะเรามีความคิดที่ว่าการลงทุนแนวทางไหนมันก็จะสร้างผลตอบแทนให้เราเหมือนกัน เอาวิธีที่มันรวยได้ง่าย และรวดเร็ว ก็จะลุยไปทางนั้น ลองศึกษาหาข้อมูล อ่านหนังสือ ก็เห็นคนนั้น คนนี้เขาทำได้ ประสบความสำเร็จกัน แล้วทำไมเราถึงจะประสบความสำเร็จตามไม่ได้ วิธีการต่างๆ ก็มีแนะนำมากมาย เราก็แค่หยิบมันมาแล้วนำไปใช้ตามเท่านั้นเอง
เมื่อลองทำตามแล้ว ทำไมเราถึงไม่ประสบความสำเร็จเหมือนอย่างเขา ทั้งๆ ที่เราก็ทำตามที่เขาบอกแล้วนะ ใครที่ได้ลงมือทำแล้วเจอแบบนี้ จะบอกเลยว่าเหมือนตัวผม ที่สมัยเริ่มต้นเล่นหุ้น เล่นมาหลายปีก็เข้าใจนะ แนวทางการลงทุนมีกี่แบบ หลักการเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่เห็นจะได้กำไรเหมือนคนอื่นเขา แถมขาดทุนอีกต่างหาก มันก็มีช่วงที่ต้องตัดสินใจว่าจะไปต่อ หรือจะเลิกดี ผมมองว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเลยทีเดียว ถ้าเราตัดสินใจดูแค่ผลลัพธ์ว่าทำไปแล้วก็ไม่สำเร็จ เลิกตอนนี้ พอแค่นี้ก่อนที่จะเจ็บตัวไปมากกว่านี้ ซึ่งหลายคนที่เลิกเล่นหุ้นไป เพราะเจ็บตัว ไปแล้วไม่กลับมาก็มีมากมาย
แต่สำหรับตัวผมขอเลือกที่จะไปต่อ โดยผมจะพิจารณาเพิ่มเติม ลองทบทวนให้ดีๆ ว่าทำไมถึงไม่ประสบความสำเร็จ เราอาจจะโทษเรื่องนั้น เรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็หันกลับมามองตัวเอง ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ วิธีการที่เราใช้มันอาจไม่เหมาะกับตัวเราก็ได้ นั่นสิ งั้นก็จงตั้งคำถามถามตัวเองกลับไปว่าแล้วตัวเราเหมาะกับอะไร ตัวเราจะลงทุนสไตล์ไหน ที่ผ่านมาเชื่อคนอื่น ทำตามคนอื่น ตรงไหนว่าดี ก็ตามเขาไป เลยไม่ค้นพบตัวเองเสียที
ผมจะขอเล่าประสบการณ์ของผม ที่ผมค้นหาตัวเองจนเจอ ซึ่งกว่าที่จะเข้าใจตัวเองได้นั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นมาทันที แต่มันเกิดจากประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ผมไม่ให้มันผ่านไป จะจดจำบันทึกไว้ เพื่อหาตัวเองให้เจอ
และนี่ก็คือตัวผมที่เข้าใจตัวเองแล้วในวันนี้…. ผมชอบการลงทุนในหุ้น เน้นออกไปทางเก็งกำไร มันสนุกดีนะ ส่วนตัวผมไม่ชอบที่จะถือยาว เพราะผมรู้ใจตัวเองว่าเป็นคนอดทนไม่พอ จะให้ถือยาวข้ามปีไม่ค่อยจะไหว แต่การเก็งกำไรของผม ผมจะไม่เล่นหุ้นปั่น หุ้นซิ่ง เพราะผมรู้ว่ามันจะทำให้ผมเสียสมาธิในการทำงาน หากซื้อไปแล้วคงอดไม่ได้ที่จะต้องจ้องดู หรือแอบดูเวลางานตลอดเวลา ถึงแม้ว่าผมจะชอบเล่นหุ้นเก็งกำไร แต่ก็ไม่ต้องซิ่งมาก พอเห็นมีจังหวะก็ซื้อ เล่นไปตามแผนได้จังหวะก็ขาย บางจังหวะขายหมู ขายออกไปก่อนเวลาอันควร ก็ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส ยังไงมันก็คือกำไร ซึ่งเราก็เข้าใจตัวเองดีว่าไม่สามารถจะดูหน้าจอตลอดเวลาได้ อาจจะต้องไปประชุม หรือมีงานด่วน บางที ตัวไหนซื้อแล้วผิดทาง แบบว่าซื้อแล้วมันควรจะไปต่อ แต่ดันลงซะงั้น ก็ต้อง Stop loss ตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้เสียหายน้อยที่สุด แล้วก็ว่ากันใหม่เกมหน้า
ผมเลือกที่จะชอบดูกราฟเพื่อวางแผน แทนการนั่งดูงบ ดูพื้นฐานบริษัท ผมดูกราฟไม่เน้นท่ายาก เพราะท่าง่ายๆ สามารถทำกำไรได้ก็พอแล้ว ถ้าดูกราฟราคาหุ้นตัวไหนดูแล้วมันยากไป ก็ไม่ดู เปลี่ยนหุ้นไม่ยึดติด ก็ทำมาเรื่อยๆ ไปพร้อมกับทำงานประจำ แม้กำไรจะไม่ได้มากมาย แต่ก็มีความสุขดี
สิ่งที่เอามาแชร์เพื่ออยากจะบอกว่า ถ้าเรารู้จักตัวเองว่าเป็นอย่างไร เอาไปเชื่อมต่อกับแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับเรา มันก็จะไปได้ไกลและระหว่างทางที่เดินไปเป้าหมายก็มีความสุขไปด้วย แต่ละคนมีสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน บางคนไม่ชอบที่จะเสี่ยงมาก ก็ไม่จำเป็นต้องเล่นหุ้นเหมือนผม ไปสนใจซื้อกองทุนก็ได้ หรือใครชอบหุ้นแต่ชอบถือยาวกินปันผล ก็เป็นอีกแนวทางนึงที่น่าสนใจ
ที่สำคัญคือเข้าใจตัวเอง และระหว่างทางที่เดินในเส้นทางการลงทุนก็พยายามถามตัวเองว่าเรายัง OK อยู่ไหมจะมีอะไรที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติม บางทีเราไม่จำเป็นที่ต้องยึดติดกับแนวทางด้านใดด้านหนึ่งก็ได้ แบบว่าชอบเล่นสั้นก็เปิดพอร์ตนึง แต่ก็มีแผนที่อยากเก็บหุ้นไว้ถือยาวกินปันผล ก็เปิดอีกพอร์ตเก็บไว้ ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ตัวเราจะจัดการเอง การเรียนรู้ ศึกษาวิธีการจากคนที่ประสบความสำเร็จแล้วเป็นสิ่งที่ดี แต่เราก็คงไม่เหมือนเขา ให้ลองหยิบในสิ่งที่เราคิดว่าเหมาะกับเรา เอามาประยุกต์ใช้กับตัวเราให้ดีขึ้น ซึ่งผมมองว่าเป็นสิ่งควรจะทำ เรียนรู้ ศึกษาไปเรื่อยๆ อย่าหยุด เพราะบางทีอนาคตคุณอาจเจออะไรดีๆ อยู่ในตัวคุณก็เป็นได้ ขอให้เริ่มต้นจากวันนี้หาสไตล์ตัวเองให้เจอ ให้เร็ว แล้วไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้