เข้าสู่ปี 2568 แล้ว แม้จะยังเป็นอีกหนึ่งปีที่นักลงทุนต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน และการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของภาวะเศรษฐกิจโลก เช่น ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกก็ยังคงสามารถเติบโตได้แบบชะลอตัว และยังไม่มีสัญญาณเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ทำให้มีการคาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจในหลายภูมิภาคจะมีการฟื้นตัวขึ้นในปีนี้
ในบทความนี้ Krungsri The COACH ได้รวมภูมิภาคที่ควรจับตามอง และจะได้รับผลประโยชน์จากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ผ่าน 5 กองทุนน่าสนใจ ปี 2568 เพื่อรับมือกับความผันผวนทางนโยบายที่ไม่แน่นอนของรัฐบาลกลางของแต่ละประเทศทั่วโลก
ธีมการลงทุนที่น่าจับตามองใน ปี 2568
การลงทุนในปี 2568 มีธีมการลงทุนที่น่าจับตามองอยู่ด้วยกัน 2 ธีมการลงทุน ได้แก่ กองทุนที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แต่ละธีมจะมีความน่าสนใจอย่างไร Krungsri The COACH จะพาไปดูกัน
ความน่าสนใจของกองทุนที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
สิ่งที่ทำให้กองทุนที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความน่าสนใจ จะมีอยู่ 3 ข้อหลัก ๆ คือ
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในช่วงขาลง
- นโยบายของว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เน้นการเติบโตในด้านเศรษฐกิจ น่าจะส่งผลดีต่อการเติบโตของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในอนาคต
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในอนาคตได้ (หากนโยบายของทรัมป์ส่งผลให้เงินเฟ้อ หรือมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายน้อยกว่าที่คาดการณ์) อ้างอิงจากก่อนหน้านี้ที่มีการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูง แต่การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงดีอยู่ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ความน่าสนใจของกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
สิ่งที่ทำให้กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีความน่าสนใจ คือ หุ้นกลุ่มนี้มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่ในปีนี้จะยังคงมีอัตราเติบโตสูงอยู่ เพราะมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีออกมาตลอด เช่น ด้านการแพทย์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบ Cloud หรือ Data Center เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะยังอยู่ในช่วงการเริ่มต้น ทำให้มีช่องว่างการเติบโตมาก และสามารถผลักดันการเติบโตของหุ้นได้นั่นเอง
Krungsri The COACH แนะนำ 5 กองทุนรวมที่น่าสนใจ ปีมะเส็ง 2568
วันนี้ Krungsri The COACH ได้คัดเลือกกองทุนรวมที่น่าจับตามองใน ปี 2568 ทั้งกองทุนที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เพื่อเป็นโอกาสในการลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจประจำปี 2568 ที่ยังคงมีความผันผวนอยู่มาแนะนำ โดยแบ่งออกเป็น 2 ธีมหลัก ได้แก่
- กองทุนสำหรับสายวิเคราะห์ บริหารความเสี่ยงได้ด้วยตนเอง (3 กองทุน)
- กองทุนสำหรับมือใหม่ มีคนช่วยดูแลพอร์ตให้ (2 กองทุน)
ในแต่ละธีมจะมีกองทุนเด่นอะไรบ้าง มาดูกันเลย!
3 กองทุนสำหรับสายวิเคราะห์ บริหารความเสี่ยงได้ด้วยตนเอง
สำหรับใครที่เป็นสายชอบติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ ชอบวิเคราะห์การลงทุนในกองทุนรวมเอง Krungsri The COACH แนะนำ 3 กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ หรือหุ้นเพียงอย่างเดียว คุณสามารถเลือกสัดส่วนการลงทุนระหว่างกองทุนรวมตราสารหนี้กับกองทุนรวมหุ้นได้เองตามความเสี่ยงที่ตนเองสามารถยอมรับได้เลย
1. KT-GCINCOME-A
- เหมาะกับใคร : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง
- ระดับความเสี่ยงกองทุน : 5 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) – ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- นโยบายการลงทุน : ลงทุนในตราสารการเงินหลากหลายประเภททั่วโลก โดยเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการกระจายผลตอบแทน ที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ Investment Grade และหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง (High Yield) มากกว่า 2 ใน 3 ของสินทรัพย์การลงทุน ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ Schroder International Selection Fund Global Credit Income (Class C) เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
- จุดเด่นที่น่าสนใจในมุมของ Krungsri The COACH :
- เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในตราสารเงินหลากหลายประเภททั่วโลก
- มีการปรับอายุของตราสารที่ลงทุนให้เหมาะกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
- มีโอกาสทำผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
- สามารถอ่านรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ KT-GCINCOME-A
2. SCBLEQA
- เหมาะกับใคร : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง และต้องการโอกาสสร้างการเติบโตของเงินลงทุนไปกับหุ้นทั่วโลกที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
- ระดับความเสี่ยงกองทุน : 6 (เสี่ยงสูง) - ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- นโยบายการลงทุน : ลงทุนในหุ้นทั่วโลก ที่โดยพื้นฐานมีความผันผวนคาดการณ์ และความเสี่ยงขาลงคาดการณ์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดโดยรวม ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ AB Low Volatility Equity Portfolio Class I ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
- ตัวอย่างหุ้นที่กองทุนนี้ลงทุนเป็น 5 อันดับแรก (ข้อมูลจาก Fund Fact Sheet ณ วันที่ 30 พ.ย. 67) :
- Microsoft Corp. (MSFT) สัดส่วน 5.11 % : เป็นบริษัทผู้ผลิต และพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ที่มีผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
- Alphabet Inc. (GOOG) สัดส่วน 3.19 % : เป็นบริษัทโฮลดิ้งเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ที่เป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี
- Apple Inc. (AAPL) สัดส่วน 3.04 % : เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ออกแบบ ผลิต และขายสินค้าฮาร์ดแวร์ เช่น iPhone, iPad, Mac, และบริการดิจิทัล เช่น iCloud และ Apple Music
- Broadcom Inc. (AVGO) สัดส่วน 2.83 % : เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำที่เชี่ยวชาญในการออกแบบ และจัดจำหน่ายชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ และโซลูชันต่าง ๆ สำหรับอุตสาหกรรมเครือข่าย การสื่อสาร และการประมวลผลข้อมูล
- Fiserv Inc. (FI) สัดส่วน 2.08 % : เป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่ให้บริการโซลูชันการชำระเงิน บริการธนาคาร และการบริหารจัดการข้อมูลสำหรับสถาบันการเงินและธุรกิจทั่วโลก
- จุดเด่นที่น่าสนใจในมุมของ Krungsri The COACH :
- เป็นกองทุนหุ้นที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ และมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่อยู่ในตลาดที่พัฒนาแล้วเป็นหลัก
- เป็นการลงทุนแบบกระจายประเทศ และกลุ่มอุตสาหกรรม ทำให้ลดความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของการลงทุนได้
- มีสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำที่กำลังเติบโต อย่างเทคโนโลยี
- สามารถอ่านรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ SCBLEQA
3. KFHTECH-A
- เหมาะกับใคร : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง และต้องการสร้างโอกาสการเติบโตของการเงินลงทุนไปกับหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี
- ระดับความเสี่ยงกองทุน : 7 (เสี่ยงสูง) – ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่า 90% ของเงินลงทุนในต่างประเทศ
- นโยบายการลงทุน : ลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่มีธุรกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในหมวดเทคโนโลยี ผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ BGF World Technology Fund (Class D2 USD) เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
- ตัวอย่างหุ้นที่กองทุนนี้ลงทุนเป็น 5 อันดับแรก (ข้อมูลจาก Fund Fact Sheet ณ วันที่ 29 พ.ย. 67) :
- NVIDIA (NVDA) สัดส่วน 9.46 % : บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ผู้นำด้านการสร้างหน่วยประมวลผลกราฟิกจากประเทศสหรัฐอเมริกา
- Microsoft Corp. (MSFT) สัดส่วน 8.52 % : เป็นบริษัทผู้ผลิต และพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ที่มีผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
- Apple Inc. (AAPL) สัดส่วน 8.31 % : เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ออกแบบ ผลิต และขายสินค้าฮาร์ดแวร์ เช่น iPhone, iPad, Mac, และบริการดิจิทัล เช่น iCloud และ Apple Music
- Broadcom Inc. (AVGO) สัดส่วน 5.01 % : เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำที่เชี่ยวชาญในการออกแบบ และจัดจำหน่ายชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ รวมไปถึงโซลูชันต่าง ๆ สำหรับอุตสาหกรรมเครือข่าย การสื่อสาร และการประมวลผลข้อมูล
- Meta Platforms Inc. (META) สัดส่วน 3.77 % : เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่พัฒนา และให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, และ WhatsApp รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีเสมือนจริงและโลกเสมือน (Metaverse)
- จุดเด่นที่น่าสนใจในมุมของ Krungsri The COACH :
- ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำขนาดใหญ่ โอกาสการลงทุนท่ามกลางความก้าวหน้าทางนวัตกรรม และเทคโนโลยี ซึ่งก้าวเข้ามามีบทบาทในทุกอุตสาหกรรม
- ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน และการวิเคราะห์ในเชิงลึก เพื่อค้นหาโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่เป็นหุ้นเทคโนโลยียุคใหม่ เช่น AI, Cloud Computing รวมถึงพยายามค้นหาบริษัทใหม่ ๆ ที่มีโอกาสก้าวขึ้นมาแทนที่ผู้เล่นรายเดิม เพื่อคว้าโอกาสลงทุน
- อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ BlackRock, Inc บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุด*
- สามารถอ่านรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ KFHTECH-A
2 กองทุนสำหรับมือใหม่ มีคนช่วยดูแลพอร์ตให้
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่อยากมีคนช่วยดูแลพอร์ตให้ ต้องการให้ผู้จัดการกองทุนจัดพอร์ตตามความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ และช่วยปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับแต่ละสภาวะเศรษฐกิจ Krungsri The COACH ขอแนะนำกองทุนผสม ดังนี้
4. KFGDB-A
- เหมาะกับใคร : นักลงทุนมือใหม่ที่รับความเสี่ยงได้ระดับต่ำถึงปานกลาง ไม่ค่อยมีเวลาติดตามข่าวสาร ต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญคอยปรับสัดส่วนการลงทุนให้
- ระดับความเสี่ยงกองทุน : 6 (เสี่ยงสูง) - ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- นโยบายการลงทุน : มีนโยบายลงทุนในทรัพย์หลากหลายประเภท ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ ตราสารตลาดเงิน เป็นต้น เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะปานกลาง โดยพอร์ตการลงทุนออกแบบให้มีระดับความผันผวนให้ใกล้เคียงกับการลงทุนในตราสารหนี้ 50% และหุ้น 50% โดยลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI 50, Class P (EUR)
- ตัวอย่างสัดส่วนสินทรัพย์ที่ลงทุน (ข้อมูลจาก Fund Fact Sheet ณ วันที่ 29 พ.ย. 67) :
- หุ้น 60.80 %
- ตราสารหนี้ 33.10 %
- อื่น ๆ 3.80 %
- สินทรัพย์สภาพคล่อง 2.20 %
- จุดเด่นที่น่าสนใจในมุมของ Krungsri The COACH :
- ลงทุนอย่างยืดหยุ่นในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก เช่น หุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก โดยมีการแบ่งสัดส่วนของ Core portfolio และ Satellite portfolio เพื่อตอบโจทย์ในทุกโอกาสการลงทุน
- มีแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวด โดยเน้นให้ความผันผวนใกล้เคียงกับการลงทุนในตราสารหนี้ 50% และหุ้น 50% เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดภายใต้ระดับความผันผวนที่กำหนด
- กองทุนหลักมีประวัติผลตอบแทนที่โดดเด่น และสามารถรักษาระดับความผันผวนที่สอดคล้องตามกรอบเป้าหมาย
- สามารถอ่านรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ KFGDB-A
5. KFGDA-A
- เหมาะกับใคร : นักลงทุนมือใหม่ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง ไม่ค่อยมีเวลาติดตามข่าวสาร ต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญคอยปรับสัดส่วนการลงทุนให้
- ระดับความเสี่ยงกองทุน : 6 (เสี่ยงสูง) - ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- นโยบายการลงทุน : มีนโยบายลงทุนในทรัพย์หลากหลายประเภท ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ ตราสารตลาดเงิน เป็นต้น เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะปานกลาง โดยพอร์ตการลงทุนออกแบบให้มีระดับความผันผวนให้ใกล้เคียงกับการลงทุนในตราสารหนี้ 25% และหุ้น 75% โดยลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI 75, Class P (EUR)
- ตัวอย่างสัดส่วนสินทรัพย์ที่ลงทุน (ข้อมูลจาก Fund Fact Sheet ณ วันที่ 29 พ.ย. 67) :
- หุ้น 73.60 %
- ตราสารหนี้ 18.90 %
- อื่น ๆ 4.00 %
- สินทรัพย์สภาพคล่อง 3.50 %
- จุดเด่นที่น่าสนใจในมุมของ Krungsri The COACH :
- ลงทุนอย่างยืดหยุ่นในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก เช่น หุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก โดยมีการแบ่งสัดส่วนของพอร์ตหลัก และพอร์ตรอง (Core & Satellite Portfolio) เพื่อตอบโจทย์ในทุกโอกาสการลงทุน
- มีแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวด โดยเน้นให้ความผันผวนใกล้เคียงกับการลงทุนในตราสารหนี้ 25% และหุ้น 75% เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดภายใต้ระดับความผันผวนที่กำหนด
- กองทุนหลักมีประวัติผลตอบแทนที่โดดเด่น และสามารถรักษาระดับความผันผวนที่สอดคล้องตามกรอบเป้าหมาย
- สามารถอ่านรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ KFGDA-A
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- KFGDB-A, KFGDA-A, KT-GCINCOME-A, SCBLEQA ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- KFHTECH-A ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน
สรุป : การลงทุนในกองทุนรวมที่ดีต้องเลือกให้เหมาะกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
การลงทุนในกองทุนรวมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความผันผวนในปี 2568 ได้ แต่ก็ควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการลงทุนด้วย โดยเราแนะนำให้เลือกกองทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่คุณสามารถยอมรับได้ และควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น ประเภทของสินทรัพย์ที่นำไปลงทุน ความเสี่ยงโดยเฉพาะของบางประเทศ หรือประวัติผลการดำเนินงาน เป็นต้น
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการลงทุนกองทุนรวมก็คือ “
การมีวินัยลงทุนอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ เดือน” เพราะจะช่วยเฉลี่ยต้นทุน และทำให้คุณไม่ต้องกังวลกับช่วงเวลาที่ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง นำไปสู่โอกาสการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว และช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินของคุณได้
อ้างอิง